คัดลอกมาจากการสนทนากันในห้องแชท
Nowya 11-19 Dec’14
ชาวหุ้นต้องรู้อยู่อย่างว่า ระบบการเล่นหุ้นนั้น คือ เรายืนอยู่ในกรอบ 3 เหลี่ยมมุมแหลม สองด้านที่ยาว ๆ คือ
1 การเล่นเก็งกำไรอย่างมีหลักการ
2 การเล่นลงทุนด้วยปัจจัย+การถือยาวเป็น สรณะ
ส่วนด้านที่เป็นฐานคือ 3 ซึ่งเป็นฐาน เป็นเส้นกระกอบมุมที่สั้น ที่สุด คือ การเล่นแบบการพนัน โดยการเอาโชคดวงเป็นตัวประกอบ
ไหน ๆ ก็มาถึงจุดนี้ จะมาคุยเรื่อง โชคดวง กัน
โชคคือ สิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ มาจากไหนไม่มีใครรู้ คนให้คือใครก็ไม่มีคนรู้ องค์ประกอบของโชคคืออะไรก็ไม่มีใครรู้ แต่มันมาเอง ธรรมชาติของโชค เหมือน เราหิวน้ำ แต่ยืนที่กลางแจ้ง ฝนคือ โชค เราถือขันน้ำ รอรับฝน ซึ่งตกมาแบบเป็นละออง มีสององวิธีที่คนคิดได้ คือ ยืนกับที่ถือขันน้ำรองรับละอองฝน ยิ่งนานน้ำาในขันก็จะเต็มรื หรืออีกวิธีก็เดินไปเรื่อยๆ สุดท้าย ทั้งสองวิธีจะได้น้ำเต็มมขันในเวลา เกือบเท่ากัน แต่พวกนักพนัน เขาจะคิดหาที่ ๆ มีเม็ดฝนใหญ่ ๆ ในช่วงที่ฝนตกลงมาเป็นละอองฝน ก็ต้องรอโชค
ส่วน ดวง คือ ดวงใจของเราเอง ดวงใจคือสื่อของความคิด ใจกล้าก็เล่นมาก ใจไม่กล้าก็ซื้อน้อย พวกนักพนันก็มี ดวง สองแบบนี้ แต่ คนใจกล้า ก็เกาะโชคไป วันโชคดี ใจกล้าก็รวยเร็วทันตา พวกใจไม่กล้า ก็ได้ นิดนิดหน่อยๆ
ในระบบการเล่นหุ้น ต้องยืนในกรอบ 3 เหลี่ยม เสมอ ไม่ว่า จะเป็น นาย บัฟเฟต นาย ลินซ์ หรือ พวกอันดับ1 คนเหล่านี้ รวย จาก 3 ด้าน พร้อมกัน ไม่ใช่รวยจากด้านเดียวของ สามเหลี่ยม แน่นอน แต่เวลา on air พวกนี้จะบอกให้รู้ เพียงด้านเดียว ของ สามเหลี่ยม เสมอ ๆ เขาไม่เคยบอกว่า ส่วนที่ได้อีกด้านของการเก็งกำไรเป็นอย่างงัย (เป็นวิชาลับสุดยอด) หรือ บอกว่า ส่วนที่เป็น ฐาน คือ โชคของเขามีมากตรงจุดไหน (ไม่บอก เพราะบอกก็จะเสียเครดิตตนเอง )
พวกเราชาวหุ้น ต้องศึกษา ทั้งสามด้าน จะได้ ประโยชน์มากสุด ผมเองพยายาม เสนอ ด้านเก็งกำไร ส่วนด้านปัจจัยพื้นฐาน มีคนรู้กันทั้งตลาด แต่ ไม่เคยสนใจว่า ปลายด้านของปัจจัย ต้องมาเกาะเกี่ยวกับปลายด้านของเก็งกำไร แบบแยกกันไม่ออก ....ใครตอบความคิดนี้ได้บ้าง
ในการวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน รู้จัก คำว่า P/E
E คือ ผลกำไร ที่กิจการนั้นมีความสามารถทำได้ (ตามความสามารถของมนุษย์ที่เก่งหรือ คณะบุคคลผู้บริหารกิจการนั้น)
P คือ ราคาตลาด ซึ่ง ไม่มีใครกำหนด เพราะ ในนั้น มีการเก็งกำไร ผสมอยู่มากมาย ซ้อนกันอยู่หลาย ๆ ชั้น คำว่า P ยังมีเวลาเกาะอยู่ เวลา ก็มาเกี่ยวกับการเก็งกำไร /และ การลงทุน ต้องนึกภาพให้ออก
สมมติ มีคนคนหนึ่ง บอกว่า เขาวิเคราะห์หุ้นมาตัวนึง ว่า ดีมากมาก ราคาตามปัจจัย ต่ำกว่า 10 บาท รับได้ สูงกว่า 30 บาท ถือว่า เกินปัจจัย ขณะนั้นตลาดราคา 9 บาท เขาซื้อ แบบทุ่มสุดตัว(ก็มั่นใจแล้วก็สุดตัวหน่อย ไม่ใช่ร้อยหุ้น พันหุ้น กำไรก็จะเป็นกอบกำ ถึงจะเรียกว่านักลงทุน)
แต่อีก 1 วัน ราคา ต่ำกว่า 9 บาท เหลือ 8 เขาอยากซื้อแต่เงินหมด เขาทนผ่านไปอีกวัน ราคาไป 11 อีกวัน ลิ่ง และจากนั้น ใน 30 วันถัดไป ราคาไป 35 บาท เขาขายออกไป แต่ราคาไปต่อ เป็น 40 บาท
เหตุการณ์ แบบนี้มีไหมในตลาด เกิดกับหุ้นหลาย ๆ ตัว หรือ แม้ในหุ้นปัจจัยหลัก หรือหุ้นใหญ่ ถามว่า ทำไม ราคาไปได้ใน 30 วัน มันน่าจะ 3 ปี ทำไม ทำไม และทำไม….ก็ มีการเก็งกำไรนำ ปัจจัยลงทุนไงครับ หากไม่มีการเก็งกำไร ค่า pe ก็จะคงที่จนกว่า รอประกาศผลประกอบการอีก 3 เดือนถัดไป
ที่ราคาเปลี่ยนเร็ว เพราะมีองค์ประกอบ คือ
1. จำนวนคนอยากซื้อ/ขาย มากกว่าจำนวนหุ้นที่มีหมุนเวียนในตลาด
2. ราคาจะตามความต้องการซื้อ/ขาย ตามเวลา(ย้ำตามเวลาขณะนั้น) เวลาผ่านไป ความต้องการต่าง ๆ เปลี่ยนไป (นี่คือ ศิลปะในการเล่นหุ้น คือจับความอยากของคนให้ได้)
3. ข้อสุดท้ายจึงมาที่ปัจจัยพื้นฐาน คือ ระบบเศรษฐกิจขณะนั้น ๆ เป็นไง
…ดี คนก็รวยมีเงินเยอะ มาแย่งซื้อหุ้น ไม่สนว่าแพง
…ไม่ดี คนก็มีเงินทุนน้อย ซื้อหุ้นได้ น้อย แล้วก็รอ หลังซื้อแล้ว แล้วยังอยการอให้ราคาต่ำกว่านี้ ทั้งที่ราคาต่ำติดดินแล้ว
จะพบว่า ระบบเก็งกำไร ต้องนำการลงทุนเสมอ ไม่ใช่การลงทุนนำการเก็งกำไร ใคร งง บ้างครับ ?
แต่หลายคนยังเข้าใจว่า หากเล่นแบบเก็งกำไร ต้อง ซีเรียสมาก ต้องแอคทีฟ ประสาทจะกินเอา ผิดเลยครับ หากท่านรู้วิธีการเก็งกำไร (ไม่ใช่วิชาปั่นหุ้น นั่นแหละจะซีเรียส) ท่านจะเล่นหุ้นแบบสบาย ๆ ขนเงินมามากแค่ไหนก็เล่นสบาย ๆ แบบพวกกองทุนข้ามชาติที่เขาขนมาครั้งนึง หลายพันหลายหมื่นล้านไงครับ เพราะคนบริหารเขาใช้ระบบ qpr มากินรายย่อยทั้งตลาดง่าย ๆ หลอกให้เห็นว่า ต่างชาติยังอยู่ (เล่นทุกวัน มีซื้อ/ขายสุทธิโชว์ให้เห็น เขาขอบคุณ ระบบตลาดบ้านเราที่โชว์โง่ ให้รายย่อยติดกับทุกเย็น ต่างชาติซื้อสุทธิ แต่รายย่อยหลงว่า ขนาดต่างชาติยังซื้อสุทธิ แบบนี้เราต้องซื้อและกอดหุ้นไว้ให้แน่น จริงป่าว ? พวกเรา)
ถ้าพวกเรา ทำqpr จนชำนาญ จะรู้ว่า บางวัน เราซื้อสุทธิ แต่หุ้นในมือเรา ต้นทุนต่ำลงเยอะมาก มาก(อยากตะโกนดัง ๆ ว่า ม๊ากมาก จนขายฟลอร์ยังกำไร) นั่นคือวันที่เราซื้อสุทธิ แต่ในวันที่เราขายสุทธิ เราจะพบว่า กำไรเป็นเงินสดลงกระเป๋า เนื้อ ๆ เลย แต่ผลออกมาว่า เราขายสุทธิ (พวกเราต้องคิดใหม่ มองใหม่ได้แล้ว) วันไหนต่างชาติขายสุทธิ คือ เขาเอาเงินบาทเราไปแล้ว กำไรล้วน ๆ ไปแล้ว และวันไหนเขาซื้อสุทธิ คือ เขาลดต้นทุนได้อีกแล้ว ราคามันต่ำกว่าที่พวกเราซื้ออีกมากแล้ว ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้ว ยะฮู
....อยากคุยต่อ ก็เข้า FB nowya vis.... ห้อง คุยหุ้นเก็งกำไร รายวัน
Nowya คุยหุ้น
Nowya 11-19 Dec’14
ชาวหุ้นต้องรู้อยู่อย่างว่า ระบบการเล่นหุ้นนั้น คือ เรายืนอยู่ในกรอบ 3 เหลี่ยมมุมแหลม สองด้านที่ยาว ๆ คือ
1 การเล่นเก็งกำไรอย่างมีหลักการ
2 การเล่นลงทุนด้วยปัจจัย+การถือยาวเป็น สรณะ
ส่วนด้านที่เป็นฐานคือ 3 ซึ่งเป็นฐาน เป็นเส้นกระกอบมุมที่สั้น ที่สุด คือ การเล่นแบบการพนัน โดยการเอาโชคดวงเป็นตัวประกอบ
ไหน ๆ ก็มาถึงจุดนี้ จะมาคุยเรื่อง โชคดวง กัน
โชคคือ สิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ มาจากไหนไม่มีใครรู้ คนให้คือใครก็ไม่มีคนรู้ องค์ประกอบของโชคคืออะไรก็ไม่มีใครรู้ แต่มันมาเอง ธรรมชาติของโชค เหมือน เราหิวน้ำ แต่ยืนที่กลางแจ้ง ฝนคือ โชค เราถือขันน้ำ รอรับฝน ซึ่งตกมาแบบเป็นละออง มีสององวิธีที่คนคิดได้ คือ ยืนกับที่ถือขันน้ำรองรับละอองฝน ยิ่งนานน้ำาในขันก็จะเต็มรื หรืออีกวิธีก็เดินไปเรื่อยๆ สุดท้าย ทั้งสองวิธีจะได้น้ำเต็มมขันในเวลา เกือบเท่ากัน แต่พวกนักพนัน เขาจะคิดหาที่ ๆ มีเม็ดฝนใหญ่ ๆ ในช่วงที่ฝนตกลงมาเป็นละอองฝน ก็ต้องรอโชค
ส่วน ดวง คือ ดวงใจของเราเอง ดวงใจคือสื่อของความคิด ใจกล้าก็เล่นมาก ใจไม่กล้าก็ซื้อน้อย พวกนักพนันก็มี ดวง สองแบบนี้ แต่ คนใจกล้า ก็เกาะโชคไป วันโชคดี ใจกล้าก็รวยเร็วทันตา พวกใจไม่กล้า ก็ได้ นิดนิดหน่อยๆ
ในระบบการเล่นหุ้น ต้องยืนในกรอบ 3 เหลี่ยม เสมอ ไม่ว่า จะเป็น นาย บัฟเฟต นาย ลินซ์ หรือ พวกอันดับ1 คนเหล่านี้ รวย จาก 3 ด้าน พร้อมกัน ไม่ใช่รวยจากด้านเดียวของ สามเหลี่ยม แน่นอน แต่เวลา on air พวกนี้จะบอกให้รู้ เพียงด้านเดียว ของ สามเหลี่ยม เสมอ ๆ เขาไม่เคยบอกว่า ส่วนที่ได้อีกด้านของการเก็งกำไรเป็นอย่างงัย (เป็นวิชาลับสุดยอด) หรือ บอกว่า ส่วนที่เป็น ฐาน คือ โชคของเขามีมากตรงจุดไหน (ไม่บอก เพราะบอกก็จะเสียเครดิตตนเอง )
พวกเราชาวหุ้น ต้องศึกษา ทั้งสามด้าน จะได้ ประโยชน์มากสุด ผมเองพยายาม เสนอ ด้านเก็งกำไร ส่วนด้านปัจจัยพื้นฐาน มีคนรู้กันทั้งตลาด แต่ ไม่เคยสนใจว่า ปลายด้านของปัจจัย ต้องมาเกาะเกี่ยวกับปลายด้านของเก็งกำไร แบบแยกกันไม่ออก ....ใครตอบความคิดนี้ได้บ้าง
ในการวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน รู้จัก คำว่า P/E
E คือ ผลกำไร ที่กิจการนั้นมีความสามารถทำได้ (ตามความสามารถของมนุษย์ที่เก่งหรือ คณะบุคคลผู้บริหารกิจการนั้น)
P คือ ราคาตลาด ซึ่ง ไม่มีใครกำหนด เพราะ ในนั้น มีการเก็งกำไร ผสมอยู่มากมาย ซ้อนกันอยู่หลาย ๆ ชั้น คำว่า P ยังมีเวลาเกาะอยู่ เวลา ก็มาเกี่ยวกับการเก็งกำไร /และ การลงทุน ต้องนึกภาพให้ออก
สมมติ มีคนคนหนึ่ง บอกว่า เขาวิเคราะห์หุ้นมาตัวนึง ว่า ดีมากมาก ราคาตามปัจจัย ต่ำกว่า 10 บาท รับได้ สูงกว่า 30 บาท ถือว่า เกินปัจจัย ขณะนั้นตลาดราคา 9 บาท เขาซื้อ แบบทุ่มสุดตัว(ก็มั่นใจแล้วก็สุดตัวหน่อย ไม่ใช่ร้อยหุ้น พันหุ้น กำไรก็จะเป็นกอบกำ ถึงจะเรียกว่านักลงทุน)
แต่อีก 1 วัน ราคา ต่ำกว่า 9 บาท เหลือ 8 เขาอยากซื้อแต่เงินหมด เขาทนผ่านไปอีกวัน ราคาไป 11 อีกวัน ลิ่ง และจากนั้น ใน 30 วันถัดไป ราคาไป 35 บาท เขาขายออกไป แต่ราคาไปต่อ เป็น 40 บาท
เหตุการณ์ แบบนี้มีไหมในตลาด เกิดกับหุ้นหลาย ๆ ตัว หรือ แม้ในหุ้นปัจจัยหลัก หรือหุ้นใหญ่ ถามว่า ทำไม ราคาไปได้ใน 30 วัน มันน่าจะ 3 ปี ทำไม ทำไม และทำไม….ก็ มีการเก็งกำไรนำ ปัจจัยลงทุนไงครับ หากไม่มีการเก็งกำไร ค่า pe ก็จะคงที่จนกว่า รอประกาศผลประกอบการอีก 3 เดือนถัดไป
ที่ราคาเปลี่ยนเร็ว เพราะมีองค์ประกอบ คือ
1. จำนวนคนอยากซื้อ/ขาย มากกว่าจำนวนหุ้นที่มีหมุนเวียนในตลาด
2. ราคาจะตามความต้องการซื้อ/ขาย ตามเวลา(ย้ำตามเวลาขณะนั้น) เวลาผ่านไป ความต้องการต่าง ๆ เปลี่ยนไป (นี่คือ ศิลปะในการเล่นหุ้น คือจับความอยากของคนให้ได้)
3. ข้อสุดท้ายจึงมาที่ปัจจัยพื้นฐาน คือ ระบบเศรษฐกิจขณะนั้น ๆ เป็นไง
…ดี คนก็รวยมีเงินเยอะ มาแย่งซื้อหุ้น ไม่สนว่าแพง
…ไม่ดี คนก็มีเงินทุนน้อย ซื้อหุ้นได้ น้อย แล้วก็รอ หลังซื้อแล้ว แล้วยังอยการอให้ราคาต่ำกว่านี้ ทั้งที่ราคาต่ำติดดินแล้ว
จะพบว่า ระบบเก็งกำไร ต้องนำการลงทุนเสมอ ไม่ใช่การลงทุนนำการเก็งกำไร ใคร งง บ้างครับ ?
แต่หลายคนยังเข้าใจว่า หากเล่นแบบเก็งกำไร ต้อง ซีเรียสมาก ต้องแอคทีฟ ประสาทจะกินเอา ผิดเลยครับ หากท่านรู้วิธีการเก็งกำไร (ไม่ใช่วิชาปั่นหุ้น นั่นแหละจะซีเรียส) ท่านจะเล่นหุ้นแบบสบาย ๆ ขนเงินมามากแค่ไหนก็เล่นสบาย ๆ แบบพวกกองทุนข้ามชาติที่เขาขนมาครั้งนึง หลายพันหลายหมื่นล้านไงครับ เพราะคนบริหารเขาใช้ระบบ qpr มากินรายย่อยทั้งตลาดง่าย ๆ หลอกให้เห็นว่า ต่างชาติยังอยู่ (เล่นทุกวัน มีซื้อ/ขายสุทธิโชว์ให้เห็น เขาขอบคุณ ระบบตลาดบ้านเราที่โชว์โง่ ให้รายย่อยติดกับทุกเย็น ต่างชาติซื้อสุทธิ แต่รายย่อยหลงว่า ขนาดต่างชาติยังซื้อสุทธิ แบบนี้เราต้องซื้อและกอดหุ้นไว้ให้แน่น จริงป่าว ? พวกเรา)
ถ้าพวกเรา ทำqpr จนชำนาญ จะรู้ว่า บางวัน เราซื้อสุทธิ แต่หุ้นในมือเรา ต้นทุนต่ำลงเยอะมาก มาก(อยากตะโกนดัง ๆ ว่า ม๊ากมาก จนขายฟลอร์ยังกำไร) นั่นคือวันที่เราซื้อสุทธิ แต่ในวันที่เราขายสุทธิ เราจะพบว่า กำไรเป็นเงินสดลงกระเป๋า เนื้อ ๆ เลย แต่ผลออกมาว่า เราขายสุทธิ (พวกเราต้องคิดใหม่ มองใหม่ได้แล้ว) วันไหนต่างชาติขายสุทธิ คือ เขาเอาเงินบาทเราไปแล้ว กำไรล้วน ๆ ไปแล้ว และวันไหนเขาซื้อสุทธิ คือ เขาลดต้นทุนได้อีกแล้ว ราคามันต่ำกว่าที่พวกเราซื้ออีกมากแล้ว ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้ว ยะฮู
....อยากคุยต่อ ก็เข้า FB nowya vis.... ห้อง คุยหุ้นเก็งกำไร รายวัน