ในโลกของตลาดหุ้น ชาวหุ้น สนใจและมีจิตมุ่งมั่นเข้าตลาดมาเพื่อ ซื้อ แล้วถือรอจนกว่าราคาจะสูงขึ้น ตามเป้าหมายที่วางไว้ แล้วขายเอากำไรออกไป
ส่วนแนวทางตลาด ก็ให้เงินปันผลเป็นตัวพยุงใจให้ ทนถือ แม้ราคาตกลงบ้างขึ้นบ้าง ไม่รีบขาย
ความรู้ความทรงจำต่อตลาดเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ตลาดเปิด เมื่อ 40 กว่าปีก่อนจนถึงบัดนี้
ตลาดเก่าแก่ อย่าง ดาวโจน์ ญี่ปุ้น ฮ่องกง ชาวหุ้นเขาเรียนรู้การเล่น ทั้งสองทาง(ลงทุนและเก็งกำไร) ดังนั้น เขาจึงรังเกียจต่อรัฐที่เข้ามาแทรกแซงตลาดโดยการตั้งกองทุนพยุงหุ้น แต่บ้านเราไม่ใช่ เลย เพราะรายย่อย ไม่เคยเรียนรู้การเล่นเก็งกำไร และยอมรับการขาดทุนไม่ได้ ต่างอ้างว่าใช้เงินเย็น จึงไม่ขาย(เหม็นขี้ฟัน) สุดท้ายวันที่ขายขาดทนเละเทะเพราะทนไม่ไหว เพราะไม่ใช้เงินเย็นจริง แถมร้ายกว่านี้ บางคนยังบอกต่อ ว่า ถือหุ้นดีเพราะมีปันผล ช่วยลดความเสี่ยง แต่สุดท้ายก็ขายตอนราคาเกือบต่ำสุด เงินปันผลที่รับมาหลายปี ต้องหายไปกับการขายคัท ขาดทุน สรุป กำไรแต่ความชรา ในระบบตลาด น่าเสียดายยิ่ง
ถามใจผู้อ่าน ขอให้ตอบกับตนเองอย่างจริงจังว่า ท่านยอมรับการเล่นสไตล์เก็งกำไร แค่ไหน ท่านได้ตั้งเป้าการคัทขายขาดทุน ไว้อย่างไร และ ลงมือ ปฎิบัติตามที่คิดหรือไม่ ทุกทุกครั้งที่ราคาตกต่ำลง (ไม่ใช่ทำเพียงบางครั้งที่ร้อนเงิน)
Nowya มาเอง มาถาม มาเตือน
อย่าลืมภาษิตที่เคยบอกไว้ นานแล้ว ว่า
กำไรคือตลาดส่งให้ ส่วนขาดทุนคือ เราทำเองทั้งสิ้น(อย่าหยิ่งทนงว่าเพราะความร็ความสามารถตนเอง 100%)
เล่นหุ้นต้องการ โชคช่วย 3 ส่วน และฝีมือ 7 ส่วน
โชคมีอยู่ข้างตัวเราตราบเท่าที่ตลาดยังไม่วาย เพียงแต่เรามองไม่เห็น คว้าไม่ทัน
วิชาเก็งกำไร ไม่ได้ทำง่ายๆ อย่างที่เข้าใจ ข้อมูลและปัจจัยแตกต่างกัยการลงทุน ราวฟ้าดิน ท่านรุ้แค่ไหน
ขอให้โชคดี
สถานการณ์ตลาดและสภาวะเศรษฐกิจ บังคับให้เล่น สไตล์ เก็งกำไร
ส่วนแนวทางตลาด ก็ให้เงินปันผลเป็นตัวพยุงใจให้ ทนถือ แม้ราคาตกลงบ้างขึ้นบ้าง ไม่รีบขาย
ความรู้ความทรงจำต่อตลาดเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ตลาดเปิด เมื่อ 40 กว่าปีก่อนจนถึงบัดนี้
ตลาดเก่าแก่ อย่าง ดาวโจน์ ญี่ปุ้น ฮ่องกง ชาวหุ้นเขาเรียนรู้การเล่น ทั้งสองทาง(ลงทุนและเก็งกำไร) ดังนั้น เขาจึงรังเกียจต่อรัฐที่เข้ามาแทรกแซงตลาดโดยการตั้งกองทุนพยุงหุ้น แต่บ้านเราไม่ใช่ เลย เพราะรายย่อย ไม่เคยเรียนรู้การเล่นเก็งกำไร และยอมรับการขาดทุนไม่ได้ ต่างอ้างว่าใช้เงินเย็น จึงไม่ขาย(เหม็นขี้ฟัน) สุดท้ายวันที่ขายขาดทนเละเทะเพราะทนไม่ไหว เพราะไม่ใช้เงินเย็นจริง แถมร้ายกว่านี้ บางคนยังบอกต่อ ว่า ถือหุ้นดีเพราะมีปันผล ช่วยลดความเสี่ยง แต่สุดท้ายก็ขายตอนราคาเกือบต่ำสุด เงินปันผลที่รับมาหลายปี ต้องหายไปกับการขายคัท ขาดทุน สรุป กำไรแต่ความชรา ในระบบตลาด น่าเสียดายยิ่ง
ถามใจผู้อ่าน ขอให้ตอบกับตนเองอย่างจริงจังว่า ท่านยอมรับการเล่นสไตล์เก็งกำไร แค่ไหน ท่านได้ตั้งเป้าการคัทขายขาดทุน ไว้อย่างไร และ ลงมือ ปฎิบัติตามที่คิดหรือไม่ ทุกทุกครั้งที่ราคาตกต่ำลง (ไม่ใช่ทำเพียงบางครั้งที่ร้อนเงิน)
Nowya มาเอง มาถาม มาเตือน
อย่าลืมภาษิตที่เคยบอกไว้ นานแล้ว ว่า
กำไรคือตลาดส่งให้ ส่วนขาดทุนคือ เราทำเองทั้งสิ้น(อย่าหยิ่งทนงว่าเพราะความร็ความสามารถตนเอง 100%)
เล่นหุ้นต้องการ โชคช่วย 3 ส่วน และฝีมือ 7 ส่วน
โชคมีอยู่ข้างตัวเราตราบเท่าที่ตลาดยังไม่วาย เพียงแต่เรามองไม่เห็น คว้าไม่ทัน
วิชาเก็งกำไร ไม่ได้ทำง่ายๆ อย่างที่เข้าใจ ข้อมูลและปัจจัยแตกต่างกัยการลงทุน ราวฟ้าดิน ท่านรุ้แค่ไหน
ขอให้โชคดี