แต่เดือน พย 62 เคยมาบอกว่า ระวังต้มกบ(อ่านจากวอลุ่ม +ราคา)(ตอบในกระทู้หลากหลาย)พอกบใกล้สุก ต้นเดือน  มค 63   ตลาดเริ่มซึม  บอกว่า เล่นเก็งกำไร ดีกว่า 
เจอคนต่อว่า มาก ว่าการ ลงทุน มีปันผล  บอกแล้ว  ปันผลเป็นผลพลอยได้เท่านั้น   เพราะส่วนต่างมากกว่า ปันผลหลายเท่าตัว
แต่การเล่นเก็งกำไร ตลาด นี้เขารังเกียจ มากๆ  ทั้งที่ ตลาด ทั่วโลก เขาก็เก็งกำไร ทั้งนั้น 
บ้านเรา แต่เปิด ตลาดมา40ปีก่อน ก็เสี่ยมให้เรียนแต่ ลงทุน ล้วน ๆ (โชคดีที่เป็นตลาดเปิดใหม่ จึงมีแนวโน้มขาขึ้น สัก  40-50 ปี  จากนั้น มือเล่น ทั้งขาใหญ่ ขาย่อย เริ่มจะเรียนรู้ว่าถูกหลอก เพราะ  ความเสี่ยง หนักหนาสาหัสต้องเรียนวิชา เก็งกำไร เสริมจึงพอไหว) แต่พอใครเข้ามาสอนเก็งกำไร ก็มักโดน โลกสวย ต่อว่า จนเข็ด  ไม่อยาก  
จำไว้ว่า จะอยู่รอด แบบ ไอดอล ในตลาดมีโอกาส เป็นได้เพียง 1 %  จำไว้ไม่มี วอแรน บัฟคนที่สองดอกนะไม่มี  ดอกเตอร์นิวาสคนที่2 เพิ่มดอก อย่าโลกสวย ไปเลย    แต๋คนที่ได้กำไร เป็นกอบกำ  ถ้าไม่ใช่ เจ้าของกิจการร่วมช่วย ปั่นราคา ก็คือ โชคช่วย  ลองเล่นต่อๆไป เรื่อย ๆ เงินกำไรจะค่อยๆ หายไปแน่นอนสุดๆ
การเล่นเก็งกำไร แท้จริงก็ยากไม่แพ้ ลงทุนเสี่ยงถือยาว ข้อมูลก็คนละอย่าง ไม่มอง ปัจจัยพื้นฐาน(ข้อมูลลวงก็เยอะมากๆๆๆๆ)
แต่การเก็งกำไร มองของจริงๆ  ที่เกิดขึ้น  ข่าวจริงไม่จริงก็เคาะซื้อ เยอะๆหรือ ขาย เยอะๆ มาเลย  ดู วอลุ่มก็อ่านได้ว่าข่าวปล่อยหรือข่าวจริง กำไรเติบโต เท่าใดนั้นๆ  โม้ทั้งนั้น  ถึงจะจริงก็ต้องให้คนขาใหญ่เขายอมรับ (การยอมรับคือ ซื้อไปเก็บ ไม่ใช่ซื้อไปขายวันรุ่งขึ้นดอกนะ   อ่านให้ออกก่อน  มันมีวิธีอ่าน 
ก่อนอื่นต้องทำใจถ้าสนเล่น สไตล์เก็งกำไร  เพราะ เป็นการ ยึดคำว่า  เล่น  หุ้น  ไม่ใช่ กอดหุ้น )
ทำใจยอมรับขาดทุนเป็น  ตัดสินใจไว ลงคำสั่งไว  ข้อมูลเก็งกไร พร้อม ฝึกจนชินฝึกจนตาสว่าง ไม่นาน ก็สำเร็จ  ข้อดีการเก้งกำไร คือ มีเงินสดสภาพคล่องสูง  เล่นหุ้นไม่ค่อยติดดอยสูงเลย ขยันเก็บเกี่ยวกำไร เล็กๆ น้อยๆ  พอ ถึงเวลา รอเอาคืน ก็ยึดใจไม่ขาย เอากำไรเป็น กำๆ  ใส่กระเป๋า
แล้วจะค่อยๆ มาเผยเคล็ดลับวันหน้า