ผมเคยเขียนไว้
การเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นไปตามเงินไหลเข้า หรือ ไหลออก ที่เรียกว่า Fund Flow
เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ ว่าด้วย Demand กับ Supply
เงินไหลเข้าสู่ตลาด ดัชนีมุ่งขึ้น เงินไหลออกจากตลาด ดัชนีไหลลง
และระหว่างทาง ก็ต้องมีย่อตัว และ มีเด้งขึ้น เป็นไปตามธรรมชาติของหุ้น
เป็นไปตามภาวะที่คนส่วนใหญ่ เล่นเก็งกำไรเป็นหลัก
กระทู้เชียร์ และ กระทู้แช่ง มีให้เห็นทุกวัน
บางครั้งตั้งกระทู้เชียร์กันรายวัน ยังกับเล่นแทงบอล
"ตัวนี้ Good" ตอนราคาขึ้นแรง หลายครั้งเป็น Good for Sell
บางครั้ง มีกระทู้บ่น "ดัชนีขึ้นแรง ตัวนี้ทำไมไม่วิ่ง"
ซื้อแล้ว ก็จ้องดูราคา อยากให้ขึ้น ก็ต้องเป็นแบบนั้น แต่ควรใจเย็น
ตลาดหุ้น ยังจะอยู่ ไปจนชั่วชีวิต
มาดูคลื่นการเดินทางของดัชนีในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
ดัชนีเคลื่อนไหวไปตาม Fund Flow หรือเม็ดเงิน ไหลเข้าและไหลออกจากตลาด
เงินเข้าออกที่สำคัญมาจากต่างชาติ
ส่วนภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน บริษัทหลักทรัพย์ และ รายทั่วไป
ก็ซื้อขาย ซื้อขาย และส่วนใหญ่ เล่นเก็งกำไร ช่วงสั้น
ดัชนีขึ้นจาก 800 ไป 1,200 จากแรงซื้อของต่างชาติ
แล้วไหลลงไป 1,000 จากแรงขายของต่างชาติ
ใครที่อ่านกระทู้สาระขันยามเช้าเป็นประจำ
ผมเขียนเสมอ ให้ความสำคัญกับการซื้อขายของต่างชาติ
ช่วงดัชนีประมาณ 1,000-1,100 สหรัฐอเมริกา เริ่มออกมาตรการ QE
เงินไหลบ่าไปทั่วโลกเข้าตลาดหุ้น รวมทั้ง ตลาดหุ้นไทย
ดันดัชนีขึ้นไปทะลุ 1,600 ทำ New High ในรอบ 16 ปี
ช่วงปีที่แล้ว ต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ต่างชาติขายต่อเนื่อง
ยอดขายสุทธิรวม มากกว่า 200,000 ล้านบาท
ยันดัชนี ไหลลง ไหลลง ลงไปจนถึง 1,200
มาช่วงหลัง ต่างชาติ เริ่มมีกลับมาซื้อ ทำดัชนีเข้าสู่ภาวะ ไต่ระดับขึ้น เป็นขาขึ้น
จะขึ้นไปได้แค่ไหน การซื้อขายของต่างชาติ ยังจะเป็นปัจจัยสำคัญ
รายทั่วไป ดูแล้ว ทำธุระกิจ ซื้อมา ขายไป ในตลาดหุ้น
ในยามที่ดัชนีขึ้นแรง ขาย <> ในยามที่ดัชนีลงแรง ซื้อ
เมื่อวานนี้ ก็จำหน่ายแต่ผู้เดียว ในขณะที่ต่างชาติซื้อมาก เป็นวันที่สอง
ถ้าดัชนีขึ้นต่อ ขึ้นไปอีก ก็จะขายอีก
บางคนก็อาจขายไปหมดจนพอร์ต เหมือนคราวที่แล้ว
ขายไปหมดแล้ว ดัชนีขึ้นต่อ ไปจนถึง 1,500->1,600
นั่งรอ เดี๋ยวมันก็จะลงมาให้ซื้อ จนดัชนีขึ้นไปทะลุ 1,600
พอดัชนีกลับมาไหลลง ลงต่ำกว่า 1,600 ซื้อไปบางส่วน
ลงต่อ ซื้ออีก พอลงแรง ซื้อเต็มพอร์ตเลย
มีไม่น้อย ยังคงติดอยู่บนดอย 1,600 และ 1,500
บางคนถอดใจ ขายล้างพอร์ตไปตอนลงต่ำกว่า 1,300
กำไรที่เคยทำไว้คราวก่อน หายหมด บางคนจากมีกำไร กลายเป็นขาดทุน
จะเล่นให้ปลอดภัย ซื้อแต่ตัวที่พื้นฐานดี
ที่ผลประกอบการมีกำไร และ มีจ่ายเงินปันผลเท่านั้น
หรือซื้อแบบลงทุน รับเงินปันผลเป็นหลัก สร้างมูลค่าในระยะยาว ไม่หวังรวยเร็ว
ถ้าอยากจะเล่นเก็งกำไร โดยไม่สนใจพื้นฐาน ก็ควรรู้จัก cut loss
และแม้จะพื้นฐานดี ถ้าราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว ควรหลีกเลี่ยง
หุ้นมีหลายร้อยตัวในตลาด เราเลือกได้
ไม่ควรติดอกติดใจกับตัวหนึ่งตัวใด
ขอให้โชคดีครับ
มองภาพดัชนีในอดีต : เคลื่อนไหวตามเงินไหลเข้าหรือไหลออก
การเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นไปตามเงินไหลเข้า หรือ ไหลออก ที่เรียกว่า Fund Flow
เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ ว่าด้วย Demand กับ Supply
เงินไหลเข้าสู่ตลาด ดัชนีมุ่งขึ้น เงินไหลออกจากตลาด ดัชนีไหลลง
และระหว่างทาง ก็ต้องมีย่อตัว และ มีเด้งขึ้น เป็นไปตามธรรมชาติของหุ้น
เป็นไปตามภาวะที่คนส่วนใหญ่ เล่นเก็งกำไรเป็นหลัก
กระทู้เชียร์ และ กระทู้แช่ง มีให้เห็นทุกวัน
บางครั้งตั้งกระทู้เชียร์กันรายวัน ยังกับเล่นแทงบอล
"ตัวนี้ Good" ตอนราคาขึ้นแรง หลายครั้งเป็น Good for Sell
บางครั้ง มีกระทู้บ่น "ดัชนีขึ้นแรง ตัวนี้ทำไมไม่วิ่ง"
ซื้อแล้ว ก็จ้องดูราคา อยากให้ขึ้น ก็ต้องเป็นแบบนั้น แต่ควรใจเย็น
ตลาดหุ้น ยังจะอยู่ ไปจนชั่วชีวิต
มาดูคลื่นการเดินทางของดัชนีในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
ดัชนีเคลื่อนไหวไปตาม Fund Flow หรือเม็ดเงิน ไหลเข้าและไหลออกจากตลาด
เงินเข้าออกที่สำคัญมาจากต่างชาติ
ส่วนภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน บริษัทหลักทรัพย์ และ รายทั่วไป
ก็ซื้อขาย ซื้อขาย และส่วนใหญ่ เล่นเก็งกำไร ช่วงสั้น
ดัชนีขึ้นจาก 800 ไป 1,200 จากแรงซื้อของต่างชาติ
แล้วไหลลงไป 1,000 จากแรงขายของต่างชาติ
ใครที่อ่านกระทู้สาระขันยามเช้าเป็นประจำ
ผมเขียนเสมอ ให้ความสำคัญกับการซื้อขายของต่างชาติ
ช่วงดัชนีประมาณ 1,000-1,100 สหรัฐอเมริกา เริ่มออกมาตรการ QE
เงินไหลบ่าไปทั่วโลกเข้าตลาดหุ้น รวมทั้ง ตลาดหุ้นไทย
ดันดัชนีขึ้นไปทะลุ 1,600 ทำ New High ในรอบ 16 ปี
ช่วงปีที่แล้ว ต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ต่างชาติขายต่อเนื่อง
ยอดขายสุทธิรวม มากกว่า 200,000 ล้านบาท
ยันดัชนี ไหลลง ไหลลง ลงไปจนถึง 1,200
มาช่วงหลัง ต่างชาติ เริ่มมีกลับมาซื้อ ทำดัชนีเข้าสู่ภาวะ ไต่ระดับขึ้น เป็นขาขึ้น
จะขึ้นไปได้แค่ไหน การซื้อขายของต่างชาติ ยังจะเป็นปัจจัยสำคัญ
รายทั่วไป ดูแล้ว ทำธุระกิจ ซื้อมา ขายไป ในตลาดหุ้น
ในยามที่ดัชนีขึ้นแรง ขาย <> ในยามที่ดัชนีลงแรง ซื้อ
เมื่อวานนี้ ก็จำหน่ายแต่ผู้เดียว ในขณะที่ต่างชาติซื้อมาก เป็นวันที่สอง
ถ้าดัชนีขึ้นต่อ ขึ้นไปอีก ก็จะขายอีก
บางคนก็อาจขายไปหมดจนพอร์ต เหมือนคราวที่แล้ว
ขายไปหมดแล้ว ดัชนีขึ้นต่อ ไปจนถึง 1,500->1,600
นั่งรอ เดี๋ยวมันก็จะลงมาให้ซื้อ จนดัชนีขึ้นไปทะลุ 1,600
พอดัชนีกลับมาไหลลง ลงต่ำกว่า 1,600 ซื้อไปบางส่วน
ลงต่อ ซื้ออีก พอลงแรง ซื้อเต็มพอร์ตเลย
มีไม่น้อย ยังคงติดอยู่บนดอย 1,600 และ 1,500
บางคนถอดใจ ขายล้างพอร์ตไปตอนลงต่ำกว่า 1,300
กำไรที่เคยทำไว้คราวก่อน หายหมด บางคนจากมีกำไร กลายเป็นขาดทุน
จะเล่นให้ปลอดภัย ซื้อแต่ตัวที่พื้นฐานดี
ที่ผลประกอบการมีกำไร และ มีจ่ายเงินปันผลเท่านั้น
หรือซื้อแบบลงทุน รับเงินปันผลเป็นหลัก สร้างมูลค่าในระยะยาว ไม่หวังรวยเร็ว
ถ้าอยากจะเล่นเก็งกำไร โดยไม่สนใจพื้นฐาน ก็ควรรู้จัก cut loss
และแม้จะพื้นฐานดี ถ้าราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว ควรหลีกเลี่ยง
หุ้นมีหลายร้อยตัวในตลาด เราเลือกได้
ไม่ควรติดอกติดใจกับตัวหนึ่งตัวใด
ขอให้โชคดีครับ