การพนันในทางพระพุทธศาสนา

กระทู้คำถาม
ความหมายของการพนันในทางพระพุทธศาสนาคืออะไร
และสิ่งเหล่านี้ล่ะ
1.เล่นไพ่ เล่นไฮโลแต่ไม่กินเงิน เอาแค่สนุกเป็นการพนันมั้ย
2.ทายผลกีฬาโดยทายถูกมีของรางวัลตามรายการโทรทัศน์เป็นการพนันมั้ย
3.ซื้อของหรือสินทรัพย์ใดๆมา เพื่อหวังว่าจะขายแพงกว่าแต่บางทีก็ต้องขายถูกกว่าที่ซื้อมา เช่น บ้าน ทองคำ ของสะสม เป็นการพนันมั้ย
4.ลงทุนค้าขายสินค้าปกติ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ข้าว โทรศัพท์ ฯลฯ ย่อมมีความเสี่ยงทั้งกำไรและขาดทุน ไม่มีใครควบคุมปัจจัยภายนอกได้ ทั้งคู่แข่ง สภาพเศรษฐกิจ ความต้องการสินค้า (ยกเว้นสินค้าจำเป็นและผูกขาดรายเดียวกำไรแน่นอนแต่ในความเป็นจริงกฎหมายไม่ให้ใครผูกขาด) เป็นการพนันมั้ย

แก้ข้อ 4
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
3 กับ 4 ต่างกันยังไงครับ

3.ซื้อของหรือสินทรัพย์ใดๆมา เพื่อหวังว่าจะขายแพงกว่าแต่บางทีก็ต้องขายถูกกว่าที่ซื้อมา เช่น บ้าน ทองคำ ของสะสม เป็นการพนันมั้ย
4.ลงทุนค้าขายย่อมมีความเสี่ยงทั้งกำไรและขาดทุน ไม่มีใครควบคุมปัจจัยภายนอกได้ ทั้งคู่แข่ง สภาพเศรษฐกิจ ความต้องการสินค้า (ยกเว้นสินค้าจำเป็นและผูกขาดรายเดียวกำไรแน่นอนแต่ในความเป็นจริงกฎหมายไม่ให้ใครผูกขาด) เป็นการพนันมั้ย

ข้อ 3 ก็ถือเป็นการลงทุน ก็มีความเสี่ยง ควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้
ข้อ 4 ก็ต้องมีการซื้อของหรือทรัพย์สินใดๆมา  เพื่อหวังว่าจะขายแพงกว่าที่ซื้อ
ไม่ต่างกันนี่ครับ
แค่เป็นการพูดถึงตอนซื้อของหรือตอนลงทุน (จ่ายเงินให้ได้ของมา) กับตอนที่เอาของที่ซื้อมานั้นมาขายเพื่อให้ได้เงินมากกว่าที่ซื้อ
ประเด็นคือการค้าขาย (ขายจากอะไร ขายจากของที่มีอยู่ หรือขายจากของที่ต้องซื้อมา) ว่าเป็นการพนันหรือไม่
การค้าขายคือการแลกเปลี่ยนครับ เป็นอาชีพสุจริต การแลกเปลี่ยนที่ผู้ขายเสนอขาย ผู้ซื้อเสนอซื้อ ทั้งคู่ซื้อขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนโดยพอใจในเงื่อนไขการซื้อขายนั้นทั้งคู่
มีการเสี่ยงทายหรือไม่ ไม่มีครับ
การกะเกณฑ์ไม่ได้ว่าจะขายได้หรือไม่ ขาดทุนหรือไม่ เรียกว่ามีความเสี่ยง แต่เป็นคนละเรื่องกับการเสี่ยงทายหรือการพนันอย่างชัดเจนครับ

เพียงการค้าขายก็มีทั้งที่เป็นสุจริตและไม่สุจริต
หากการค้าขายเป็นไปอย่างสุจริตทั่วไปคงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นการหลอกลวง เอาของปลอมมาขายบอกว่าเป็นของจริง เอาของไม่ดี(เสีย) มาขายบอกว่าเป็นของดี (ใช้ได้)
หรือขายของแล้วให้ของไม่ครบตามที่สั่งซื้อ หรือคิดเงินมากกว่าที่ตกลงราคาไว้ หรือไม่ทอนเงินทอน
หรือการเอาเปรียบอย่างอื่นๆที่มไม่ได้เป็นเงื่อนไขหรือไม่ได้แจ้งไว้ก่อน
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือเป็นทุจริต ไม่เป็นสัมมาอาชีวะ
เป็นการโกหกหลอกลวง และโกงเพื่อเอาทรัพย์ของผู้อื่น มีความละโมบ โลภมาก อยากได้ของผู้อื่นที่ตนไม่สมควรได้ และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยตรง
เมื่อไม่สุจริต ก็ผิดธรรมทั้งสิ้นครับ โดยไม่เกี่ยวกับว่าพนันหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่