ลูกเสียชีวิต แม่ก็เกือบเสีย เพราะภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ก่อนคลอดแค่ 2 สัปดาห์

สวัสดีคะทุกท่าน วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเอง เรื่องของภาวะรอกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งบางครั้งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อาจจะยังไม่ทราบว่ามีภาวะนี้ด้วยหรอ เพื่อให้คุณแม่ๆที่ตั้งครรภ์และได้อ่านกระทู้นี้ระวังตัวเองไว้คะ

เริ่มจากเราก็เป็นคนท้องปกติ ไปหาหมอตามนัด ตรวจความดันและเบาหวานในปัสสาวะทุกครั้งก็ปกติ ultrasound ทุกครั้งน้องก็แข็งแรงสมบูรณ์ น้ำหนักตามเกณฑ์ถือว่าเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่แข็งแรง ไม่มีภาวะเสี่ยงอะไรเลย อาทิตย์ก่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราก็ยังไปหาหมดตามนัด ทุกอย่างก็เป็นปกติ หมอยังนัดให้อีกสองอาทิตย์มากระตุ้นคลอดอยู่เลย เรายังกังวลว่าจะเจ็บรึเปล่าอยู่เลย

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ช่วงเย็นประมาณห้าโมงเย็นเรารู้สึกปวดหน่วงๆที่ท้องแต่ไม่ได้ปวดมาก และท้องแข็ง เราเลยหยุดทำงานและขี่รถกลับมาบ้าน ยังโทรบอกสามีให้ซื้อข้าวรอที่บ้านหน่อยเดี๋ยวกลับบ้านจะได้กินข้าวแล้วนอนพักเลย เมื่อถึงบ้านอาการปวดท้องก็เริ่มปวดมากขึ้น แต่ทนได้อยู่นะคะ เราก็คิดว่าอาจจะเป็นเจ็บเตือนรึเปล่า เพราะท้องนี้ท้องแรก เราก็ไม่รู้ว่าเจ็บเตือนมันเจ็บขนาดไหน จากนั้นเราก็โทรหาคลินิกที่ฝากท้องว่าเรามีอาการปวดท้องและท้องแข็ง ไม่มีมูกเลือด น้ำเดินอะไรเลย เค้าเลยแนะนำว่าให้เราลองนับบีบตัวของมดลูก เราก็ลองนับแต่ก็แอ๊ะใจ ทำไม่ท้องเราไม่คลาย จากนั้นก็ไปอาบน้ำเผื่อมันจะได้สบายตัว อาการปวดท้องก็ยังไม่หาย เลยบอกสามีว่าไม่ไหวละไปรพ. กันเถอะ ตอนนี้อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ ซึ่งก็ยังไม่ถึงกำหนด คิดแค่ว่าไปรพ.เผื่อหมอจะฉีดยาระงับการบีบของมดลูกให้ จากนั้นเราก็ไปรพ. ถึงประมาณสามทุ่ม พอไปถึงแผนกฉุกเฉินเค้าก็ให้เราไปห้องคลอดเลย เรามาถึงห้องคลอดพยาบาลก็ให้เราขึ้นเตียง ติดที่คาดท้องที่น่าจะเอาไว้วัดการเต้นของหัวใจเด็ก พอพยาบาลมาวัดก็เรียกหมดเวรมาชาวยดูเพราะอัตราก็เต้นเบามาก หมอเลย ใช้เครื่อง ultrasound วัดอีกครั้ง ปรากฎว่าลูกเราหัวใจเต้นช้ามาก ประมาณ  60 เอง จากปกติที่เด็กในครรภ์ต้องเต้นร้อยกว่า จากนั้นทั้งหมอเวรและพยาบาลเริ่มมารุ่มเราเลย ทั้งใส่ออกซิเจน บอกคุณแม่สูดเข้าไปเยอะๆน้องจะได้ออกซิเจน เจาะเข็มใส่น้ำเกลือ เปลี่ยนเสื้อผ้า ตรวจปากหมดลูก โกนขนให้ แล้วสอบถามว่าเรากินข้าวและน้ำสุดท้ายตอนไหน ข้าวเรากินตอนเที่ยงก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย ข้าวเย็นที่สามีซื้อมาให้ก็ไม่ได้กินเพราะมัวแต่ปวดท้อง แต่น้ำนี้สิเราพึ่งจิบกินตอนก่อนถึงรพ.นี้เอง เพราะเราคอแห้งมาก จากนั้นประมาณสักสิบนาทีหมอที่เราฝากพิเศษก็มา ก็มาดูอาการและขอตรวจปากหมดลูกอีกครั้ง หมอบอกปากมดลูกเปิด 1 ซม และน้ำคล้ำแทบไม่มี หมอบอกรู้ตัวมั๊ย เราก็บอกไม่รู้  ตอนนั้นท้องเราแข็งมากไม่คลายตัวเลย หมอบอกขอเจาะถุงน้ำคล้ำเพื่อให้ความดันลดลงหน่อยนะ และหมอก็บอกว่าต้องผ่าตัดด่วนนะ เจอกันที่ห้องผ่าตัด จากนั้นก็โดนเข็นไปห้องผ่าตัดเลย ถึงห้องผ่าหมอบอกว่าขอผ่าแบบแนวตั้งนะ เราก็พยักหน้าจากนั้น พยาบาลเอาที่ครอบออกซิเจนให้สูดและก็หลับไปไม่รู้ตัวเลย เรารู้สึกว่าเวลาที่มาถึงห้องคลอดและไปห้องผ่าตัดมันรวดเร็วมาก ยังไม่ได้ทำใจเลยว่าต้องผ่าตัด เพราะเราเตรียมตัวอย่างดีว่าจะคลอดแบบธรรมชาติ จากนั้นเราก็เริ่มฟื้น พยาบาลในห้องผ่าก็บอกว่าเราเสียเลือดมากเลยพักฟื้นอยู่นาน จากน้นเราก็ถูกเข็นมาที่ห้องรวม สามีก็บอกว่าเราเป็นรกลอกตัวก่อนกำหนด ตอนนี้ลูกอยู่ในห้อง NICU นะ น้ำหนักลูกประมาณ 2600 กว่า เราฟังแต่ลืมตาไม่ขึ้น น่าจะด้วยความเพลียจึงหลับต่อถึงเช้า พอเช้าเราไข้ขึ้นพยาบาลเลยให้สามีเราเช็ดตัวให้ แล้วพอสายๆหมอก็มาตรวจ หมอบอกว่าคุณแม่มีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ทำให้ลูกขาดอากาศ คุณแม่เสียเลือดมาก เลือดที่ออกหลังรกประมาณ 2 ลิตร ไม่รวมเลือดที่เสียจากการผ่าตัดนะ ซึ่งดีมากที่คุณแม่ไม่ช็อก ปกติหมอเจอเคสนักสุดเลือดออกประมาณลิตรกว่าเอง และรกก็ลอกตัวมากหมอแทบไม่ต้องดึงรกเลย มันหลุดลอกออกมาเกือบหมด แต่ถือว่าคุณแม่ฟื้นตัวเร็วมาก เพราะเราดมยาสลบแต่ไม่มึนหัว อาเจียน อะไรเลย ไข้ก็ลดตอนบ่ายถ้าไม่มีอะไรก็เข้าห้องพิเศษได้ จากนั้นก็คุยก็สามีว่าลูกเป็นไงบ้าง สามีก็บอกว่าลูกหัวใจหยุดเต้นตอนผ่าออกมาแต่หมอเด็กก็ปั๊มฟื้นขึ้นมาได้ หมอบอกว่าถ้ารอดลูกเราอาจพัฒนาการช้ากว่าเด็กอื่นนะเพราะสมองขาดออกซิเจน เราก็คิดว่ายังไงก็ลูกเราเราก็จะดูแลเค้าให้ดีที่สุด สามีบอกว่าที่จริงตอนผ่าเสร็จหมอเอารกมาให้ดู และบอกอาการว่าทั้งลูกและแม่ 50/50 เพราะเราเสียเลือดมาก และลูกก็หัวใจหยุดเต้น สามีบอกได้ฟังหมอบอกแทบจะหลุดไปอีกโลก จากนั้นสามีก็ขึ้นไปดูลูกที่ NICU และกลับมาบอกเราว่าลูกของเราอาการไม่ดีเลย และหมอเด็กบอกว่าลูกเราถ้ารอด ก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไป เรากับสามีร้องไห้เพราะเราไม่นึกว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา เหมือนเป็นแค่ฝัน ตั้งแต่ท้องเรากับสามีก็คิดว่าอีกหน่อยมีเด็กมาอยู่ที่บ้าน ครอบครัวเราจะเป็นแบบนี้แบบนั้น จะเตรียมตัวเลี้ยงเค้ายังไง คิดไปต่างๆนาๆ สามีนี้เห่อมาโพสต์รูปลูกทุกครั้งที่ไปตรวจ ดูคลิปสอนอาบน้ำเด็ก ฯลฯ แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ฝันเราสลายไปหมดเลย ตอนเราอยู่ห้องรวม เราได้แต่มองเตียงข้างๆที่เค้ามีลูกเห็นลูกเค้าร้องไห้ เห็นเค้าให้นมลูก ใจก็คิดว่าแค่เสียงร้องของลูก เรายังไม่ได้ยินเลย อยากให้ลูกเราร้องเสียงดังๆแบบนี้จัง

วันที่สองหมอเด็กบอกสามีว่า ยาตัวนี้ตัวสุดท้ายที่แรงที่สุดละถ้าน้องไม่ไหว หัวใจหยุดเต้นจะให้ปั๊มต่อมั๊ย เรากับสามีจึงบอกว่าไม่ต้องปั๊มต่อละ เราพึ่งได้ถอดสายน้ำเกลือและสายฉี่ตอนสี่ทุ่ม สามีเลยพอขึ้นไปดูลูกครั้งแรก ขอบอกว่าเรายังเจ็บแผลผ่าตัดมากแต่ด้วยความรักของแม่ทำให้เราพยายามลงจากเตียงเพื่อจะได้เห็นหน้าลูก ครั้งแรกที่เห็น คนนี้หรอลูกของเรา เค้าหน้าตาแบบนี้หรอ ตัวเค้ายาว แก้มตุ้ยนุ้ยเชียว ลูกเรามีสายระโยงระยางเต็มไปหมด มีลูกเราที่ดูอาการหนักสุดในห้องNICU เท้าช้ำไปหมดเพราะโดนเจาะเลือด หน้าเค้านิ่งหลับสนิท เราดูลูกสักพัก เอามือสัมผัสกับเค้าเป็นครั้งแรกบอกเค้าว่าพยายามอยู่ต่อเพื่อแม่นะลูก จากนั้นก็กลับมานอนที่ห้องพิเศษต่อ ตอนนั้นนมเราคัดมาก คัดจนไข้ขึ้น พอสักตีหนึ่งหมอก็โทรเรียกสามีว่าอาการลูกเราไม่ดีนะ ขึ้นมาดูไหม เราทั้งสองก็ตัดสิ้นใจว่าไม่ขึ้นไปดีกว่าเพราะก็เห็นสภาพลูกเราเหมือนเดิม ถ้าเค้าไปก็ถือว่าเค้าไปสบายละไม่ต้องมาทุกข์บนโลกใบนี้เหมือนเราๆ เราเลยคิดว่าเดี่ยวเช้าจะขึ้นไปดูเค้าอีกที เราก็จับมือร้องไห้กันต่อ  พอตีสี่หมอก็โทรเรียกสามีอีกครั้ง ครั้งนี้หมอบอกว่าน้องเสียแล้ว เราก็ขึ้นไปดูน้อง พยาบาลทำความสะอาดใส่ชุดห่อผ้าให้ น้องเค้าเหมือนคนหลับไป เรากับสามีเอาลูกมากอดและหอมเป็นครั้งสุดท้ายและนั่งมองเค้าประมาณสองชั่วโมงกว่าก็มีเจ้าหน้าที่มารับศพลูกเราไปไว้ห้องเย็น ตอนนั่งเราเจ็บแผลมากแต่เราก็อดทนเพื่อจะได้นั่งดูลูกเป็นครั้งสุดท้าย พยาบาลสอบถามเราว่าจะมอบศพน้องให้รพ. หรือไปจัดการเอง เราเลยบอกว่าขอไปคิดดูก่อน จากนั้นเรามาปรึกษาญาติ จนได้ขอสรุปว่าจะนำน้องไปทำเผาเอง สรุปน้องมีอายุได้ 2 วัน เสียเพราะแรงดันในปอดสูงคะ เราก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงมันเกิดจากอะไร เพราะที่อ่านๆมาจากในเน็ตเราก็ไม่มีความเสี่ยงเลย เช่น ท้องกระแทก ความดันสูง เบาหวาน ท้องแฝด แต่ช่วงที่เราใกล้คลอดเราเดินเยอะ และมีบางครั้งยกของหนัก แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไร่นะคะ เลยไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุนี้รึเปล่า

ตอนนี้เรากับสามีก็เริ่มทำใจได้บ้างละ หมอบอกว่าพักสักหกเดือนถึงหนึ่งปีก็สามารถเริ่มมีน้องได้อีกครั้ง ไม่ต้องคุมกำเนิดแต่ใส่ถุงเอา ตัวเราอยากมีลูกต่อเลยแต่คุณสามีบอกว่าใจหนึ่งเค้าก็อยากมีลูก มาสร้างสีสันในบ้าน แต่ใจหนึ่งก็กลัวจะซ้ำเดิม กลัวจะเสียเราไปอีกคน

จึงอยากฝากเป็นข้อคิดแม่ๆว่า ถ้ามีอะไรเล็กๆน้อยๆให้ไปหาหมอเลย อย่างเราชะล้าใจคิดว่าอาการท้องแข็ง และปวดท้องเป็นอาการของคนใกล้คลอดเท่านั้น น่าจะไม่เป็นไร ทำให้เรามารพ.ช้า และควรนับลูกดิ้นอย่างสม่ำเสมอด้วย วันที่เกิดเหตุการณ์เราทำงานจนลืมที่จะนับลูกดิ้น เพราะปกติเค้าดิ้นแรงและเยอะ จนเราพักหลังๆเราไม่ได้นับจริงจัง และฝากเป็นข้อคิดคุณแม่ว่าถ้าจะดีควรไปคลอด รพ.ที่มีอุปกรณ์และหมอที่ดูแลเด็กแรกเกิดได้ด้วยจะดีมาก เผื่อคลอดแล้วลูกมีความเสี่ยงอะไจะได้ไม่ต้องย้าย รพ.คะ

ปล.อยากถามแม่ๆที่เคยมีประสบการณ์แบบเดี๋ยวกับเรา ว่าคุณแม่เกิดรกลอกตัวก่อนกำหนดเพราะสาเหตุอะไรกันบ้าง และท้องครั้งต่อไปเป็นไงบ้าง จะเสี่ยงมั๊ยคะ และต้องระวังตัวอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เสียใจด้วนะคะ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย อย่างน้อยคุณก็ได้เห็นหน้าน้อง ได้กอดน้องนะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ พยายามมีใหม่นะคะ เค้าอาจจะกลับมาเป็นลูกของคุณอีกครั้งก็ได้นะคะ
ฟ้าหลังฝนย่อมแจ่มใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่