ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่เริ่มเป็นแล้วค่ะ จนจบกระบวนการรักษา วันที่ 4 กย. ที่จะถึง ครบรอบ ผ่าตัด 1 ปีพอดี เพิ่งได้เขียน บันทึกไว้อ่านเอง และก็
อยากแบ่งปันเผื่ออาจมีประโยชน์กับใครบ้าง และอยากขอบคุณคุณหมอ พยาบาล และกำลังใจจากทุกคน ไว้ตรงนี้ด้วย
อาการเริ่มแรก : เรื่องปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด ไม่เคยมี ปวดท้องอาจมีบ้างแต่น้อยมาก แต่เป็นคนท้องเสียง่าย กินเผ็ดนิดเดียวก็ท้องเสีย
ท้องผูกไม่เป็นถ่ายทุกวัน แต่วันนึงนอนดูทีวี เอามือคลำท้องตัวเอง พบว่าเป็นก้อน ซ้ายก้อนเล็ก
เริ่มหาหมอ : เราหาหมอใช้สิทธิ 30 บาท อยู่แล้ว เลยไปหาคุณหมอที่คลีนิค หมอก็ให้นอน คลำท้อง แล้วบอกว่า มดลูกผิดปกติเลยส่งตรวจต่อไปตามสิทธิ
ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ส่งตรวจแผนกสูติ นารีเวช ได้ตรวจภายในครั้งแรก เจ็บมากกก (-_-") คุณหมอจับตรวจมะเร็งปากมดลูก พร้อมส่ง CT Scan คุณหมอบอกว่า ไหนๆ CT ช่องท้อง ก็ตรวจลำไส้ไปด้วยเลย ขอบคุณคุณหมอมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (-/\-) แล้วนัดมาฟังผล อีกอาทิตย์นึงมั๊ง
ฟังผล : หมอบอกว่า มดลูกไม่ม่ีปัญหาอะไร น่าจะเป็นแค่เนื้องอกธรรมดา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือลำไส้ พบกลุ่มแก๊สที่มักเกิดจากมะเร็ง หมอนิ่งคิดสีหน้าวิตกกังวล บอกว่ามันเรื่องใหญ่ทั้ง 2 อย่าง มดลูก+ลำไส้ แล้วหมอก็ตัดสินใจ "ผมส่งตัวคุณดีกว่า" เอาจริงๆเป็นคนไม่คิดมาก ก็พยักหน้าหงึกๆ ไปติดต่อกับพยาบาลหน้าห้อง เขาก็แจ้งว่า เดี๋ยวทำเรื่องส่งตัว แล้วจะโทรไปแจ้งนะคะว่าได้ไปรักษา รพ. ไหน ต้องให้ปลายทางตอบรับการส่งตัวก่อน ไม่เกิน 7 วันแจ้งค่ะ ตอนนั้นเพิ่งจะ 10 โมง ก็กลับบ้าน แต่แค่ช่วงบ่าย ก็มีคนโทรมาแจ้ง พี่ได้ไปต่อ เอ๊ย ไปรักษาที่ รพ.จุฬานะคะสะดวกมั๊ย (ในใจคิด สะดวกบำรุงราษฎร์ หรือพระราม9 ฮาๆ) ก็ตอบตกลงไป ต้องกลับไปเอาใบส่งตัว พยาบาล+เจ้าหน้าที่แนะนำดี น่ารักมากๆ มีโปรก็ไมบอก ตรวจมดลูก แถมมะเร็งลำไส้

เริ่มใหม่ที่จุฬา : ไปถึงวันแรก ไป6 โมงเช้า คนเยอะมากกกก ก็งงงง แต่เจ้าหน้าที่แนะนำดีมาก ก็ทำตามขั้นตอน จนมาถึงแผนกนารีเวช ก็ได้พบหมอเลย พยาบาลสุดสวยจัดให้ (พยาบาลหมอ นี่สวยๆทั้งนั้นเอาจริง งง คัดหน้าตาหราา) เขาก็ถามนะ อยากหาหมอคนไหนรึป่าว บางคนหาข้อมูลมาก่อน เราก็ไม่เลยหมอคนไหนก็ได้ค่ะ พอพบหมอก็โดนตรวจภายใน(อีกแล้วรึ!! ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน) แต่รอบนี้ไม่เจ็บเลย คุณหมอมือเบามากๆๆๆ แต่ที่นึกขำ ตอนหมอตรวจก็มีหมอหน้าเด็กๆ เดินเข้ามาถามหมอที่ตรวจภายในเราอยู่ (หมอเราน่าจะเป็นอาจารย์หมอ)พูดคุยเป็นปกติมาก จนเราเลยผงกหัวมอง 55 ดีนะมีสกิลจากการลงออนเซ็นที่ญี่ปุ่นมาก่อน หมอคงไม่คิดอะไรเห็นจนชิน แต่คนไข้อายนะหมอนะ
แล้วก็เหมือนเดิม มดลูกไม่มีปัญหาอะไร หมอห่วงตรงลำไส้มากกว่า แต่ถ้ามีการผ่าตัดลำไส้หมอก็จะตัดมดลูกทิ้งให้เลยเพื่อตัดความเสี่ยงในอนาคต หมอส่งทำนัดกับหมอลำไส้ให้เลย บอกว่าเคสด่วน เราก็ลงไปทำนัดที่แผนกลำไส้ เดินไปงงไป แต่ก็ทำนัดจนสำเร็จ มาตรวจตามนัดอีกอาทิตย์นึง
พบหมอไส้ : เดินเข้าห้องตรวจ มีน้อง นศ.แพทย์กลุ่มนึง 3-4 คน หมอก็สั่ง อ่ะซักประวัติคนไข้ เอาจริงคือหมอหน้าเด็กมากๆ เราก็โดนซักประวัติ แล้วหมอก็ให้เราตรวจ โดยนอนตะแคงแล้วหมอก็เอานิ้วแหย่ไปในก้น -_-" จากนั้นก็นอนหงาย หมอคลำแล้วให้น้องๆมาหัดคลำด้วย พอเจอก้อนมีเสียงวี๊ดว้ายนิดหน่อย 55 จากนั้นก็ลงมาคุยกับหมอ
"หมอให้ 80 90เลยเอ๊า มะเร็งลำไส้ ที่คิดว่าก้อนที่มดลูก ไม่ใช่มันเป็นที่ลำไส้"
ในใจคิดแว๊บแรกเลยนะ อ้าว จะได้ไปญี่ปุ่นมั๊ยเนี่ยตรู (มีทริปเดือน พย นัดกับเพื่อนไว้จองทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว) นิ่งไปซักพัก ถามหมอ
"หมอไม่ผ่าเร็วๆอันตรายมั๊ย" หมอเหมือนของขึ้น
"ใครมาหาหมอก็เป็นมะเร็งทั้งนั้น ถ้าทำได้ผมจะผ่าทุกคนวันนี้เลย"
"อ๋อ อยากผ่าตอน พย ได้รึป่าว"
" อ้าว อ่อ ม่ายด้ายยย ต้องรีบผ่า" หมอคงคิด ยังจะมาห่วงเที่ยว55 หมอก็นับๆ ผ่า กย. ไปญี่ปุ่น พย. ทันๆ อ้าวแล้วไม่ต้องคีโมหรอหมอ ก็ต้อง .. อ่าวหมอ
หมอนัดส่องกล้องลำไส้ด้วยได้คิว 3 กย จำได้เลย(ตอนนั้นปลายๆ สค 66) กลับบ้านมาพร้อมยาถ่าย หมอสั่งงดผักผลไม้
สรุป หมอนารีเวช +หมอไส้ ก็จับมือกันผ่าร่วม กลับบ้านไปนอนรอคิวผ่าตัด
หมอนารีเวชโทรมานัด พร้อมขอเราเป็นเคสให้ นศพ ด้วย ยินดีมาก เร็วมากเลยนัดผ่าอีกแค่เดือนเดียวเอง นัดผ่า 4 กย. ส่องกล้อง 3กย. หมอเลยให้มานอน รพ. ตั้งแต่ 2 กย. ก็เข้ากระบวนการตรวจร่างกาย ทุกอย่างผ่านฉลุย
ตอนนี้แหละ เดือนเดียวที่รอผ่า อาการเริ่มมา เวลาถ่ายมาเป็นเม็ดเล็กๆ มีอาการเจ็บด้านซ้ายตรงท้องน้อยที่เป็นก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ด้านขวาไม่เจ็บ
แล้วไม่ได้คิดไปเองนะ ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น ไวมากอ่ะ เอามือจับก็รู้เลย แต่ก็ยังไม่กังวลอะไรใช้ชีวิตปกติ จนถึงวันเข้าแอทมิด
นอน รพ. เพื่อผ่าตัด : ได้นอนผ่าที่ตึก ภูมิสิริ ตึกใหม่มากกก ดีมาก ห้องรวมที่ได้มี 3 เตียง วิวก็สวย พยาบาลก็ให้เปลี่ยนชุด เปลี่ยนแล้วดูป่วยทันที คืนแรกไม่มีอะไรมาก ตอนเย็นต้องกินยาถ่าย รสชาติเหมือนกะทิเค็มๆ แต่พยาบาลใจดีมากเอาไปแช่เย็นให้กินง่าย แต่ก็ถ่ายไม่เยอะมาก เริ่มงดอาหารแล้วตอนนั้น
เช้าวันต่อมาก็กินยาถ่ายอีกรอบ จนน้ำใส ถึงเวลาเขาก็เข็นเตียงไปตึกส่องกล้อง ซึ่งอยู่อีกตึก อลังมาก นึกว่าให้เดินไปเอง วิวจากห้อง

ตอนส่องกล้องเขาฉีดยาให้หลับ แต่นี่ไม่หลับ นอนฟังหมอสอน นศพ ไปด้วย ดูไส้ตัวเองไปด้วย แต่ดูไม่รู้เรื่องหรอก ได้ยินหมอบอกว่าเคสนี้ไม่ต้องทำถุงหน้าท้อง แอบ เย้ๆ
ส่องเสร็จก็กลับไปนอนในวอร์ด มี พยบ มาเจาะเลือด ผู้ช่วยหมอมาอธิบายว่าผ่ายังไง วิสัญญี เรียกว่ามาหลายแผนกมาก เพราะเราผ่าตัดใหญ่ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร ไปเยี่ยมเพื่อนผ่าตัดมดลูกหลายคนก็ดูชิวๆ ได้คิวที่ 2 ของห้องผ่าตัด เข้า11 โมง คุณหมอวิสัญญีบอกผ่าประมาณ 3 ชม.
ในรูปเราได้นอนเตียงกลาง
ถึงวันผ่า เตรียมตัวแต่เช้า ในวอร์ดมีคนโดนเข็นเพื่อไปผ่าตัดเรื่อยๆ พอถึงคิวเราก็มีเวรเปลมารับ นอนรอหน้าห้องผ่าตัด บรรยากาศดี มีเสียงเด็กร้องไกลๆ
เราผ่าตึกนารีเวช เลยเวลานิดหน่อย ถึงเข็นเข้าห้อง คำนวนเวลาเอง ว่าน่าจะเสร็จไม่เกินบ่าย 3 ในห้องเย็นสบายดี มีเสียงมาถามข้างหูว่า
"หนาวมั๊ย เดี๋ยวเปิดลมร้อนให้" อื้อหือมันอบอุ่นหัวใจ เขาคงถามเป็นปกติ นี่ปลื้มเหมือนมีคนห่วงเราอยู่
จากนั้นก็มีบล็อคหลัง แล้วก็ครอบจมูกดมยา ตื่นอีกที อยู่ห้อง ICU นาฬิกาตรงเท้าพอดี 17.00 น. 5โมงเย็น!! แม่เป็นห่วงตายเลย กำลังกังวล พยาบาลก็เอาโทรศัพท์มาเสียบข้างหู เพื่อนโทรเข้ามา!! มันบุกโทรถึง ICU เลยฝากส่างข่าวถึงแม่และทุกคน ว่าปลอดภัยดี สายอะไรต่อมิอะไรก็มาแปะเต็มไปหมด
เสียงพยาบาลคุยกัน โอเคนะพรุ่งนี้น่าจะกลับวอร์ดได้
โห มองรอบตัวสายอะไรระโยงระยางเต็มไปหมด -_-" พยาบาลก็เอาแปรงมาให้แปรงฟัน แผลที่ผ่าตัดเอาจริงนอนนิ่งๆก็ไม่ปวดอะไร เขามีมอร์ฟีนมาให้กดเองด้วย บอกปวดแล้วกดนะคะ ก็หลับไป ดึกๆประมาณเที่ยงคืน พยาบาลมาปลุก พี่ๆ พี่คะกลับวอร์ดค่ะ มีคนหนักกว่า พี่stable ที่สุดใน ICU ฮ่า ยินดี ความภูมิใจของตระกูล เลยได้มานอนวอร์ดตั้งแต่คืนแรก
ระหว่างกะลังสะลึมสะลือ หมอที่ผ่ามดลูกมาบอก เนื้อไม่สวยเลยค่ะ คิดเองนะว่าหมอบอกเป็นนัยๆว่า มะเร็งนะคะ พอดีรู้อยู่แล้วเลยเฉยๆ
พักนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ ทั้งหมด 10 วัน หมอเก่งมาก ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย
การดูแลของพยาบาลก็ประทับใจมาก ไม่ีคิดว่าเขาจะดูขนาดนี้ หมอมาคอยดูตลอด

เครื่องข้างเตียง ต่อสายไว้ที่หลัง ปวดแล้วให้กดเป็นมอร์ฟีน แต่เรากดยังไงก็ไม่รู้สึก ยังเจ็บเท่าเดิมเหมือนร่างกายไม่ตอบสนอง -_-"
มีทีมวิสัญญีมาเทสต์ เขาบอกเหมือนร่างกายไม่ตอบสนองมอร์ฟีน แต่ก็บอกกับตัวเอง ว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ^-^
(ค่อยมาต่อนะคะ ผ่านมาจะปีแล้วต้องเรียบเรียงความทรงจำ)
บันทึกแบบละเอียด.. อยู่มาวันนึงก็เป็นมะเร็งลำไส้ ระยะ4 แบบไม่แสดงอาการ
อยากแบ่งปันเผื่ออาจมีประโยชน์กับใครบ้าง และอยากขอบคุณคุณหมอ พยาบาล และกำลังใจจากทุกคน ไว้ตรงนี้ด้วย
อาการเริ่มแรก : เรื่องปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด ไม่เคยมี ปวดท้องอาจมีบ้างแต่น้อยมาก แต่เป็นคนท้องเสียง่าย กินเผ็ดนิดเดียวก็ท้องเสีย
ท้องผูกไม่เป็นถ่ายทุกวัน แต่วันนึงนอนดูทีวี เอามือคลำท้องตัวเอง พบว่าเป็นก้อน ซ้ายก้อนเล็ก
เริ่มหาหมอ : เราหาหมอใช้สิทธิ 30 บาท อยู่แล้ว เลยไปหาคุณหมอที่คลีนิค หมอก็ให้นอน คลำท้อง แล้วบอกว่า มดลูกผิดปกติเลยส่งตรวจต่อไปตามสิทธิ
ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ส่งตรวจแผนกสูติ นารีเวช ได้ตรวจภายในครั้งแรก เจ็บมากกก (-_-") คุณหมอจับตรวจมะเร็งปากมดลูก พร้อมส่ง CT Scan คุณหมอบอกว่า ไหนๆ CT ช่องท้อง ก็ตรวจลำไส้ไปด้วยเลย ขอบคุณคุณหมอมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (-/\-) แล้วนัดมาฟังผล อีกอาทิตย์นึงมั๊ง
ฟังผล : หมอบอกว่า มดลูกไม่ม่ีปัญหาอะไร น่าจะเป็นแค่เนื้องอกธรรมดา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือลำไส้ พบกลุ่มแก๊สที่มักเกิดจากมะเร็ง หมอนิ่งคิดสีหน้าวิตกกังวล บอกว่ามันเรื่องใหญ่ทั้ง 2 อย่าง มดลูก+ลำไส้ แล้วหมอก็ตัดสินใจ "ผมส่งตัวคุณดีกว่า" เอาจริงๆเป็นคนไม่คิดมาก ก็พยักหน้าหงึกๆ ไปติดต่อกับพยาบาลหน้าห้อง เขาก็แจ้งว่า เดี๋ยวทำเรื่องส่งตัว แล้วจะโทรไปแจ้งนะคะว่าได้ไปรักษา รพ. ไหน ต้องให้ปลายทางตอบรับการส่งตัวก่อน ไม่เกิน 7 วันแจ้งค่ะ ตอนนั้นเพิ่งจะ 10 โมง ก็กลับบ้าน แต่แค่ช่วงบ่าย ก็มีคนโทรมาแจ้ง พี่ได้ไปต่อ เอ๊ย ไปรักษาที่ รพ.จุฬานะคะสะดวกมั๊ย (ในใจคิด สะดวกบำรุงราษฎร์ หรือพระราม9 ฮาๆ) ก็ตอบตกลงไป ต้องกลับไปเอาใบส่งตัว พยาบาล+เจ้าหน้าที่แนะนำดี น่ารักมากๆ มีโปรก็ไมบอก ตรวจมดลูก แถมมะเร็งลำไส้
เริ่มใหม่ที่จุฬา : ไปถึงวันแรก ไป6 โมงเช้า คนเยอะมากกกก ก็งงงง แต่เจ้าหน้าที่แนะนำดีมาก ก็ทำตามขั้นตอน จนมาถึงแผนกนารีเวช ก็ได้พบหมอเลย พยาบาลสุดสวยจัดให้ (พยาบาลหมอ นี่สวยๆทั้งนั้นเอาจริง งง คัดหน้าตาหราา) เขาก็ถามนะ อยากหาหมอคนไหนรึป่าว บางคนหาข้อมูลมาก่อน เราก็ไม่เลยหมอคนไหนก็ได้ค่ะ พอพบหมอก็โดนตรวจภายใน(อีกแล้วรึ!! ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน) แต่รอบนี้ไม่เจ็บเลย คุณหมอมือเบามากๆๆๆ แต่ที่นึกขำ ตอนหมอตรวจก็มีหมอหน้าเด็กๆ เดินเข้ามาถามหมอที่ตรวจภายในเราอยู่ (หมอเราน่าจะเป็นอาจารย์หมอ)พูดคุยเป็นปกติมาก จนเราเลยผงกหัวมอง 55 ดีนะมีสกิลจากการลงออนเซ็นที่ญี่ปุ่นมาก่อน หมอคงไม่คิดอะไรเห็นจนชิน แต่คนไข้อายนะหมอนะ
แล้วก็เหมือนเดิม มดลูกไม่มีปัญหาอะไร หมอห่วงตรงลำไส้มากกว่า แต่ถ้ามีการผ่าตัดลำไส้หมอก็จะตัดมดลูกทิ้งให้เลยเพื่อตัดความเสี่ยงในอนาคต หมอส่งทำนัดกับหมอลำไส้ให้เลย บอกว่าเคสด่วน เราก็ลงไปทำนัดที่แผนกลำไส้ เดินไปงงไป แต่ก็ทำนัดจนสำเร็จ มาตรวจตามนัดอีกอาทิตย์นึง
พบหมอไส้ : เดินเข้าห้องตรวจ มีน้อง นศ.แพทย์กลุ่มนึง 3-4 คน หมอก็สั่ง อ่ะซักประวัติคนไข้ เอาจริงคือหมอหน้าเด็กมากๆ เราก็โดนซักประวัติ แล้วหมอก็ให้เราตรวจ โดยนอนตะแคงแล้วหมอก็เอานิ้วแหย่ไปในก้น -_-" จากนั้นก็นอนหงาย หมอคลำแล้วให้น้องๆมาหัดคลำด้วย พอเจอก้อนมีเสียงวี๊ดว้ายนิดหน่อย 55 จากนั้นก็ลงมาคุยกับหมอ
"หมอให้ 80 90เลยเอ๊า มะเร็งลำไส้ ที่คิดว่าก้อนที่มดลูก ไม่ใช่มันเป็นที่ลำไส้"
ในใจคิดแว๊บแรกเลยนะ อ้าว จะได้ไปญี่ปุ่นมั๊ยเนี่ยตรู (มีทริปเดือน พย นัดกับเพื่อนไว้จองทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว) นิ่งไปซักพัก ถามหมอ
"หมอไม่ผ่าเร็วๆอันตรายมั๊ย" หมอเหมือนของขึ้น
"ใครมาหาหมอก็เป็นมะเร็งทั้งนั้น ถ้าทำได้ผมจะผ่าทุกคนวันนี้เลย"
"อ๋อ อยากผ่าตอน พย ได้รึป่าว"
" อ้าว อ่อ ม่ายด้ายยย ต้องรีบผ่า" หมอคงคิด ยังจะมาห่วงเที่ยว55 หมอก็นับๆ ผ่า กย. ไปญี่ปุ่น พย. ทันๆ อ้าวแล้วไม่ต้องคีโมหรอหมอ ก็ต้อง .. อ่าวหมอ
หมอนัดส่องกล้องลำไส้ด้วยได้คิว 3 กย จำได้เลย(ตอนนั้นปลายๆ สค 66) กลับบ้านมาพร้อมยาถ่าย หมอสั่งงดผักผลไม้
สรุป หมอนารีเวช +หมอไส้ ก็จับมือกันผ่าร่วม กลับบ้านไปนอนรอคิวผ่าตัด
หมอนารีเวชโทรมานัด พร้อมขอเราเป็นเคสให้ นศพ ด้วย ยินดีมาก เร็วมากเลยนัดผ่าอีกแค่เดือนเดียวเอง นัดผ่า 4 กย. ส่องกล้อง 3กย. หมอเลยให้มานอน รพ. ตั้งแต่ 2 กย. ก็เข้ากระบวนการตรวจร่างกาย ทุกอย่างผ่านฉลุย
ตอนนี้แหละ เดือนเดียวที่รอผ่า อาการเริ่มมา เวลาถ่ายมาเป็นเม็ดเล็กๆ มีอาการเจ็บด้านซ้ายตรงท้องน้อยที่เป็นก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ด้านขวาไม่เจ็บ
แล้วไม่ได้คิดไปเองนะ ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น ไวมากอ่ะ เอามือจับก็รู้เลย แต่ก็ยังไม่กังวลอะไรใช้ชีวิตปกติ จนถึงวันเข้าแอทมิด
นอน รพ. เพื่อผ่าตัด : ได้นอนผ่าที่ตึก ภูมิสิริ ตึกใหม่มากกก ดีมาก ห้องรวมที่ได้มี 3 เตียง วิวก็สวย พยาบาลก็ให้เปลี่ยนชุด เปลี่ยนแล้วดูป่วยทันที คืนแรกไม่มีอะไรมาก ตอนเย็นต้องกินยาถ่าย รสชาติเหมือนกะทิเค็มๆ แต่พยาบาลใจดีมากเอาไปแช่เย็นให้กินง่าย แต่ก็ถ่ายไม่เยอะมาก เริ่มงดอาหารแล้วตอนนั้น
เช้าวันต่อมาก็กินยาถ่ายอีกรอบ จนน้ำใส ถึงเวลาเขาก็เข็นเตียงไปตึกส่องกล้อง ซึ่งอยู่อีกตึก อลังมาก นึกว่าให้เดินไปเอง วิวจากห้อง
ตอนส่องกล้องเขาฉีดยาให้หลับ แต่นี่ไม่หลับ นอนฟังหมอสอน นศพ ไปด้วย ดูไส้ตัวเองไปด้วย แต่ดูไม่รู้เรื่องหรอก ได้ยินหมอบอกว่าเคสนี้ไม่ต้องทำถุงหน้าท้อง แอบ เย้ๆ
ส่องเสร็จก็กลับไปนอนในวอร์ด มี พยบ มาเจาะเลือด ผู้ช่วยหมอมาอธิบายว่าผ่ายังไง วิสัญญี เรียกว่ามาหลายแผนกมาก เพราะเราผ่าตัดใหญ่ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร ไปเยี่ยมเพื่อนผ่าตัดมดลูกหลายคนก็ดูชิวๆ ได้คิวที่ 2 ของห้องผ่าตัด เข้า11 โมง คุณหมอวิสัญญีบอกผ่าประมาณ 3 ชม.
ในรูปเราได้นอนเตียงกลาง
ถึงวันผ่า เตรียมตัวแต่เช้า ในวอร์ดมีคนโดนเข็นเพื่อไปผ่าตัดเรื่อยๆ พอถึงคิวเราก็มีเวรเปลมารับ นอนรอหน้าห้องผ่าตัด บรรยากาศดี มีเสียงเด็กร้องไกลๆ
เราผ่าตึกนารีเวช เลยเวลานิดหน่อย ถึงเข็นเข้าห้อง คำนวนเวลาเอง ว่าน่าจะเสร็จไม่เกินบ่าย 3 ในห้องเย็นสบายดี มีเสียงมาถามข้างหูว่า
"หนาวมั๊ย เดี๋ยวเปิดลมร้อนให้" อื้อหือมันอบอุ่นหัวใจ เขาคงถามเป็นปกติ นี่ปลื้มเหมือนมีคนห่วงเราอยู่
จากนั้นก็มีบล็อคหลัง แล้วก็ครอบจมูกดมยา ตื่นอีกที อยู่ห้อง ICU นาฬิกาตรงเท้าพอดี 17.00 น. 5โมงเย็น!! แม่เป็นห่วงตายเลย กำลังกังวล พยาบาลก็เอาโทรศัพท์มาเสียบข้างหู เพื่อนโทรเข้ามา!! มันบุกโทรถึง ICU เลยฝากส่างข่าวถึงแม่และทุกคน ว่าปลอดภัยดี สายอะไรต่อมิอะไรก็มาแปะเต็มไปหมด
เสียงพยาบาลคุยกัน โอเคนะพรุ่งนี้น่าจะกลับวอร์ดได้
โห มองรอบตัวสายอะไรระโยงระยางเต็มไปหมด -_-" พยาบาลก็เอาแปรงมาให้แปรงฟัน แผลที่ผ่าตัดเอาจริงนอนนิ่งๆก็ไม่ปวดอะไร เขามีมอร์ฟีนมาให้กดเองด้วย บอกปวดแล้วกดนะคะ ก็หลับไป ดึกๆประมาณเที่ยงคืน พยาบาลมาปลุก พี่ๆ พี่คะกลับวอร์ดค่ะ มีคนหนักกว่า พี่stable ที่สุดใน ICU ฮ่า ยินดี ความภูมิใจของตระกูล เลยได้มานอนวอร์ดตั้งแต่คืนแรก
ระหว่างกะลังสะลึมสะลือ หมอที่ผ่ามดลูกมาบอก เนื้อไม่สวยเลยค่ะ คิดเองนะว่าหมอบอกเป็นนัยๆว่า มะเร็งนะคะ พอดีรู้อยู่แล้วเลยเฉยๆ
พักนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ ทั้งหมด 10 วัน หมอเก่งมาก ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย
การดูแลของพยาบาลก็ประทับใจมาก ไม่ีคิดว่าเขาจะดูขนาดนี้ หมอมาคอยดูตลอด
เครื่องข้างเตียง ต่อสายไว้ที่หลัง ปวดแล้วให้กดเป็นมอร์ฟีน แต่เรากดยังไงก็ไม่รู้สึก ยังเจ็บเท่าเดิมเหมือนร่างกายไม่ตอบสนอง -_-"
มีทีมวิสัญญีมาเทสต์ เขาบอกเหมือนร่างกายไม่ตอบสนองมอร์ฟีน แต่ก็บอกกับตัวเอง ว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้น แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ^-^
(ค่อยมาต่อนะคะ ผ่านมาจะปีแล้วต้องเรียบเรียงความทรงจำ)