💝💝💝สายใยแห่งรักและผูกพัน 💝💝💝


นานมากแล้วที่ความรู้สึกไม่ได้หวั่นไหวกับอารมณ์รักอย่างอาลัยอาวรณ์จากคนอื่น..

ความรู้สึกผิดที่เดินจากมากับเสียงร่ำไห้... ใจคอไม่ดีเลยที่ทำลงไป นั่งใจสลดบนรถแท็กซี่จนกว่าจะถึงบ้านในยี่สิบนาทีต่อมา..

สามวันติดกันแล้วที่เสร็จจากธุระก่อนเที่ยงก็ถือโอกาสไปหาหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบหนึ่งเดือนที่เริ่มหัดพูดเป็นคำเดี่ยวได้

วันแรกยายหลานเล่นกันเพลิดเพลิน เมื่อถึงเวลายายและแม่บ้านต้องกลับบ้านโดยมีป้าของหลานคือลูกสาวของยายมาค้างคืนรับ

ช่วงเฝ้าหลานต่อจากแม่บ้านจนกว่าแม่ของหลานจะกลับจากทำงานราวสองทุ่ม วันแรกนี้ต้องหลอกให้เล่นในผ้าม่าน ยายจึงหนี

กลับมาได้ ป้าบอกหลานเรียกหายาย แต่ป้าบอกว่ากลับบ้านไปแล้ว หลานก็ไม่ได้ร้องหาอีก

เย็นวันที่สองยายก็ไปหาหลานอีก โดยมีแม่บ้านจับมือหลานยืนรอรับชั้นล่างของคอนโด และยิ้มรับยายจนพากันขึ้นไปบนห้อง

ตอนบ่ายได้พาหลานนั่งรถไปเที่ยวช็อปปิ้ง เพราะหลานมาเรียกยาย ยาย walk walk ดึงให้ยายลุกขึ้นพาไปข้างนอกจึงขับรถไป

ที่ลาซาลล์ สแควร์สมควรแก่เวลาก็พากันกลับ ยามที่หลานดื้อ ก็จะถูกขู่ว่ายายจะ go home นะ.. No!.. เป็นเสียงที่หลานส่ายหน้า

ปฏิเสธ และจำยอมอยู่ในโอวาท  เมื่อจะกลับต้องหลอกโดยป้าที่มารับช่วงพาไปเล่นซ่อนหาที่ระเบียงคอนโดให้เพลิดเพลิน และ

ยายก็หลบออกมาก่อนแม่บ้าน

วันนี้สิช่างบีบคั้นหัวใจจริงๆในภาพที่ได้เห็น แม่บ้านกลับไปก่อนแล้ว หลานก็โบกมือให้ ปกติก็อยู่กับแม่บ้านและพ่อของเขาเป็น

หลัก ช่วงนี้พ่อเขาไม่อยู่จึงต้องมาผลัดเปลี่ยนกันอยู่เป็นเพื่อนหลาน

เมื่อตอนเย็นหลานก็มายกหน้ายายบอก walk  walk อีก คือต้องการออกไปข้างนอก ตอนรอที่ปั๊มจะเติมน้ำมัน หลานก็หลับคอพับ

บน baby  car seat แล้ว จึงต้องกลับและจอดรถรอจนกว่าหลานจะตื่น เมื่อตื่นจึงพาเดินที่บริเวณคอนโด จนกลับขึ้นห้อง

หลังจากแม่บ้านไปแล้ว หลานก็อยู่กับยายและป้า แต่เมื่อป้ากลับมาจากทำงานเพลียจึงพิงพนักงีบที่โซฟา ยายก็นอนหลับตาบ้าง

หลานดึงยายให้ลุก สั่นศีรษะ ไม่ยอมให้ยายนอน แถมจะร้องไห้ โอ้โอ๋ ยายไม่นอนก็ได้ สักพักหลานเอาหมอนมานอนที่พื้นให้ยายกาง

หนังสือให้ดู มีรูปเครื่องบินก็สอนกันอีกหน Plane running and up up to sky  ยายหลานก็กางแขนร่อนฉวัดเฉวียนกันไป

เสียงประตูดังกริ๊กก่อนเปิด หลานทะลึ่งพรวดลุกขี้นเห็นแม่มา ก็ยิ้ม ยายบอกให้ไป Hug mami ..แม่ลูกก็กอดกันกลมหน้าประตูภายใน

เมื่อคุยกันสักพัก หลานนอนในตักแม่ก็ลุกขึ้นเมื่อได้ยินยายบอกว่าจะ go home หลานก็ลุกมาจูงมือยายให้ไปนั่งที่โซฟา เอามือแตะที่

โซฟาให้นั่งที่นี่ แล้วหลานก็ไปนอนสลึมสะลือบนตักแม่ต่อไป หลานคงมีความกังวลในหัวว่ายายจะกลับบ้าน..

ป้าเปิดประตูดังกริ๊กหลานรีบลุกจากตักแม่มาที่หน้าประตูร้องไห้เลย รู้แล้วว่าป้ากับยายจะต้องไป ยายมองหลานด้วยความสงสารและ

เวทนา แม่เข้ามากอดก็ยังไม่ยอม จนต้องอุ้มพาเข้าไปในห้องพร้อมเสียงร้องไห้ดังออกมา ยายก็สลดใจ บอกลูกเดี๋ยวค่อยไป ลูกบอกเรียก

แท็กซี่มารอข้างล่างแล้ว อยากจะอยู่ค้าง แต่ยายไม่ได้เตรียมกายมาก่อน ไม่นึกว่าจะเป็นมากขนาดนี้ แม่ก็อยู่แท้ๆราวกับว่าหลานต้องการ

ให้ยายอยู่ด้วยจึงจะครบความอบอุ่นที่วัยของหลานต้องการ

ปกติวันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์ หลานจะได้มาหายายที่บ้าน โดยหลานจะถูกอุ้มจากรถมาปล่อยลงให้เดินยิ้มกริ่มมาเจอยายที่มักนั่งอยู่โซฟา

เป็นประจำ และการเล่นรถวิ่งแข่งกับต่อห่วงพลาสติดหลากสี ต่อจิ๊กซอว์รูปสัตว์ และการปาบอลก็จะดำเนินไปจนกว่าหลานจะเบื่อ

ซึ่งในตอนแดดร่มลมตก จะเป็นเวลาที่ไปสอยมะม่วงน้ำดอกไม้จากต้นที่สนามโดยพ่อของหลานๆก็จะเป็นคนหยิบผลมะม่วงออกจากตะกร้อ

มากองไว้ หรือไม่ก็ walk..walk to 7/11 เดินดูโน่นนี่รวมทั้ง birds นกพิราบเชื่องๆที่เดินตามฟุตบาทให้เห็น และ fly up as a plane

ระยะทาง300 เมตร ก็กำลังดีกับวัยน้อยๆของหลาน ที่นั่นหลานต้องไปหยิบ แลคตาซอยกล่องเล็ก และโยเกิร์ตดัชชี no fat ที่เขาดื่มและกิน

เป็นประจำ ที่จริงหลานได้แลคตาซอยมาเป็นหีบห่อจากคุณตาทำแลคตาซอยเพื่อนของยายอยู่แล้ว แต่การหัดช็อปปิ้งของหลานก็ถือเป็น

การเรียนรู้ไปในตัว และทุกครั้งที่พ่อแม่ทิ้งลูกไว้ลูกก็ไม่ได้ร้องตาม มีความสนุกสนานในบรรยากาศบ้านยายเป็นอย่างดี แถมโบกมือ bye..bye

พ่อที่เลื่อนประตูโรงรถปิดด้วยซ้ำไป

เหตุการณ์หลานกับยายจึงเป็นความแปลกนิดหน่อย ตั้งแต่ลูกสาวไลน์มาบอกวันก่อนหน้านี้ว่า หลานตื่นเช้ามาเรียก ยาย ยาย ตั้งหลายหน..

เดี๋ยวหลานคงจะลืมอารมณ์นั้น เพราะลูกบอกว่าหลานร้องไห้ตามไม่นาน ปกติเลี้ยงง่ายมากกว่าลูกยายทั้งสามที่ยายเลี้ยงมาเสียอีก

ไม่มีร้องไห้งอแงเหมือนเด็กไทยทั่วไป ไปไหนไปกัน นอนรถไฟไปอิสาน นั่งเครื่องบินไปออสเตรเลีย อินเดีย พม่า ตั้งแต่ยังไม่ครบ2ขวบ..

การร้องไห้คร่ำครวญกับการจาก ทำให้นึกย้อนภาพไปถึงการจากแสนไกลในอดีตกับหลายๆคน มีทั้งจากความรู้สึกของตนเองและจากผู้อื่น

ต่อตนเอง..

การที่ในวัยสาวเรามิได้ไปส่งคนที่ลาจากไปไกล ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูก ที่ทำให้เขาผิดหวัง เขาได้แต่ฝากแผ่นเสียงหนึ่งแผ่น เพลง

Till we meet again ไว้ให้ฟัง

     หลายปีต่อมาเมื่อได้พยายามที่จะมาเห็นกัน ในถ้อยคำมากมายที่เขาบอกจำได้ไม่ลืมคือ..

... เคยนะ ขับรถฟังเทปเพลงที่ให้มาไปเรื่อยๆด้วยความคิดถึง คงไม่ต้องบอกว่าคิดถึงใคร ขับไปจนน้ำมันใกล้หมดไฟเตือนขึ้น จึงต้องขับ

กลับมาบ้าน...หาครอบครัว

เมื่อลำดับความรู้สึกแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ก็คงไม่ต้องบอกหรอกว่า ความนึกคิดใดๆใช่จะบังเกิดแต่เพียงฝ่ายเดียวก็หาไม่ หลายปีที่

เจอตัวตนกันก็รู้แก่ใจว่า เราคุยกันด้วยรอยยิ้มกับคำโต้ตอบกันมาจากหัวใจที่อบอุ่น การกระทำทุกอย่างแสดงแจ้งชัดตัวตนอยู่แล้ว มันขาดหาย

ไปด้วยการจากกันไปไกล และความไม่แน่ใจในความคิดของตนเอง จึงไม่ทำอะไรเลยนั่นคือมิได้ไปส่งร่ำลาในวันนั้น..

   รับรู้อยู่ว่าใครคนนั้นมีเราอยู่ในใจเสมอคนเดียว

 และก็มีบางคนที่มีเราอยู่รวมกับอีกหลายคนราวกับคอมมูนเล็กๆในใจเขา!

                                                                                💞 จบ 💞

ขอวางเรื่องสั้นสู่ระบบตั้งกระทู้ใหม่ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่