เธอ… เขา... (Original 20-10-2007 อ้างอิงจากวันที่เซฟไฟล์)
ผม...รู้จักเธอเมื่อแปดปีก่อน หรือถ้าจะให้ถูกต้องกว่านี้ ก็ต้องบอกว่า ผมรู้จักเธอฝ่ายเดียวเมื่อนานมาแล้วมากกว่า ตั้งแต่ทั้งผมและเธอยังเป็นนักเรียนมัธยม เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะป๊อปปูล่าคนหนึ่ง ทุกที่ที่เธอไปมักจะถูกรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงทั้งชายและหญิงตลอดเวลา เธอเป็นคนเก่ง คุยสนุก ร่าเริง คงไม่โอเว่อร์จนเกินไปถ้าผมจะบอกว่าผมตกหลุมรักเธอทันทีที่ได้พบเธอ แต่ถ้าจะให้เทียบกันระหว่างผมกับเธอ คำว่า ดอกฟ้ากับหมาวัด ก็คงจะดูไม่เกินเลยไป ซึ่งเรื่องนี้ผมรู้ตัวดีอยู่เสมอ ดังนั้น สิ่งที่ผมจะทำได้ก็คือแอบมองดูเธออยู่ห่างๆ และปล่อยตัวเองให้เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนสำหรับเธอ
ฉัน...รู้จักเขาจริงๆ เมื่อห้าปีที่แล้ว จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ หากฉันไม่บังเอิญหันไปเห็นเขาในบางครั้ง ฉันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นเรียนมีเขาอยู่ด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยเข้ากลุ่มกับใคร ทำให้เพื่อนๆ ในชั้นเรียนไม่ค่อยพูดคุยหรือสนิทสนมกับเขา ซึ่งนั่นก็รวมถึงฉันด้วย
วันสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ที่สถานศึกษาแห่งนี้ ผมซึ่งไม่รู้ว่าจะได้พบกับเธออีกหรือไม่ เมื่อไหร่ ตัดสินใจรวบรวมความกล้าที่มีอยู่อันน้อยนิดเดินเข้าไปทักทายเธอ ผมเห็นเธอทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและพูดคุยกับผม วันนั้นผมดีใจมากเพราะอย่างน้อย เธอก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผมแล้ว...
วันนั้นฉันยังจำได้ดี เขาเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีตลกๆ ชนโน่นชนนี่มาตลอดทาง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันและกล่าวทักทาย ตอนนั้นฉันแอบหัวเราะอยู่ในใจ และคิดว่า เขาช่างเป็นคนที่ดูตลก และคำพูดที่ใช้ก็ยังเชยมากๆ อีกด้วย แต่หลังจากที่ได้คุยกับเขาแล้ว ฉันคิดว่า เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะคุยสนุกทีเดียว และฉันยังรู้สึกถึงความนอบน้อมและอบอุ่นในคำพูดของเขาด้วย
ผมเริ่มสนิทกับเธอมากขึ้น และพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมตอนเข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งใหม่ที่ผมได้เรียนสถาบันแห่งเดียวและคณะเดียวกับเธอ ความจริงแล้ว ผมต้องใช้ความพยายามอย่างสูงทีเดียวที่จะทำให้ตัวเองได้เข้ามาเรียนยังสถาบันแห่งนี้ และก็คณะนี้ เพียงเพราะแค่ผมต้องการได้เห็นเธออยู่ในสายตาเหมือนที่ผ่านๆ มาผมดีใจมากเมื่อเธอเข้ามาทักผมก่อนในวันแรกของการศึกษา...เธอยังจำผมได้
สถานศึกษาใหม่ที่ทุกคนยังคงไม่คุ้นเคยกัน ฉันพบว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งในคณะที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ และนั่นเป็นครั้งที่สองที่ฉันได้พูดคุยกับเขา ฉันเห็นเขาทำท่าอายๆ เมื่อฉันเข้าไปทักเขา เมื่อฉันเห็นท่าทางตลกๆ ของเขาแล้วมันทำให้ฉันผ่อนคลายและยิ้มออกมาได้ง่ายๆ โดยที่ตัวฉันเองไม่รู้ตัว
เมื่อวันเวลาผ่านไป ผมกับเธอไปเที่ยวกันบ่อยมากขึ้น คุยเรื่องส่วนตัวกันได้โดยที่ไม่ต้องปิดบัง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ผมชอบมองดวงตาและใบหน้าของเธอ มันช่างสดใสเหลือเกิน และผมก็ไม่อยากจะสูญเสียวันเวลาเหล่านี้ไปให้กับคนอื่น ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเป็นครั้งที่สองเพื่อที่จะขอคบกับเธอในฐานะที่มากกว่าเพื่อน ผมเห็นเธอตกใจนิดหน่อย ใจหนึ่งผมอยากจะวิ่งหนี แต่อีกใจก็อยากฟังคำตอบจากปากเธอ และวันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุขเหลือเกิน
วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ฉันและเขาสนิทกันมากขึ้น ฉันรู้สึกสนุกและมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเขา อาจเป็นเพราะฉันรู้จักกับเขามาก่อนทำให้เราเข้ากันได้ง่ายขึ้น เขาเป็นเพื่อนและพี่ชายที่ดีของฉัน เขาขอฉันเป็นแฟนในระหว่างที่เรากำลังไปเที่ยวกัน ฉันมองเห็นหน้าและแววตาสลดของเขาก่อนที่ฉันจะตอบตกลง ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ยังเด็กกันมาก เมื่อวันเวลาผ่านไปทั้งเขาและฉันก็คงจะพบกับคนที่ใช่กว่านี้ และแต่ละคนจะต้องมีทางเดินเป็นของตัวเองในที่สุด
ผมรู้ดีถึงความแตกต่างของผมและเธอ ดังนั้น ผมจึงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เธอมีความสุขที่สุดในเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ผมพยายามพัฒนาตัวเองในหลายๆ เรื่อง ทั้งการเรียน และกีฬา เพื่อให้เธอรู้สึกไม่อายใครเวลาเดินอยู่กับผม ผมต้องพยายามกว่านี้...
หลังจากเราคบกันในฐานะแฟน ฉันรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมายเพื่อฉัน ในใจลึกๆ ส่วนหนึ่งฉันรู้สึกดีใจ เพราะไม่เคยมีใครทำให้ฉันได้ขนาดเขา แต่อีกใจฉันรู้สึกสงสารเขาและนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อเขามากขึ้น...ฉัน...
หลังจากผมและเธอจบการศึกษาแล้ว เรายังคงติดต่อกันอยู่เช่นเดิม ผมซึ่งได้หน้าที่การงานซึ่งค่อนข้างมั่นคงและมั่นใจว่าด้วยความพร้อมตอนนี้ผมคงไม่ทำให้เธอลำบากแน่ ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ทุกคำพูดที่ผ่านออกมาจากลำคอดูเหมือนว่าช่างยากเย็นเหลือเกิน ยากเย็นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา...ผม...ขอเธอแต่งงาน
หลังจากจบการศึกษาสักระยะหนึ่งแล้ว ฉันเดินทางไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำตามนัดของเขา เมื่อไปถึงฉันเห็นเขานั่งรออยู่แล้ว และเมื่อฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ฉันเห็นเขาทำท่าตกใจเล็กน้อย เขาดูพูดจาติดขัดและเงอะงะ ดูแล้วไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันแอบอมยิ้มในใจ...เขา...หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และ...ขอฉันแต่งงาน
เธอตกใจ หยุดนิ่ง หน้าตาเคร่งขรึม เธอมองตาผมด้วยสายตาครุ่นคิด ผมสังเกตเห็นความกังวลในแววตาของเธอแวบหนึ่ง ผมเฝ้าคอยคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ มันช่างเหมือนกับวันที่ผมขอคบเธอเป็นแฟนเหลือเกิน เพียงแต่ว่าในวันนี้มันดูจริงจังกว่าวันนั้นมาก ผมเห็นเธอขยับริมฝีปากช้าๆ...ผมฉีกยิ้ม...ผมช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีอะไรอย่างนี้ ผมวาดฝันถึงความงดงามในชีวิตแต่งงาน และบัดนี้ ต่อจากนี้ ผมจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ผมรัก...คนที่ผมเฝ้าติดตามมาตลอด
ฉันตกใจ มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด เขายังคงมั่นคงและดีต่อฉันไม่ต่างจากวันแรกที่คบกัน...ฉันนั่งนิ่งประหนึ่งวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ฉันหลบตาลงต่ำและตอบตกลงอย่างแผ่วเบา...ฉัน...รู้สึกสงสารเขา เขาเป็นคนดี ฉันรู้ดี...ความพยายามและความรักของเขาที่มีต่อฉันมันมากมายเกินกว่าที่ฉันจะปฏิเสธได้
ช่วงปีแรกของการแต่งงานดูเหมือนจะเป็นไปตามความฝันของผม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม เธอยังคงเป็นผู้หญิงเก่ง ยิ้มง่าย เช่นเคย และยังเป็นแม่บ้านที่ดีอีกด้วย แต่คำว่ารักที่ผมไม่เคยได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบจากปากของเธอ เป็นสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจผมเรื่อยมา...หลังจากนั้น เธอเริ่มเงียบลงเรื่อยๆ รอยยิ้มที่ผมประทับใจ ดวงตาสดใสของเธอ ไม่เป็นดังเก่า ผมเริ่มเห็นมันน้อยลงๆ
ชีวิตแต่งงานของฉันกับเขาเป็นไปอย่างราบรื่น เขายังคงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและปกป้องฉันได้ทุกเมื่อ เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะมีความสุขในชีวิตแต่งงานได้มากขนาดนี้ แต่ลึกๆ ในใจของฉันยังคงรู้สึกขัดแย้งและสับสน ทุกครั้งที่เขาสบสายตาและกอดฉัน มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเขาและต่อตัวเอง ฉันเริ่มพูดน้อยลงเนื่องจากความรู้สึกผิดและความชินชา
ผมเบื่อกับการถามคำตอบคำของเธอ มันทำให้ผมอึดอัด และในคืนนั้น ผมด่าทอเธออย่างรุนแรง...เธอร้องไห้...ผมเดินกระทืบเท้าออกจากบ้านทันที ผมเดินเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย มโนภาพถึงวันที่ขอเธอแต่งงาน...ความผิดของผมเอง...ทั้งๆ ที่ผมสังเกตเห็นความกังวลของเธอในตอนนั้น แต่ผมก็เห็นแก่ตัวเกินไป...เกินกว่าที่จะยอมรับเรื่องนั้นได้ ผมคิดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่สนใจจิตใจของเธอ...คนที่ผมรักมากที่สุด
เขาโมโหอย่างรุนแรงจากเรื่องที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอะไร เขาตะโกนใส่หน้าฉันว่าเขารู้ว่าฉันไม่ได้รักเขาแม้แต่น้อย พร้อมทั้งหุนหันเดินออกจากบ้านไป ฉันร้องไห้และสับสน...มันเกิดอะไรขึ้น...คำพูดของเขาทำให้ฉันได้คิดอะไรบางอย่าง และเมื่อเขากลับมา เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ฉันคงต้องคุยกับเขาซะที...
ความเย็นของอากาศยามค่ำคืนทำให้ผมใจเย็นขึ้นและได้คิด...ผมควรจะกลับไปปรับความเข้าใจกับเธอ และหากเธอต้องการไป...ผมจะไม่เหนี่ยวรั้ง...เธอ...คนที่ผมรักที่สุด คนที่ผมพร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอได้ ผมยินดีจะกลายเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตนอีกครั้งสำหรับเธอ...
ฉันนั่งคอยเขากลับมา จากความสับสนกลายเป็นความกังวล เขาออกจากบ้านไปนานเกินไปแล้วในเวลากลางคืนเช่นนี้ จากความคิดที่จะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างกลายเป็นความห่วง ฉันเฝ้ามองไปที่ช่องหน้าต่างอยู่เป็นระยะๆ อย่างไม่เป็นสุข
ถึงแม้จะเตรียมใจแล้ว ผมก็ยังคงเดินกลับบ้านด้วยความคิดสับสน หากพรุ่งนี้ไม่มีเธอในชีวิตอีกต่อไป ผมจะทำอย่างไร...แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ากระทบดวงตาของผม...ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวหมุนคว้าง...ตัวผมลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ...ภาพเก่าๆ ในความทรงจำพรั่งพรูออกมาจากสมองและส่วนลึกในจิตใจ...น้ำตาผมไหล...ความตายช่างน่ากลัวเหลือเกิน...ผมไม่เหลือเวลาอีกแล้ว...เวลาที่แม้แต่จะปรับความเข้าใจหรือแม้แต่จะบอกรักเธอ...ครั้งสุดท้าย...
ฉันตกใจจนแทบสิ้นสติในทันทีที่ได้รับข่าวร้าย เขา...จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ฉันใจหาย นั่งนิ่งราวกับหุ่นที่ไม่มีชีวิต ความรู้สึกหนึ่งเอ่อล้นอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกที่ฉันเฝ้าสับสนมาตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเขา หากฉันได้รับรู้มันเร็วกว่านี้ ทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันและเขาคงจะเป็นอีกคู่หนึ่งที่มีความสุขที่สุดในโลก น้ำตาฉันไหล ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ดวงตาอ่อนโยน รอยยิ้ม อ้อมกอด และคนที่จะฟังคำพูดที่เขาอยากฟังจนวันสุดท้ายของชีวิต...ไม่มีอีกต่อไป...
เธอ...เขา...ผู้ซึ่งแท้จริงแล้วมีความรักต่อกันอย่างสุดซึ้ง คนหนึ่งเริ่มต้นด้วยความรักและจบลงด้วยความตาย อีกคนหนึ่งเริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนและจบลงด้วยความรัก วันเวลาของพวกเขาเสมือนฟันเฟืองที่ขบกันไม่สนิท ความรู้สึกของคนทั้งสองจึงไม่อาจสื่อผ่านถึงกันได้ วันแล้ววันเล่าสายตาที่ว่างเปล่าของเธอคอยมองผ่านหน้าต่างไปยังประตูรั้ว เพียงเพราะหวังว่าสักวันเขาจะกลับมา...คืนแล้วคืนเล่าเธอหลับไปพร้อมกับรอยน้ำตาและเฝ้าฝันว่าจะได้ไปพบเขาในที่ใดที่หนึ่ง...และ...บอกกับเขา...เธอรักเขามาก...มากกว่าที่เขาหรือแม้แต่เธอจะรู้สึกได้
ในทุกวัน...เธอนั่งกอดตัวเอง และกระซิบแผ่วเบาซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย...ฉันรักเธอ...และในทุกคืน...วิญญาณของเขายังคงโอบกอดและบอกรักเธอ เพียงแต่...บัดนี้...ทั้งคู่ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันได้...อีกต่อไป
เธอ...เขา... (Original 20-10-2007)
ผม...รู้จักเธอเมื่อแปดปีก่อน หรือถ้าจะให้ถูกต้องกว่านี้ ก็ต้องบอกว่า ผมรู้จักเธอฝ่ายเดียวเมื่อนานมาแล้วมากกว่า ตั้งแต่ทั้งผมและเธอยังเป็นนักเรียนมัธยม เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะป๊อปปูล่าคนหนึ่ง ทุกที่ที่เธอไปมักจะถูกรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงทั้งชายและหญิงตลอดเวลา เธอเป็นคนเก่ง คุยสนุก ร่าเริง คงไม่โอเว่อร์จนเกินไปถ้าผมจะบอกว่าผมตกหลุมรักเธอทันทีที่ได้พบเธอ แต่ถ้าจะให้เทียบกันระหว่างผมกับเธอ คำว่า ดอกฟ้ากับหมาวัด ก็คงจะดูไม่เกินเลยไป ซึ่งเรื่องนี้ผมรู้ตัวดีอยู่เสมอ ดังนั้น สิ่งที่ผมจะทำได้ก็คือแอบมองดูเธออยู่ห่างๆ และปล่อยตัวเองให้เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนสำหรับเธอ
ฉัน...รู้จักเขาจริงๆ เมื่อห้าปีที่แล้ว จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้ หากฉันไม่บังเอิญหันไปเห็นเขาในบางครั้ง ฉันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในชั้นเรียนมีเขาอยู่ด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยเข้ากลุ่มกับใคร ทำให้เพื่อนๆ ในชั้นเรียนไม่ค่อยพูดคุยหรือสนิทสนมกับเขา ซึ่งนั่นก็รวมถึงฉันด้วย
วันสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่ที่สถานศึกษาแห่งนี้ ผมซึ่งไม่รู้ว่าจะได้พบกับเธออีกหรือไม่ เมื่อไหร่ ตัดสินใจรวบรวมความกล้าที่มีอยู่อันน้อยนิดเดินเข้าไปทักทายเธอ ผมเห็นเธอทำหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและพูดคุยกับผม วันนั้นผมดีใจมากเพราะอย่างน้อย เธอก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผมแล้ว...
วันนั้นฉันยังจำได้ดี เขาเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีตลกๆ ชนโน่นชนนี่มาตลอดทาง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันและกล่าวทักทาย ตอนนั้นฉันแอบหัวเราะอยู่ในใจ และคิดว่า เขาช่างเป็นคนที่ดูตลก และคำพูดที่ใช้ก็ยังเชยมากๆ อีกด้วย แต่หลังจากที่ได้คุยกับเขาแล้ว ฉันคิดว่า เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะคุยสนุกทีเดียว และฉันยังรู้สึกถึงความนอบน้อมและอบอุ่นในคำพูดของเขาด้วย
ผมเริ่มสนิทกับเธอมากขึ้น และพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนมตอนเข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งใหม่ที่ผมได้เรียนสถาบันแห่งเดียวและคณะเดียวกับเธอ ความจริงแล้ว ผมต้องใช้ความพยายามอย่างสูงทีเดียวที่จะทำให้ตัวเองได้เข้ามาเรียนยังสถาบันแห่งนี้ และก็คณะนี้ เพียงเพราะแค่ผมต้องการได้เห็นเธออยู่ในสายตาเหมือนที่ผ่านๆ มาผมดีใจมากเมื่อเธอเข้ามาทักผมก่อนในวันแรกของการศึกษา...เธอยังจำผมได้
สถานศึกษาใหม่ที่ทุกคนยังคงไม่คุ้นเคยกัน ฉันพบว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งในคณะที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ และนั่นเป็นครั้งที่สองที่ฉันได้พูดคุยกับเขา ฉันเห็นเขาทำท่าอายๆ เมื่อฉันเข้าไปทักเขา เมื่อฉันเห็นท่าทางตลกๆ ของเขาแล้วมันทำให้ฉันผ่อนคลายและยิ้มออกมาได้ง่ายๆ โดยที่ตัวฉันเองไม่รู้ตัว
เมื่อวันเวลาผ่านไป ผมกับเธอไปเที่ยวกันบ่อยมากขึ้น คุยเรื่องส่วนตัวกันได้โดยที่ไม่ต้องปิดบัง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ผมชอบมองดวงตาและใบหน้าของเธอ มันช่างสดใสเหลือเกิน และผมก็ไม่อยากจะสูญเสียวันเวลาเหล่านี้ไปให้กับคนอื่น ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเป็นครั้งที่สองเพื่อที่จะขอคบกับเธอในฐานะที่มากกว่าเพื่อน ผมเห็นเธอตกใจนิดหน่อย ใจหนึ่งผมอยากจะวิ่งหนี แต่อีกใจก็อยากฟังคำตอบจากปากเธอ และวันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุขเหลือเกิน
วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ฉันและเขาสนิทกันมากขึ้น ฉันรู้สึกสนุกและมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเขา อาจเป็นเพราะฉันรู้จักกับเขามาก่อนทำให้เราเข้ากันได้ง่ายขึ้น เขาเป็นเพื่อนและพี่ชายที่ดีของฉัน เขาขอฉันเป็นแฟนในระหว่างที่เรากำลังไปเที่ยวกัน ฉันมองเห็นหน้าและแววตาสลดของเขาก่อนที่ฉันจะตอบตกลง ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ยังเด็กกันมาก เมื่อวันเวลาผ่านไปทั้งเขาและฉันก็คงจะพบกับคนที่ใช่กว่านี้ และแต่ละคนจะต้องมีทางเดินเป็นของตัวเองในที่สุด
ผมรู้ดีถึงความแตกต่างของผมและเธอ ดังนั้น ผมจึงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เธอมีความสุขที่สุดในเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ผมพยายามพัฒนาตัวเองในหลายๆ เรื่อง ทั้งการเรียน และกีฬา เพื่อให้เธอรู้สึกไม่อายใครเวลาเดินอยู่กับผม ผมต้องพยายามกว่านี้...
หลังจากเราคบกันในฐานะแฟน ฉันรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากมายเพื่อฉัน ในใจลึกๆ ส่วนหนึ่งฉันรู้สึกดีใจ เพราะไม่เคยมีใครทำให้ฉันได้ขนาดเขา แต่อีกใจฉันรู้สึกสงสารเขาและนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อเขามากขึ้น...ฉัน...
หลังจากผมและเธอจบการศึกษาแล้ว เรายังคงติดต่อกันอยู่เช่นเดิม ผมซึ่งได้หน้าที่การงานซึ่งค่อนข้างมั่นคงและมั่นใจว่าด้วยความพร้อมตอนนี้ผมคงไม่ทำให้เธอลำบากแน่ ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ทุกคำพูดที่ผ่านออกมาจากลำคอดูเหมือนว่าช่างยากเย็นเหลือเกิน ยากเย็นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา...ผม...ขอเธอแต่งงาน
หลังจากจบการศึกษาสักระยะหนึ่งแล้ว ฉันเดินทางไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำตามนัดของเขา เมื่อไปถึงฉันเห็นเขานั่งรออยู่แล้ว และเมื่อฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ฉันเห็นเขาทำท่าตกใจเล็กน้อย เขาดูพูดจาติดขัดและเงอะงะ ดูแล้วไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันแอบอมยิ้มในใจ...เขา...หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และ...ขอฉันแต่งงาน
เธอตกใจ หยุดนิ่ง หน้าตาเคร่งขรึม เธอมองตาผมด้วยสายตาครุ่นคิด ผมสังเกตเห็นความกังวลในแววตาของเธอแวบหนึ่ง ผมเฝ้าคอยคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ มันช่างเหมือนกับวันที่ผมขอคบเธอเป็นแฟนเหลือเกิน เพียงแต่ว่าในวันนี้มันดูจริงจังกว่าวันนั้นมาก ผมเห็นเธอขยับริมฝีปากช้าๆ...ผมฉีกยิ้ม...ผมช่างเป็นผู้ชายที่โชคดีอะไรอย่างนี้ ผมวาดฝันถึงความงดงามในชีวิตแต่งงาน และบัดนี้ ต่อจากนี้ ผมจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ผมรัก...คนที่ผมเฝ้าติดตามมาตลอด
ฉันตกใจ มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด เขายังคงมั่นคงและดีต่อฉันไม่ต่างจากวันแรกที่คบกัน...ฉันนั่งนิ่งประหนึ่งวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ฉันหลบตาลงต่ำและตอบตกลงอย่างแผ่วเบา...ฉัน...รู้สึกสงสารเขา เขาเป็นคนดี ฉันรู้ดี...ความพยายามและความรักของเขาที่มีต่อฉันมันมากมายเกินกว่าที่ฉันจะปฏิเสธได้
ช่วงปีแรกของการแต่งงานดูเหมือนจะเป็นไปตามความฝันของผม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม เธอยังคงเป็นผู้หญิงเก่ง ยิ้มง่าย เช่นเคย และยังเป็นแม่บ้านที่ดีอีกด้วย แต่คำว่ารักที่ผมไม่เคยได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบจากปากของเธอ เป็นสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจผมเรื่อยมา...หลังจากนั้น เธอเริ่มเงียบลงเรื่อยๆ รอยยิ้มที่ผมประทับใจ ดวงตาสดใสของเธอ ไม่เป็นดังเก่า ผมเริ่มเห็นมันน้อยลงๆ
ชีวิตแต่งงานของฉันกับเขาเป็นไปอย่างราบรื่น เขายังคงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและปกป้องฉันได้ทุกเมื่อ เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะมีความสุขในชีวิตแต่งงานได้มากขนาดนี้ แต่ลึกๆ ในใจของฉันยังคงรู้สึกขัดแย้งและสับสน ทุกครั้งที่เขาสบสายตาและกอดฉัน มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อเขาและต่อตัวเอง ฉันเริ่มพูดน้อยลงเนื่องจากความรู้สึกผิดและความชินชา
ผมเบื่อกับการถามคำตอบคำของเธอ มันทำให้ผมอึดอัด และในคืนนั้น ผมด่าทอเธออย่างรุนแรง...เธอร้องไห้...ผมเดินกระทืบเท้าออกจากบ้านทันที ผมเดินเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย มโนภาพถึงวันที่ขอเธอแต่งงาน...ความผิดของผมเอง...ทั้งๆ ที่ผมสังเกตเห็นความกังวลของเธอในตอนนั้น แต่ผมก็เห็นแก่ตัวเกินไป...เกินกว่าที่จะยอมรับเรื่องนั้นได้ ผมคิดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่สนใจจิตใจของเธอ...คนที่ผมรักมากที่สุด
เขาโมโหอย่างรุนแรงจากเรื่องที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอะไร เขาตะโกนใส่หน้าฉันว่าเขารู้ว่าฉันไม่ได้รักเขาแม้แต่น้อย พร้อมทั้งหุนหันเดินออกจากบ้านไป ฉันร้องไห้และสับสน...มันเกิดอะไรขึ้น...คำพูดของเขาทำให้ฉันได้คิดอะไรบางอย่าง และเมื่อเขากลับมา เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ฉันคงต้องคุยกับเขาซะที...
ความเย็นของอากาศยามค่ำคืนทำให้ผมใจเย็นขึ้นและได้คิด...ผมควรจะกลับไปปรับความเข้าใจกับเธอ และหากเธอต้องการไป...ผมจะไม่เหนี่ยวรั้ง...เธอ...คนที่ผมรักที่สุด คนที่ผมพร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอได้ ผมยินดีจะกลายเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตนอีกครั้งสำหรับเธอ...
ฉันนั่งคอยเขากลับมา จากความสับสนกลายเป็นความกังวล เขาออกจากบ้านไปนานเกินไปแล้วในเวลากลางคืนเช่นนี้ จากความคิดที่จะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างกลายเป็นความห่วง ฉันเฝ้ามองไปที่ช่องหน้าต่างอยู่เป็นระยะๆ อย่างไม่เป็นสุข
ถึงแม้จะเตรียมใจแล้ว ผมก็ยังคงเดินกลับบ้านด้วยความคิดสับสน หากพรุ่งนี้ไม่มีเธอในชีวิตอีกต่อไป ผมจะทำอย่างไร...แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ากระทบดวงตาของผม...ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวหมุนคว้าง...ตัวผมลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ...ภาพเก่าๆ ในความทรงจำพรั่งพรูออกมาจากสมองและส่วนลึกในจิตใจ...น้ำตาผมไหล...ความตายช่างน่ากลัวเหลือเกิน...ผมไม่เหลือเวลาอีกแล้ว...เวลาที่แม้แต่จะปรับความเข้าใจหรือแม้แต่จะบอกรักเธอ...ครั้งสุดท้าย...
ฉันตกใจจนแทบสิ้นสติในทันทีที่ได้รับข่าวร้าย เขา...จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ฉันใจหาย นั่งนิ่งราวกับหุ่นที่ไม่มีชีวิต ความรู้สึกหนึ่งเอ่อล้นอยู่ในหัวใจ ความรู้สึกที่ฉันเฝ้าสับสนมาตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเขา หากฉันได้รับรู้มันเร็วกว่านี้ ทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น ฉันและเขาคงจะเป็นอีกคู่หนึ่งที่มีความสุขที่สุดในโลก น้ำตาฉันไหล ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ดวงตาอ่อนโยน รอยยิ้ม อ้อมกอด และคนที่จะฟังคำพูดที่เขาอยากฟังจนวันสุดท้ายของชีวิต...ไม่มีอีกต่อไป...
เธอ...เขา...ผู้ซึ่งแท้จริงแล้วมีความรักต่อกันอย่างสุดซึ้ง คนหนึ่งเริ่มต้นด้วยความรักและจบลงด้วยความตาย อีกคนหนึ่งเริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนและจบลงด้วยความรัก วันเวลาของพวกเขาเสมือนฟันเฟืองที่ขบกันไม่สนิท ความรู้สึกของคนทั้งสองจึงไม่อาจสื่อผ่านถึงกันได้ วันแล้ววันเล่าสายตาที่ว่างเปล่าของเธอคอยมองผ่านหน้าต่างไปยังประตูรั้ว เพียงเพราะหวังว่าสักวันเขาจะกลับมา...คืนแล้วคืนเล่าเธอหลับไปพร้อมกับรอยน้ำตาและเฝ้าฝันว่าจะได้ไปพบเขาในที่ใดที่หนึ่ง...และ...บอกกับเขา...เธอรักเขามาก...มากกว่าที่เขาหรือแม้แต่เธอจะรู้สึกได้
ในทุกวัน...เธอนั่งกอดตัวเอง และกระซิบแผ่วเบาซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย...ฉันรักเธอ...และในทุกคืน...วิญญาณของเขายังคงโอบกอดและบอกรักเธอ เพียงแต่...บัดนี้...ทั้งคู่ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันได้...อีกต่อไป