สวัสดีจ้า เรา Go B Me วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวอู่ฮั่น (武汉) แบบที่เรียกว่าไม่มีแผน แต่จริงๆก็คือผิดแผน
เกริ่นก่อนว่า ทริปนี้มาเรา Go B Me มาแบบแพ็คคู่พี่น้อง คนพี่เคยมาอู่ฮั่นแล้ว แต่ชวนมาอู่ฮั่นเพราะอยากจะไปอู่ตั้งซาน (武当山) หรือคนไทยเรียกว่าบู๊ตึ้ง นั่นเอง
แผนขอเราก็คือบินมาลงอู่ฮั่น (武汉) แล้วจะขึ้นรถไฟหวานเย็นตู้นอนไปเที่ยวเขาบู๊ตึ้งในตอนเช้านั่นเอง แล้วก็ตีรถกลับในเย็นวันที่สอง
ก็จะใช้เวลาไปราวๆ 3 วัน 2 คืน เมื่อแพลนแล้วเราก็ได้ทำการจองผ่านรถไฟตู้นอนผ่าน Trip.com ล่วงหน้ามาเป็นเดือนได้
และเมื่อทริปของเรามาถึงเราก็พร้อมที่จะลุยยยย
**คำเตือน ทริปนี้เราขอเป็นการตัดช็อต กระทู้นี้จะไม่ได้เริ่มจากการบินมาจากไทยแต่อย่างใด ดังนั้นข้อมูลการเดินทางจากสนามบินต่างๆ จะไม่พบในกระทู้นี้ แต่ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติม มาพูดคุยทักทายเราได้ที่เพจเนอะ
Facebook :
https://www.facebook.com/gobemeee/
Instagram :
https://instagram.com/go_bme
และขอฝากกระทู้เก่าของเราด้านล่างเลยจ้า
[CR] Wusong Island : Rime ของฉันและวันอันหนาวเหน็บ
https://ppantip.com/topic/38499589
1 Dec 2018 Day 1
ยามเย็นของวันแรกหลังจากที่เราเช็คอินโรงแรม (ทริปนี้เราจองโรงแรมคืนแรกทิ้งไว้ เพื่อจะได้พักผ่อนตอนช่วงบ่ายของวันแรก )
นอนเล่นไร้สาระไปหลายชม. ก็ถึงเวลาประมาณบ่าย 6 โมงเย็น เราก็เดินทางไปที่สถานีรถไฟอู่ฮั่นชานเพื่อออกตั๋วก่อนแล้วจะไปหาอะไรกิน ไปเดินเล่น รถไฟของเรารอบเวลา 23.50 ซึ่งจะไปถึงอู่ตั้งซาน (武当山) ตี 05.52 ของวันที่ 2 Dec 2018 เราก็นั่งรถไฟฟ้าหรือMetro (地铁)จากแถวโรงแรมของเราที่อยู่คือถนนเจียงฮัน (江汉路)ใจกลางมหานครอู่ฮั่นเลย (สะดวกมากๆ เดี๋ยวเรามาบอกนะว่าพักโรงแรมอะไร) ไปที่สถานีรถไฟอู่ฮั่นอู่ฉาง (武汉武昌火车站) ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 23 นาทีก็ถึงละ
**ปล. การเดินทางด้วย Metro หรือที่คนจีนเรียกว่า ตี้เที่ย (地铁) แนะนำอย่าใช้ Google การหาสถานีเริ่มต้นและปลายทาง ที่อู่ฮั่นส่วนตัวเราคิดว่ามันพินาศมาก หาความแม่นยำไม่ได้ เราเลยขอเสนออะไรที่มันแม่นยำกว่าละกัน
1)แอพ Wuhan Metro อันนี้ใส่สถานีเริ่มต้น และ สถานีปลายทาง สามารถระบุเวลาได้ด้วย แต่ถ้าไม่ระบุเวลามันจะอ้างอิงเวลาตามปัจจุบัน สามารถพิมพ์ได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน ผลที่ได้ มันจะแสดงตามนี้
1.1 ใช้ระยะเวลาเดินทางเท่าไหร
1.2 ราคาค่าโดยสาร กี่หยวน (元) แสดงเป็น ¥
1.3 จำนวนการเปลี่ยนขบวน ว่ากี่ครั้ง
1.4 ระยะทางเท่าไหร่
2)แอพ Baidu Map (百度地图)อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ อารมณ์กูเกิ้ล แต่เป็นของพี่จีน แม่นยำ 100% แต่ต้องใส่ภาษาจีน
ซึ่งถ้าไม่รู้ภาษาจีนก็สามารถใช้แอพแปลภาษา แล้วก็อปวาง ก็สามารถทำได้
พอออกมาจากสถานี Metro เราก็เดินตามป้ายเลย
ก็จะมาเจอกับอาคารใหญ่โต บ่งบอกความเป็นสถานีรถไฟประจำเมือง
เราก็เตรียมเอกสารเพื่อจะแลกตั๋วรถไฟและเปิดมือถือของเราขึ้นมา เพื่อจะเปิดหลักฐานการจอง
พอเปิดมาก็พบว่า........มันยกเลิก!!!!!
เอ้ย ทำไมเป็นอย่างนั้น เราก็พยายามตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนปรากฏว่ามันยกเลิกจริงๆ และในแอพที่เราจองมันมีให้กดแค่คืนเงินเต็มจำนวน!!! เป็นความเหวอระดับ 10 จริงๆ มันน่าจะยกเลิกคืนก่อนที่เดินทางตอนเราอยู่บนเครื่อง ไม่มีเน็ตแหละ ทีนี้ทำยังไง เพราะเรามีแผนหลักๆ 3 วัน 2 คืนที่อู่ตั้งซาน (武当山) เราเลยพยายามไปซื้อตั๋วจริง ที่หน้าเคาเตอร์เลย พนักงานพูดว่า “เม๋ยโย่วววว” (没有) แปลว่าไม่มี!!! เอ้ยทำไงดี พนักงานบอกมีแต่ตอนเช้านะ คืนนี้ยังไงก็ไม่มีรถ เสียใจด้วย อ่า.....เราก็เลยแบบเอาเส้นทางอื่นก็ได้ว้า แต่ก็พยายามจะไปในคืนนั้นให้ได้ แต่สรตะแล้ว ต้องนั่งรถไฟไปลง เมืองใกล้ๆสักเมือง แล้วต่อรถกลางดึก เราก็เลยคอตกแล้วแบบ ยอมก็ได้
เนื่องจากเราไม่สามารถเดินทางทิ้งทั้งวันในวันถัดไปได้ โปรแกรมเมืองอื่นๆของเราจะเป็นชะโงกทัวร์ทันที
ดังนั้นต่อไปนี้จะเป็นทริปไร้แผนที่แท้ทรู.....
เราก็เลยเริ่มจากนั่ง Metro กลับไปแถวที่พักแล้วจะหาอะไรกิน ป่ะ!...ตามเรามาๆ
นั่ง Metro กลับมาที่สถานี ถนนเจียงฮัน (江汉路) แล้วก็กลับมาที่โรงแรมของเรา
โรงแรมของเราในทริปนี้คือ Dorsett Wuhan (武汉帝盛酒店) ซึ่งโลเคชั่นถือว่าดีงามมากๆ พอกลับมาเก็บของที่โรงแรม เราก็เริ่มจากการหาอะไรกิน เพราะเป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าแล้ว Go B Me คนพี่อยากกินชาบู ใช่…..มาจีนต้องพาคนน้องไปให้ถึงชาบูจีน เราเลยเดินไปถามพนักงานโรงแรมที่ล็อบบี้ โรงแรมนี้ทุกกะจะมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีอยู่ คือไม่ต้องกลัวอดตายนะ แต่ถ้าอยากใช้ภาษาจีนก็จัดไปเลย หม้อไฟ ภาษาจีนกล่าวว่า ฮั่วกัว (火锅) แล้วถ้าจะถามว่าอร่อยสุดก็ เฟยฉางเฮ่าชือ (非常好吃) พนักงานในเย็นวันนี้เป็นคนที่เราตามหาแน่นอน พอถามปุ๊บจริงจังกับการบอกร้านมาก โชคแห่งอาหารเข้าข้างเราแล้ว ก็ได้ลายแทงมา ชื่อร้าน ซู่ต้าเสี๋ยฮั่วกัว (蜀大侠火锅) และที่สำคัญอยุ่แถว โรงแรมเลย อันที่จริงระหว่างทางมาโรงแรม เราเล็งชาบูหม้อไฟจนตาจะแตก อู่ฮั่น (武汉) นี่มีหม้อไฟเยอะมาก เยอะจนเลือกไม่ถูก แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ใช่ทุกร้านที่อร่อยแน่นอน
ว่าแล้วเราก็เดินไปหาหม้อไฟที่พนักงานโรงแรมแนะนำกัน
ออกมาจากโรงแรมแล้วเดินย้อนไปทางขวา ไม่ถึง 3 นาทีเลยมั้ง ถึงแล้วใกล้มากเว่อร์
ถึงร้านแล้ว หน้าร้านสะดุดมาก เพราะเขาทำซะดูหรูหราอลังการ
จะมีเคาเตอร์รับแขกรับเมนูอยู่ด้านนอกเลย เค้าจะมีเก้าอี้เล็กให้นั่งรอด้านนอก
เนื่องจากด้านในเต็มแล้วจะให้แขกที่มารอคิวนั่งติ๊กเมนูอาหารก่อน เราก็เดินไปบอกเขาว่า เรามาสองคน “เหลี่ยงเว่ย”(两位) คุยกับพนักงานไม่เท่าไร เขาก็ให้เมนูเรามาพร้อมดินสอจ้า เพราะเราจะพูดสิ่งที่เราจะพูดพอเนอะ แต่เดี๋ยวก่อน!!! เมนูที่ให้มาติ๊ก “มายก็อชชช!”จิตใจทำด้วยอะไรใยมีแต่ภาษาจีนทั้งใบ ส่วนรูปที่ให้มานั้นไม่ได้บอกตูเลยว่า รูปนี้ของเมนูไหน 555 ด้วยภาษาจีนเวลอนุบาลอย่างเรา ก็นั่งงมอ่านเลือกเหมือนเข้าใจ (เลือกไปแบบลนลาน น้องอย่าเพิ่งมาเก็บใบพี่นะ พี่ยังเลือกไม่เสร็จ T-T) เอ้อ ลืมบอกชาบูที่จีนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์นะ ราคาตามเลือกเลย เห็นร้านหรูอย่างนี้อย่าเพิ่งกลัวว่า ต้องแพงแน่เลย จะอิ่มไหม (ไม่เป็นเช่นนั้นเด้อ มันมีราคากำกับอยู่ ให้มาทีกินอิ่มแน่นอน)
เราก็เลือกๆเป็นสเต็ปไล่ๆจากซ้ายไปขวา
เลือกประเภทน้ำซุป> เลือกระดับความเผ็ด > เลือกเนื้อ (มีหมดนะหมูเห็ดเป็ดไก่) > เลือกผัก (ผักรวมก็มีจ้า)
เราสองคนเลือกแบบนี้ (ดูรูปตามนะ) ถ้าจะเอาแบบเราก็ตามนี้
1. หมายเลข 106 แบบ “หม้อยวนยาง” (鸳鸯) หรือหยินหยางนั่นเอง คือแบบมีสองซุป หมาล่ากับซุปเห็ด
2. เลือกว่าจะเอาแบบไหนอยู่ในอยู่นอก (ข้างในจะน้อยกว่าแต่ลึก) ถ้าเอาแดงอยู่นอกแบบเราให้เลือก 外红 (แดงนอก)内白 (ขาวอยู่ข้างใน )
3. ระดับความเผ็ด 》เผ็ดน้อย = เว่ยล่า(微辣), เผ็ดกลาง = จงล่า(中辣), เผ็ดมาก = เท้อล่า(特辣) เราเลือกจงล่าไป(中辣),
หลังจากนั้นพวกเนื้อและผักด้านขวามือก็แล้วแต่บุญแต่กรรม 555 เดี๋ยวเรื่องของเรามันจะยาวไป
**คำเตือน พวกเมนูติดดาว บางอันที่มันแพงๆ แต่มันก็ไม่ได้เริ่ดหรูอย่างที่คิด ถึงชื่อมันจะดูเว่อร์แบบหมูสายรุ้งจากสวรรค์ไรเงี้ย แต่จริงๆเลือกเมนูทั่วๆไปไม่แพงก็อร่อยได้ เลือกเสร็จก็ส่งเมนูให้น้องเค้า แล้วเราก็นั่งรอเรียกคิว
ถึงคิวแล้วเย้ๆ จะมีคนพาเราเข้าไปด้านใน ร้านจะเป็นแบบสองชั้น ทำร้านแบบโรงเตี้ยมย้อนยุคหรูหรา มีโคมไฟเป็นระยะๆ (ที่ย่านนี้ร้านชาบูจะเวอร์แบบนี้ทุกร้านเลย สวยไว้ก่อนเรียกแขก) บรรยากาศรอบๆร้านๆ
พนักงานจะเอาผ้ากันเปื้อนมาให้ใส่ ถามเราว่าเอาน้ำอะไร เราก็กินน้ำเปล่าค่ะ ( แต่เหมือนโต้ะอื่นเค้าไม่กินน้ำกัน คนจีนเขาเหมือนไม่ชอบกินน้ำเย็นอ่า เกี่ยวมั้ย ไม่รู้เนอะ) เห็นโต้ะไม้ๆแบบนี้ตรงกลางโต้ะจะมีลิ้นชักใส่ทิชชู่อยู่นะ อย่าไปถามหาละ หยิบเองเลย
น้องพนักงานจะเอาหม้อซุปมาวางให้จ้า หม้อทำสวยมากเป็นหัวมังกรมาเลย
อาหารที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟ ในรูปเราสั่งเนื้อวัวแบบเบคอน ผักรวม ผักที่จีนอร่อยเนื้อดีมาก โดยเฉพาะผักกาดขาวอร่อยมากๆ ผักจะหวานกรอบ แตกต่างกะที่ไทยเลย เราเลยสั่งเดี่ยวๆมากินเพิ่มไปอีก
ส่วนเมนูพิเศษติดดาว เราเห็นสั่งกันทุกโต้ะและเราก็แอบสั่งมาเหมือนกัน คือเนื้อวัวแบบ...
มันมาแบบน่ารักมากพันตัวน้องบาร์บี้เป็นกระโปรงมาเลย เอาดิ พี่เค้าคิดได้งาย (เมนูนี้ต้องรอ 30 กว่านาที สงสัยไปตามหาน้องบาร์บี้อยู่)
เนื้อแกะหรือหยางโร่ว (羊肉)ก็มีนะ เราว่ามันดีเลยแหละ
น้ำจิ้มก็มีอยู่บนโต้ะสามารถผสมเองได้เลย มันจะเป็นแบบน้ำมันหอยใสๆรสไม่แรง ใส่กระเทียมสับกับผักชีลงไปและผสมน้ำเปล่าให้จางหน่อยๆ ตอนนี้เราก็ติดว่ามันไม่น่าจะเข้ากันกับชาบูเลย แต่อร่อยเฉยเลย
สรุปมื้อนี้ว่า Go B Me คนน้องก็ให้ข้อสรุปว่า
รสชาติ :9/10 เนื้อแกะดีไม่คาวเลย ผักสดมว้ากกก กรอบกรวบ น้ำซุปสุดยอดเข้มข้น ( โดยเฉพาะตรงน้ำเห็ด)เป็นลักษณะต้มกระดูกไก่ อันนี้อยากให้มาลองมากๆ มันดีจริงๆ ขอหัก 1 คะแนนตรงเราว่าเนื้อวัวมันไม่คาวแต่ก็ธรรมดาๆ
ค่าเสียหาย : ตกคนละ 6-700 บาท
**เพิ่มเติม สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิต Union pay ได้จ้า ไม่ต้องเซ็นใบ แค่กดรหัสบัตรเอา (เราใช้ของกสิกรก็รูดได้ปกติค่ะ)
ระหว่างเดินกลับโรงแรมจะมีซอยเล็กๆยาวตั้งฉากจากถนนโรงแรมเรา ซึ่งมันมีตลาดคนเดิน ขายพวกเสื้อผ้า รองเท้าต่างๆอยู่
เราก็แวะซะหน่อย เนื่องจากป้ายราคาดึงดูด ถูกใจคนน้องเหลือเกิน เดี๋ยวให้นางบรรยาย
โอเคค่ะ เสื้อหนาว เสื้อโค้ชสวยๆตกตัวละ 700 กว่าบาทเอง แฟชั่นมีทุกแบบเกาหลี ญี่ปุ่น จีน เลือกจนตาลายเลยค่ะ ที่สำคัญทนหนาวได้ดีจริงๆ วันนี้อุณหภูมิราวๆ 6 องศา เก็บภาพมาเบาๆ 2-3 รูปเอง เรามั่วแต่ซื้ออยู่อะ อิอิ
หลังจากซื้อเสร็จเราก็กลับโรงแรมนอนพัก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาว่ากันใหม่
[CR] Wuhan ( อู่ฮั่น ) ไร้แผน ใบไม้แดงและวันฝนพรำ ตอน1 มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น
สวัสดีจ้า เรา Go B Me วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวอู่ฮั่น (武汉) แบบที่เรียกว่าไม่มีแผน แต่จริงๆก็คือผิดแผน
เกริ่นก่อนว่า ทริปนี้มาเรา Go B Me มาแบบแพ็คคู่พี่น้อง คนพี่เคยมาอู่ฮั่นแล้ว แต่ชวนมาอู่ฮั่นเพราะอยากจะไปอู่ตั้งซาน (武当山) หรือคนไทยเรียกว่าบู๊ตึ้ง นั่นเอง
แผนขอเราก็คือบินมาลงอู่ฮั่น (武汉) แล้วจะขึ้นรถไฟหวานเย็นตู้นอนไปเที่ยวเขาบู๊ตึ้งในตอนเช้านั่นเอง แล้วก็ตีรถกลับในเย็นวันที่สอง
ก็จะใช้เวลาไปราวๆ 3 วัน 2 คืน เมื่อแพลนแล้วเราก็ได้ทำการจองผ่านรถไฟตู้นอนผ่าน Trip.com ล่วงหน้ามาเป็นเดือนได้
และเมื่อทริปของเรามาถึงเราก็พร้อมที่จะลุยยยย
**คำเตือน ทริปนี้เราขอเป็นการตัดช็อต กระทู้นี้จะไม่ได้เริ่มจากการบินมาจากไทยแต่อย่างใด ดังนั้นข้อมูลการเดินทางจากสนามบินต่างๆ จะไม่พบในกระทู้นี้ แต่ถ้าสนใจข้อมูลเพิ่มเติม มาพูดคุยทักทายเราได้ที่เพจเนอะ
Facebook : https://www.facebook.com/gobemeee/
Instagram : https://instagram.com/go_bme
และขอฝากกระทู้เก่าของเราด้านล่างเลยจ้า
[CR] Wusong Island : Rime ของฉันและวันอันหนาวเหน็บ
https://ppantip.com/topic/38499589
1 Dec 2018 Day 1
ยามเย็นของวันแรกหลังจากที่เราเช็คอินโรงแรม (ทริปนี้เราจองโรงแรมคืนแรกทิ้งไว้ เพื่อจะได้พักผ่อนตอนช่วงบ่ายของวันแรก )
นอนเล่นไร้สาระไปหลายชม. ก็ถึงเวลาประมาณบ่าย 6 โมงเย็น เราก็เดินทางไปที่สถานีรถไฟอู่ฮั่นชานเพื่อออกตั๋วก่อนแล้วจะไปหาอะไรกิน ไปเดินเล่น รถไฟของเรารอบเวลา 23.50 ซึ่งจะไปถึงอู่ตั้งซาน (武当山) ตี 05.52 ของวันที่ 2 Dec 2018 เราก็นั่งรถไฟฟ้าหรือMetro (地铁)จากแถวโรงแรมของเราที่อยู่คือถนนเจียงฮัน (江汉路)ใจกลางมหานครอู่ฮั่นเลย (สะดวกมากๆ เดี๋ยวเรามาบอกนะว่าพักโรงแรมอะไร) ไปที่สถานีรถไฟอู่ฮั่นอู่ฉาง (武汉武昌火车站) ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 23 นาทีก็ถึงละ
**ปล. การเดินทางด้วย Metro หรือที่คนจีนเรียกว่า ตี้เที่ย (地铁) แนะนำอย่าใช้ Google การหาสถานีเริ่มต้นและปลายทาง ที่อู่ฮั่นส่วนตัวเราคิดว่ามันพินาศมาก หาความแม่นยำไม่ได้ เราเลยขอเสนออะไรที่มันแม่นยำกว่าละกัน
1)แอพ Wuhan Metro อันนี้ใส่สถานีเริ่มต้น และ สถานีปลายทาง สามารถระบุเวลาได้ด้วย แต่ถ้าไม่ระบุเวลามันจะอ้างอิงเวลาตามปัจจุบัน สามารถพิมพ์ได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน ผลที่ได้ มันจะแสดงตามนี้
1.1 ใช้ระยะเวลาเดินทางเท่าไหร
1.2 ราคาค่าโดยสาร กี่หยวน (元) แสดงเป็น ¥
1.3 จำนวนการเปลี่ยนขบวน ว่ากี่ครั้ง
1.4 ระยะทางเท่าไหร่
2)แอพ Baidu Map (百度地图)อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ อารมณ์กูเกิ้ล แต่เป็นของพี่จีน แม่นยำ 100% แต่ต้องใส่ภาษาจีน
ซึ่งถ้าไม่รู้ภาษาจีนก็สามารถใช้แอพแปลภาษา แล้วก็อปวาง ก็สามารถทำได้
พอออกมาจากสถานี Metro เราก็เดินตามป้ายเลย
ก็จะมาเจอกับอาคารใหญ่โต บ่งบอกความเป็นสถานีรถไฟประจำเมือง
เราก็เตรียมเอกสารเพื่อจะแลกตั๋วรถไฟและเปิดมือถือของเราขึ้นมา เพื่อจะเปิดหลักฐานการจอง
พอเปิดมาก็พบว่า........มันยกเลิก!!!!!
เอ้ย ทำไมเป็นอย่างนั้น เราก็พยายามตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนปรากฏว่ามันยกเลิกจริงๆ และในแอพที่เราจองมันมีให้กดแค่คืนเงินเต็มจำนวน!!! เป็นความเหวอระดับ 10 จริงๆ มันน่าจะยกเลิกคืนก่อนที่เดินทางตอนเราอยู่บนเครื่อง ไม่มีเน็ตแหละ ทีนี้ทำยังไง เพราะเรามีแผนหลักๆ 3 วัน 2 คืนที่อู่ตั้งซาน (武当山) เราเลยพยายามไปซื้อตั๋วจริง ที่หน้าเคาเตอร์เลย พนักงานพูดว่า “เม๋ยโย่วววว” (没有) แปลว่าไม่มี!!! เอ้ยทำไงดี พนักงานบอกมีแต่ตอนเช้านะ คืนนี้ยังไงก็ไม่มีรถ เสียใจด้วย อ่า.....เราก็เลยแบบเอาเส้นทางอื่นก็ได้ว้า แต่ก็พยายามจะไปในคืนนั้นให้ได้ แต่สรตะแล้ว ต้องนั่งรถไฟไปลง เมืองใกล้ๆสักเมือง แล้วต่อรถกลางดึก เราก็เลยคอตกแล้วแบบ ยอมก็ได้
เนื่องจากเราไม่สามารถเดินทางทิ้งทั้งวันในวันถัดไปได้ โปรแกรมเมืองอื่นๆของเราจะเป็นชะโงกทัวร์ทันที
ดังนั้นต่อไปนี้จะเป็นทริปไร้แผนที่แท้ทรู.....
เราก็เลยเริ่มจากนั่ง Metro กลับไปแถวที่พักแล้วจะหาอะไรกิน ป่ะ!...ตามเรามาๆ
นั่ง Metro กลับมาที่สถานี ถนนเจียงฮัน (江汉路) แล้วก็กลับมาที่โรงแรมของเรา
โรงแรมของเราในทริปนี้คือ Dorsett Wuhan (武汉帝盛酒店) ซึ่งโลเคชั่นถือว่าดีงามมากๆ พอกลับมาเก็บของที่โรงแรม เราก็เริ่มจากการหาอะไรกิน เพราะเป็นเวลาประมาณทุ่มกว่าแล้ว Go B Me คนพี่อยากกินชาบู ใช่…..มาจีนต้องพาคนน้องไปให้ถึงชาบูจีน เราเลยเดินไปถามพนักงานโรงแรมที่ล็อบบี้ โรงแรมนี้ทุกกะจะมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีอยู่ คือไม่ต้องกลัวอดตายนะ แต่ถ้าอยากใช้ภาษาจีนก็จัดไปเลย หม้อไฟ ภาษาจีนกล่าวว่า ฮั่วกัว (火锅) แล้วถ้าจะถามว่าอร่อยสุดก็ เฟยฉางเฮ่าชือ (非常好吃) พนักงานในเย็นวันนี้เป็นคนที่เราตามหาแน่นอน พอถามปุ๊บจริงจังกับการบอกร้านมาก โชคแห่งอาหารเข้าข้างเราแล้ว ก็ได้ลายแทงมา ชื่อร้าน ซู่ต้าเสี๋ยฮั่วกัว (蜀大侠火锅) และที่สำคัญอยุ่แถว โรงแรมเลย อันที่จริงระหว่างทางมาโรงแรม เราเล็งชาบูหม้อไฟจนตาจะแตก อู่ฮั่น (武汉) นี่มีหม้อไฟเยอะมาก เยอะจนเลือกไม่ถูก แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ใช่ทุกร้านที่อร่อยแน่นอน
ว่าแล้วเราก็เดินไปหาหม้อไฟที่พนักงานโรงแรมแนะนำกัน
ออกมาจากโรงแรมแล้วเดินย้อนไปทางขวา ไม่ถึง 3 นาทีเลยมั้ง ถึงแล้วใกล้มากเว่อร์
ถึงร้านแล้ว หน้าร้านสะดุดมาก เพราะเขาทำซะดูหรูหราอลังการ
จะมีเคาเตอร์รับแขกรับเมนูอยู่ด้านนอกเลย เค้าจะมีเก้าอี้เล็กให้นั่งรอด้านนอก
เนื่องจากด้านในเต็มแล้วจะให้แขกที่มารอคิวนั่งติ๊กเมนูอาหารก่อน เราก็เดินไปบอกเขาว่า เรามาสองคน “เหลี่ยงเว่ย”(两位) คุยกับพนักงานไม่เท่าไร เขาก็ให้เมนูเรามาพร้อมดินสอจ้า เพราะเราจะพูดสิ่งที่เราจะพูดพอเนอะ แต่เดี๋ยวก่อน!!! เมนูที่ให้มาติ๊ก “มายก็อชชช!”จิตใจทำด้วยอะไรใยมีแต่ภาษาจีนทั้งใบ ส่วนรูปที่ให้มานั้นไม่ได้บอกตูเลยว่า รูปนี้ของเมนูไหน 555 ด้วยภาษาจีนเวลอนุบาลอย่างเรา ก็นั่งงมอ่านเลือกเหมือนเข้าใจ (เลือกไปแบบลนลาน น้องอย่าเพิ่งมาเก็บใบพี่นะ พี่ยังเลือกไม่เสร็จ T-T) เอ้อ ลืมบอกชาบูที่จีนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์นะ ราคาตามเลือกเลย เห็นร้านหรูอย่างนี้อย่าเพิ่งกลัวว่า ต้องแพงแน่เลย จะอิ่มไหม (ไม่เป็นเช่นนั้นเด้อ มันมีราคากำกับอยู่ ให้มาทีกินอิ่มแน่นอน)
เราก็เลือกๆเป็นสเต็ปไล่ๆจากซ้ายไปขวา
เลือกประเภทน้ำซุป> เลือกระดับความเผ็ด > เลือกเนื้อ (มีหมดนะหมูเห็ดเป็ดไก่) > เลือกผัก (ผักรวมก็มีจ้า)
เราสองคนเลือกแบบนี้ (ดูรูปตามนะ) ถ้าจะเอาแบบเราก็ตามนี้
1. หมายเลข 106 แบบ “หม้อยวนยาง” (鸳鸯) หรือหยินหยางนั่นเอง คือแบบมีสองซุป หมาล่ากับซุปเห็ด
2. เลือกว่าจะเอาแบบไหนอยู่ในอยู่นอก (ข้างในจะน้อยกว่าแต่ลึก) ถ้าเอาแดงอยู่นอกแบบเราให้เลือก 外红 (แดงนอก)内白 (ขาวอยู่ข้างใน )
3. ระดับความเผ็ด 》เผ็ดน้อย = เว่ยล่า(微辣), เผ็ดกลาง = จงล่า(中辣), เผ็ดมาก = เท้อล่า(特辣) เราเลือกจงล่าไป(中辣),
หลังจากนั้นพวกเนื้อและผักด้านขวามือก็แล้วแต่บุญแต่กรรม 555 เดี๋ยวเรื่องของเรามันจะยาวไป
**คำเตือน พวกเมนูติดดาว บางอันที่มันแพงๆ แต่มันก็ไม่ได้เริ่ดหรูอย่างที่คิด ถึงชื่อมันจะดูเว่อร์แบบหมูสายรุ้งจากสวรรค์ไรเงี้ย แต่จริงๆเลือกเมนูทั่วๆไปไม่แพงก็อร่อยได้ เลือกเสร็จก็ส่งเมนูให้น้องเค้า แล้วเราก็นั่งรอเรียกคิว
ถึงคิวแล้วเย้ๆ จะมีคนพาเราเข้าไปด้านใน ร้านจะเป็นแบบสองชั้น ทำร้านแบบโรงเตี้ยมย้อนยุคหรูหรา มีโคมไฟเป็นระยะๆ (ที่ย่านนี้ร้านชาบูจะเวอร์แบบนี้ทุกร้านเลย สวยไว้ก่อนเรียกแขก) บรรยากาศรอบๆร้านๆ
พนักงานจะเอาผ้ากันเปื้อนมาให้ใส่ ถามเราว่าเอาน้ำอะไร เราก็กินน้ำเปล่าค่ะ ( แต่เหมือนโต้ะอื่นเค้าไม่กินน้ำกัน คนจีนเขาเหมือนไม่ชอบกินน้ำเย็นอ่า เกี่ยวมั้ย ไม่รู้เนอะ) เห็นโต้ะไม้ๆแบบนี้ตรงกลางโต้ะจะมีลิ้นชักใส่ทิชชู่อยู่นะ อย่าไปถามหาละ หยิบเองเลย
น้องพนักงานจะเอาหม้อซุปมาวางให้จ้า หม้อทำสวยมากเป็นหัวมังกรมาเลย
อาหารที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟ ในรูปเราสั่งเนื้อวัวแบบเบคอน ผักรวม ผักที่จีนอร่อยเนื้อดีมาก โดยเฉพาะผักกาดขาวอร่อยมากๆ ผักจะหวานกรอบ แตกต่างกะที่ไทยเลย เราเลยสั่งเดี่ยวๆมากินเพิ่มไปอีก
ส่วนเมนูพิเศษติดดาว เราเห็นสั่งกันทุกโต้ะและเราก็แอบสั่งมาเหมือนกัน คือเนื้อวัวแบบ...
มันมาแบบน่ารักมากพันตัวน้องบาร์บี้เป็นกระโปรงมาเลย เอาดิ พี่เค้าคิดได้งาย (เมนูนี้ต้องรอ 30 กว่านาที สงสัยไปตามหาน้องบาร์บี้อยู่)
เนื้อแกะหรือหยางโร่ว (羊肉)ก็มีนะ เราว่ามันดีเลยแหละ
น้ำจิ้มก็มีอยู่บนโต้ะสามารถผสมเองได้เลย มันจะเป็นแบบน้ำมันหอยใสๆรสไม่แรง ใส่กระเทียมสับกับผักชีลงไปและผสมน้ำเปล่าให้จางหน่อยๆ ตอนนี้เราก็ติดว่ามันไม่น่าจะเข้ากันกับชาบูเลย แต่อร่อยเฉยเลย
สรุปมื้อนี้ว่า Go B Me คนน้องก็ให้ข้อสรุปว่า
รสชาติ :9/10 เนื้อแกะดีไม่คาวเลย ผักสดมว้ากกก กรอบกรวบ น้ำซุปสุดยอดเข้มข้น ( โดยเฉพาะตรงน้ำเห็ด)เป็นลักษณะต้มกระดูกไก่ อันนี้อยากให้มาลองมากๆ มันดีจริงๆ ขอหัก 1 คะแนนตรงเราว่าเนื้อวัวมันไม่คาวแต่ก็ธรรมดาๆ
ค่าเสียหาย : ตกคนละ 6-700 บาท
**เพิ่มเติม สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิต Union pay ได้จ้า ไม่ต้องเซ็นใบ แค่กดรหัสบัตรเอา (เราใช้ของกสิกรก็รูดได้ปกติค่ะ)
ระหว่างเดินกลับโรงแรมจะมีซอยเล็กๆยาวตั้งฉากจากถนนโรงแรมเรา ซึ่งมันมีตลาดคนเดิน ขายพวกเสื้อผ้า รองเท้าต่างๆอยู่
เราก็แวะซะหน่อย เนื่องจากป้ายราคาดึงดูด ถูกใจคนน้องเหลือเกิน เดี๋ยวให้นางบรรยาย
โอเคค่ะ เสื้อหนาว เสื้อโค้ชสวยๆตกตัวละ 700 กว่าบาทเอง แฟชั่นมีทุกแบบเกาหลี ญี่ปุ่น จีน เลือกจนตาลายเลยค่ะ ที่สำคัญทนหนาวได้ดีจริงๆ วันนี้อุณหภูมิราวๆ 6 องศา เก็บภาพมาเบาๆ 2-3 รูปเอง เรามั่วแต่ซื้ออยู่อะ อิอิ
หลังจากซื้อเสร็จเราก็กลับโรงแรมนอนพัก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาว่ากันใหม่
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้