กระทู้นี้เราจะมาพาเที่ยวเมืองเฉิงตู บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกเลย ที่เราได้มาเที่ยวประเทศจีน
เพราะช่วงนี้ทางจีนเป็นฟรีวิซ่า ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย จึงทำเราอยากที่จะไปเที่ยวสักครั้งหนึ่ง
โดยทริปแรกนี้เราประเดิมกันที่เมืองเฉิงตูบอกเลยว่ากังวลสุดๆ เพราะที่ประเทศจีนนี้เป็น
สังคมแบบไร้เงินสด (Cashless Society) ทำให้อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญมากๆ
เพราะเราต้องใช้อินเทอร์เน็ต ในมือถือชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ
นอกจากนั้นเราที่เป็น Blogger สายเที่ยวก็ยังต้องใช้ อินเทอร์เน็ตในการอัปรูปและข้อมูลต่างๆ
เพื่อคอยอัปเดตในเพจของเราอีกด้วย บอกเลยว่าอินเทอร์เน็ตและมือถือเป็น
เหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในการมาเที่ยวจีนครั้งนี้ก็ว่าได้เลยครับ
แต่ก็หมดกังวลเพราะเราจะมาแนะนำอินเทอร์เน็ตที่เราได้เอาไปใช้ที่ประเทศจีนกับ
บริการโรมมิ่ง GO Travel จากทรู ดีแทค
โดยผมเป็นลูกค้าทรู ดีแทคอยู่แล้ว เลยสมัครใช้เป็นแบบ แพ็กเกจเสริมเน็ตต่างประเทศ
GO Travel ได้เน็ตแบบจุใจ สูงสุดถึง 15 GB ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท สมัครได้ง่ายๆเลย
ไม่ต้องเปลี่ยนซิม
โดยเข้าไปที่แอปฯ True iService หรือ dtac app
1. เลือกไปที่ปุ่มบริการโรมมิ่ง
2.เลือกประเทศที่ต้องการเดินทาง
3.เลือกแพ็กเกจที่ต้องการ
แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วนะ สะดวกมากๆ
4.หลังจากสมัครแพ็กเกจไว้แล้ว ตอนไปถึงต่างประเทศ แค่เปิดใช้งาน Cellular Data
และ Roaming On ก็เล่นเน็ตแรงๆ ได้ทันที
โดยประเทศจีน เค้าจะจับสัญญาณเครือข่าย China Mobile หรือ China Unicom ให้
แรงตลอด สะดวกสุด เที่ยวได้ฟินสุดๆ ไม่ต้องกังวลเลยครับ
โดยเราแนะนำแบบแพ็กเกจนะครับ เผื่อมีรับ SMS OTP ต่างๆ จะได้สะดวกสบาย
เพราะรับข้อความฟรีอยู่แล้ว สะดวกสบายสุดๆ
วันที่ 1 เราบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเทียนฟู เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน
โดยเราเลือกการนั่งรถบัสเข้าเมือง ตกคนละ 25 หยวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
วิธีการจ่ายเงิน คือ เราใช้ Alipay App สแกนจ่ายเอาได้เลยสะดวกมากๆ
นั่งรถมาประมาณ 2 ชัวโมง เราก็มาลงสุดสายเลยที่ศูนย์การค้า IFS Chengdu
เราเลือกพักแถวนี้ เพราะใกล้แหล่งชอปปิ้งและรถไฟฟ้าใต้ดิน ใครอยากจะมา
ชอปปิ้งของแบรนด์เนมต่างๆ เราขอแนะนำย่านนี้เลยนะ
ในคืนแรกเราพักกันที่ Poshpacker Flipflop Youth Hostel (Taikoo Li Chunxi Road Metro Station)
ซึ่งจะเป็นที่พักแบบโฮสเทล เป็นอีกหนึ่งที่พักที่คนไทยนิยมมาพักกันมาก
ด้วยราคาที่โอเค มีห้องน้ำส่วนตัว ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Chunxi Road แต่ที่เราชอบคือ
พนักงานสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และนิสัยดีทุกคนเลยครับ
นอกจากนั้นภายในห้องพักยังสะอาด มีรูปลั๊กเสียบชาร์จเยอะสุดๆ
แถมใครมาแบบเราที่ต้องออกต่างจังหวัด แล้วต้องกลับมานอนที่นี่ต่อ
ก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้อีกด้วยน้า ดีสุดๆ แนะนำเลยครับ
วันที่ 2 เป็นวันเดินทางไปจิ่วจ้ายโกว โดยเราจะไปขึ้นรถไฟความเร็วสูง
กันที่สถานี Chengdu East Railway Station
เวลาซื้อของกินเวลาจ่ายเงินก็ใช้ Alipay จ่ายได้เลย บอกเลยว่าอินเทอร์เน็ตนี่สำคัญจริงๆ นะทุกคน
ใช้เวลาเดินทางไปสถานี Huanglongjiuzhai โดยใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
จากนั้นนั่งรถบัสกันต่ออีก 2 ชั่วโมง เพื่อเข้ามาในตัวเมืองจิ่วจ้ายโกว
พอถึงเราก็ใช้ google map เราแนะนำให้เขียนชื่อสถานที่ ที่เราจะไปทั้ง ภาษาอังกฤษ
และ ภาษาจีน เอาไว้ด้วย เพราะบางสถานที่เราต้องใช้ แอป Baidu Map แทน
โดยแอปตัวนี้จะมีความแม่นยำกว่าในบาง สถานที่ ที่มีการอัปเดท
แต่ตัวแอปจะไม่ค่อยรองรับภาษาอังกฤษสักเท่าไร
คืนที่ 2 และ 3 เราพักกันที่ Jiuzhaigou Weiyijia Homestay เจ้าของที่พักอาจจะพูด
ภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เราก็ใช้วิธี Google Translate กันจนเข้าใจ เค้าน่ารักมากๆ
ไปรับ - ส่ง เราที่หุบเขาจิ่วจ้ายโกว ให้อาหารเราทาน แถมยังช่วยหารถเหมา
ไปหวงหลงในวันที่ 4 อีกด้วยนะ บอกเลยว่าประทับใจสุดๆ ครับ
วันที่ 3 เที่ยวชม หุบเขาจิ่วจ้ายโกวเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A5 ของจีน
โดยเราจะเดินทางไปในแต่ละจุดโดยรถบัสของทางอุทยาน
สายติดแกรมอย่างเรายังต้องอัปรูปลงโซเชียลกันตลอดทริปทั้ง Facebook และ IG Story
และยังคอยอัปรูปและบทความต่างๆ บนเพจของเราอีกด้วย แต่ก็หมดห่วง
เพราะเราใช้เน็ตโรมมิ่ง GO Travel เน็ตแรง เร็ว ไม่มีสะดุดเลยครับ
ในวันที่ 4 เรามาเที่ยวกันที่ หวงหลง เป็นอีกจุดเช็คพอร์ตสำคัญของจีน
หุบเขามังกรเหลือง โดยเราใช้วิธีเดินทางโดยการเช่ารถและคนขับมาส่งที่นี่ รวมถึงเขา
จะมารับเรากลับไปส่งที่สถานีรถไฟความเร็วสูง สถานี Huanglongjiuzhai ในตอนเย็นอีกด้วยนะ
ที่นี่กว้างขวางมาก เราก็เดินไวเกินไป ทำให้บางทีก็พลัดหลงกันบ่อยๆ
แต่ดีที่มีอินเทอร์เน็ตโรมมิ่งจาก GO Travel เราก็สามารถใช้ Line หรือ We Chat
ในการติดต่อหากันจนเจอได้แบบไม่ยาก
วันที่ 5 เรามาเที่ยวกันที่ ภูเขาสี่ดรุณี ที่มีทิวเขาสวยจนได้รับชื่อว่า เป็นสวิสแห่งเมืองจีนกันเลยที่เดียว
วันที่ 6 เรากลับมานอนกันในเมืองเฉิงตูแล้ว เลยวันนี้จะเป็น One Day Trip แบบฉบับย่อ
เพราะน่าจะไปได้ไม่หมดแน่ๆ แต่ก็เลือกสถานที่เด็ดๆ มาฝากกันด้วยละ
ตึก IFS Chengdu ที่เป็นทั้งศูนย์การค้า และ อาคารสำนักงาน
เดินทางมาลงกันที่ Metro Line 2 สถานี Chunxi Road ทางออก C และ D สังเกตง่ายๆ
จะเห็นก้นน้องหมีแพนด้าเกาะอยู่ และชั้น 7 เราสามารถขึ้นมถ่ายรูปกับส่วนหน้าน้องได้อีกด้วยน้า
ใกล้ๆ กันยังมีเหมือน Outlet และ ศูนย์การค้าอีกมากมาย ตรงถนน
Taikoo Li สามารถชอปปิ้งได้ทั้งวันเลยนะทุกคน
วิธีการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินก็ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเราสามารถซื้อบัตรจากตู้กด
แล้วจ่ายด้วย Alipay หรือ จะเปิดบัตรใน Alipay ที่เป็นของเมืองต่างๆ แล้วใช้สแกน
ตรงประตูทางเข้ากันได้เลย
ถนนควานจ๋าย (Kuan Xiangzi Alley) นั่ง Metro Line 4 ลงสถานี KuanZhaiXiangZi Alleys ทางออก B
เป็นย่านเมืองเก่าขายของที่ระลึก รวมถึง Art toys อย่างร้าน pop Mart และ 52 Toys
ที่เราคุ้นเคยกันในตอนนี้
การชอปปิ้งก็หมดห่วง เราไปเดินซื้อ Art Toys ต่างๆ ทั้งร้าน Pop Mart และ
52 Toys เวลาส่งรูปไปให้เพื่อนที่ไทย เลือกจุ่มก็ง่ายแสนง่าย เพราะเน็ตโรมมิ่งของทางทรู
ดีแทค GO Travel แรงและเร็วมากๆ
ศูนย์การค้า SKP Chengdu และน้ำพุไม้ไผ่ไฟ 7 สี
นั่ง Metro Line 1 ลงสถานี Jincheng Plaza ใช้ทางออก B
ที่นี่จะคล้ายเป็นศูนย์การค้าที่รวมสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ เอาไว้มากมาย
และยังมีสวนอยู่บนตัวอาคาร รวมถึงลานน้ำพุไม้ไผ่ไฟ 7 สี ที่จะเปิดไฟราวๆ 1 ทุ่มเป็นต้นไป
ตึกแฝดเฉิงตู (Chengdu Twin Tower) และ จัตุรัสเทียนฟู่ (Tianfu Square)
นั่ง Metro Line 1 ลงสถานี Financial City ใช้ทางออก B
สรุปการมาเที่ยวจีนครั้งแรกนี้ทำให้เรารู้เลยว่าอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
เพราะเราต้องใช้ทั้งสแกนจ่าย เงินต่างๆ ใช้สแกนรถไฟฟ้า เรียกแท็กซี่
รวมถึงการใช้ดูเส้นทาง เช็ครอบรถต่างๆ เราเลยขอแนะนำบริการโรมมิ่งที่แรงอย่าง
GO Travel จากทรู ดีแทค ที่ทั้งเร็ว แรง และไม่มีสะดุดตลอดทริปเลยครับ
[BR] แจกแพลนเที่ยวจีน เฉิงตู 7 วัน เที่ยวได้สนุก เน็ต เร็ว แรง อะไรก็สะดวก กับบริการโรมมิ่ง GO Travel จากทรู ดีแทค
กระทู้นี้เราจะมาพาเที่ยวเมืองเฉิงตู บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกเลย ที่เราได้มาเที่ยวประเทศจีน
เพราะช่วงนี้ทางจีนเป็นฟรีวิซ่า ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย จึงทำเราอยากที่จะไปเที่ยวสักครั้งหนึ่ง
โดยทริปแรกนี้เราประเดิมกันที่เมืองเฉิงตูบอกเลยว่ากังวลสุดๆ เพราะที่ประเทศจีนนี้เป็น
สังคมแบบไร้เงินสด (Cashless Society) ทำให้อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญมากๆ
เพราะเราต้องใช้อินเทอร์เน็ต ในมือถือชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ
นอกจากนั้นเราที่เป็น Blogger สายเที่ยวก็ยังต้องใช้ อินเทอร์เน็ตในการอัปรูปและข้อมูลต่างๆ
เพื่อคอยอัปเดตในเพจของเราอีกด้วย บอกเลยว่าอินเทอร์เน็ตและมือถือเป็น
เหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งในการมาเที่ยวจีนครั้งนี้ก็ว่าได้เลยครับ
แต่ก็หมดกังวลเพราะเราจะมาแนะนำอินเทอร์เน็ตที่เราได้เอาไปใช้ที่ประเทศจีนกับ
บริการโรมมิ่ง GO Travel จากทรู ดีแทค
โดยผมเป็นลูกค้าทรู ดีแทคอยู่แล้ว เลยสมัครใช้เป็นแบบ แพ็กเกจเสริมเน็ตต่างประเทศ
GO Travel ได้เน็ตแบบจุใจ สูงสุดถึง 15 GB ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท สมัครได้ง่ายๆเลย
ไม่ต้องเปลี่ยนซิม
โดยเข้าไปที่แอปฯ True iService หรือ dtac app
1. เลือกไปที่ปุ่มบริการโรมมิ่ง
2.เลือกประเทศที่ต้องการเดินทาง
3.เลือกแพ็กเกจที่ต้องการ
แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วนะ สะดวกมากๆ
4.หลังจากสมัครแพ็กเกจไว้แล้ว ตอนไปถึงต่างประเทศ แค่เปิดใช้งาน Cellular Data
และ Roaming On ก็เล่นเน็ตแรงๆ ได้ทันที
โดยประเทศจีน เค้าจะจับสัญญาณเครือข่าย China Mobile หรือ China Unicom ให้
แรงตลอด สะดวกสุด เที่ยวได้ฟินสุดๆ ไม่ต้องกังวลเลยครับ
โดยเราแนะนำแบบแพ็กเกจนะครับ เผื่อมีรับ SMS OTP ต่างๆ จะได้สะดวกสบาย
เพราะรับข้อความฟรีอยู่แล้ว สะดวกสบายสุดๆ
วันที่ 1 เราบินมาลงที่สนามบินนานาชาติเทียนฟู เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน
โดยเราเลือกการนั่งรถบัสเข้าเมือง ตกคนละ 25 หยวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
วิธีการจ่ายเงิน คือ เราใช้ Alipay App สแกนจ่ายเอาได้เลยสะดวกมากๆ
นั่งรถมาประมาณ 2 ชัวโมง เราก็มาลงสุดสายเลยที่ศูนย์การค้า IFS Chengdu
เราเลือกพักแถวนี้ เพราะใกล้แหล่งชอปปิ้งและรถไฟฟ้าใต้ดิน ใครอยากจะมา
ชอปปิ้งของแบรนด์เนมต่างๆ เราขอแนะนำย่านนี้เลยนะ
ในคืนแรกเราพักกันที่ Poshpacker Flipflop Youth Hostel (Taikoo Li Chunxi Road Metro Station)
ซึ่งจะเป็นที่พักแบบโฮสเทล เป็นอีกหนึ่งที่พักที่คนไทยนิยมมาพักกันมาก
ด้วยราคาที่โอเค มีห้องน้ำส่วนตัว ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Chunxi Road แต่ที่เราชอบคือ
พนักงานสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และนิสัยดีทุกคนเลยครับ
นอกจากนั้นภายในห้องพักยังสะอาด มีรูปลั๊กเสียบชาร์จเยอะสุดๆ
แถมใครมาแบบเราที่ต้องออกต่างจังหวัด แล้วต้องกลับมานอนที่นี่ต่อ
ก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ได้อีกด้วยน้า ดีสุดๆ แนะนำเลยครับ
วันที่ 2 เป็นวันเดินทางไปจิ่วจ้ายโกว โดยเราจะไปขึ้นรถไฟความเร็วสูง
กันที่สถานี Chengdu East Railway Station
เวลาซื้อของกินเวลาจ่ายเงินก็ใช้ Alipay จ่ายได้เลย บอกเลยว่าอินเทอร์เน็ตนี่สำคัญจริงๆ นะทุกคน
ใช้เวลาเดินทางไปสถานี Huanglongjiuzhai โดยใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
จากนั้นนั่งรถบัสกันต่ออีก 2 ชั่วโมง เพื่อเข้ามาในตัวเมืองจิ่วจ้ายโกว
พอถึงเราก็ใช้ google map เราแนะนำให้เขียนชื่อสถานที่ ที่เราจะไปทั้ง ภาษาอังกฤษ
และ ภาษาจีน เอาไว้ด้วย เพราะบางสถานที่เราต้องใช้ แอป Baidu Map แทน
โดยแอปตัวนี้จะมีความแม่นยำกว่าในบาง สถานที่ ที่มีการอัปเดท
แต่ตัวแอปจะไม่ค่อยรองรับภาษาอังกฤษสักเท่าไร
คืนที่ 2 และ 3 เราพักกันที่ Jiuzhaigou Weiyijia Homestay เจ้าของที่พักอาจจะพูด
ภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เราก็ใช้วิธี Google Translate กันจนเข้าใจ เค้าน่ารักมากๆ
ไปรับ - ส่ง เราที่หุบเขาจิ่วจ้ายโกว ให้อาหารเราทาน แถมยังช่วยหารถเหมา
ไปหวงหลงในวันที่ 4 อีกด้วยนะ บอกเลยว่าประทับใจสุดๆ ครับ
วันที่ 3 เที่ยวชม หุบเขาจิ่วจ้ายโกวเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A5 ของจีน
โดยเราจะเดินทางไปในแต่ละจุดโดยรถบัสของทางอุทยาน
สายติดแกรมอย่างเรายังต้องอัปรูปลงโซเชียลกันตลอดทริปทั้ง Facebook และ IG Story
และยังคอยอัปรูปและบทความต่างๆ บนเพจของเราอีกด้วย แต่ก็หมดห่วง
เพราะเราใช้เน็ตโรมมิ่ง GO Travel เน็ตแรง เร็ว ไม่มีสะดุดเลยครับ
ในวันที่ 4 เรามาเที่ยวกันที่ หวงหลง เป็นอีกจุดเช็คพอร์ตสำคัญของจีน
หุบเขามังกรเหลือง โดยเราใช้วิธีเดินทางโดยการเช่ารถและคนขับมาส่งที่นี่ รวมถึงเขา
จะมารับเรากลับไปส่งที่สถานีรถไฟความเร็วสูง สถานี Huanglongjiuzhai ในตอนเย็นอีกด้วยนะ
ที่นี่กว้างขวางมาก เราก็เดินไวเกินไป ทำให้บางทีก็พลัดหลงกันบ่อยๆ
แต่ดีที่มีอินเทอร์เน็ตโรมมิ่งจาก GO Travel เราก็สามารถใช้ Line หรือ We Chat
ในการติดต่อหากันจนเจอได้แบบไม่ยาก
วันที่ 5 เรามาเที่ยวกันที่ ภูเขาสี่ดรุณี ที่มีทิวเขาสวยจนได้รับชื่อว่า เป็นสวิสแห่งเมืองจีนกันเลยที่เดียว
วันที่ 6 เรากลับมานอนกันในเมืองเฉิงตูแล้ว เลยวันนี้จะเป็น One Day Trip แบบฉบับย่อ
เพราะน่าจะไปได้ไม่หมดแน่ๆ แต่ก็เลือกสถานที่เด็ดๆ มาฝากกันด้วยละ
ตึก IFS Chengdu ที่เป็นทั้งศูนย์การค้า และ อาคารสำนักงาน
เดินทางมาลงกันที่ Metro Line 2 สถานี Chunxi Road ทางออก C และ D สังเกตง่ายๆ
จะเห็นก้นน้องหมีแพนด้าเกาะอยู่ และชั้น 7 เราสามารถขึ้นมถ่ายรูปกับส่วนหน้าน้องได้อีกด้วยน้า
ใกล้ๆ กันยังมีเหมือน Outlet และ ศูนย์การค้าอีกมากมาย ตรงถนน
Taikoo Li สามารถชอปปิ้งได้ทั้งวันเลยนะทุกคน
วิธีการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินก็ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเราสามารถซื้อบัตรจากตู้กด
แล้วจ่ายด้วย Alipay หรือ จะเปิดบัตรใน Alipay ที่เป็นของเมืองต่างๆ แล้วใช้สแกน
ตรงประตูทางเข้ากันได้เลย
ถนนควานจ๋าย (Kuan Xiangzi Alley) นั่ง Metro Line 4 ลงสถานี KuanZhaiXiangZi Alleys ทางออก B
เป็นย่านเมืองเก่าขายของที่ระลึก รวมถึง Art toys อย่างร้าน pop Mart และ 52 Toys
ที่เราคุ้นเคยกันในตอนนี้
การชอปปิ้งก็หมดห่วง เราไปเดินซื้อ Art Toys ต่างๆ ทั้งร้าน Pop Mart และ
52 Toys เวลาส่งรูปไปให้เพื่อนที่ไทย เลือกจุ่มก็ง่ายแสนง่าย เพราะเน็ตโรมมิ่งของทางทรู
ดีแทค GO Travel แรงและเร็วมากๆ
ศูนย์การค้า SKP Chengdu และน้ำพุไม้ไผ่ไฟ 7 สี
นั่ง Metro Line 1 ลงสถานี Jincheng Plaza ใช้ทางออก B
ที่นี่จะคล้ายเป็นศูนย์การค้าที่รวมสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ เอาไว้มากมาย
และยังมีสวนอยู่บนตัวอาคาร รวมถึงลานน้ำพุไม้ไผ่ไฟ 7 สี ที่จะเปิดไฟราวๆ 1 ทุ่มเป็นต้นไป
ตึกแฝดเฉิงตู (Chengdu Twin Tower) และ จัตุรัสเทียนฟู่ (Tianfu Square)
นั่ง Metro Line 1 ลงสถานี Financial City ใช้ทางออก B
สรุปการมาเที่ยวจีนครั้งแรกนี้ทำให้เรารู้เลยว่าอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
เพราะเราต้องใช้ทั้งสแกนจ่าย เงินต่างๆ ใช้สแกนรถไฟฟ้า เรียกแท็กซี่
รวมถึงการใช้ดูเส้นทาง เช็ครอบรถต่างๆ เราเลยขอแนะนำบริการโรมมิ่งที่แรงอย่าง
GO Travel จากทรู ดีแทค ที่ทั้งเร็ว แรง และไม่มีสะดุดตลอดทริปเลยครับ
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน