ซึ่งการเดินทางวันที่ 2 ของเรา main หลักคือนั่งรถไฟยาว ๆ และไปนอนบนรถไฟต่อเลย ก็คือเดินทางด้วยรถไฟ D88 จากหลวงพระบาง และเดินทางต่อไปลี่เจียงในวันเดียวด้วยรถไฟนอน สภาพ แบบสู้ชีวิตสุด ๆใครจัดทริปนะ (อ่อผมเอง) ขบวนรถไฟข้ามประเทศ D88 ต้นทางจะเป็นเวียงจันทน์ ปลายทางเป็นKunmingnan (คุนหมิงใต้) ถ้าคนไม่เคยไป อาจจะงง ว่า Kunmingnan กับ Kunming คือสถานีเดียวกันไหม บอกตรงนี้ว่าคนละสถานีกันนะคะ อย่างเข่นทริปเรา ปลายทางรถไฟจากลาวคือ Kunmingnan แต่ต้นทางรถไฟไป Lijiang ต่อคือ Kunming ดังนั้นเราต้องรถต่อเข้าไปอีกสถานีค่ะ
ขั้นตอนการข้ามประเทศ ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ค่ะ ถ้าเป็นมาทางรถไฟแบบที่เราไป ทางเจ้าหน้าที่จะมาแจกเอกสารกรอกเข้า ตม. กันบนรถไฟ ดังนั้นต้องกรอกเอกสารกันก่อนะคะ ย้ำว่า ปากกาสำคัญมากห้ามลืม ! ตอนกรอกอยู่ก็มีคนที่นั่งข้างหน้ามายืมปากกาไปเขียนเหมือนกัน ดังนั้น ตอนทำเรื่อง ขาเข้าขาออกที่สถานีรถไฟ เราจะมีเอกสาร 2 แผ่นค่ะ คือ ใบขาออกของลาว (ที่กรอกกันตั้งแต่วันก่อน) กับใบขาเข้าของจีน (ได้มาตอนขึ้นรถไฟ) โดยจะมี 2 สถานีที่เราต้องสนใจ ก็คือ Boten ของฝั่งลาว กับ Mohan ของฝั่งจีน พอมาถึง 2 สถานีนี้ กระเป๋ าสัมภาระทั้งหมด และตัวเรา ต้องไปแสกนที่สถานีค่ะ เพื่อทำเรื่องเข้าออกของแต่ละประเทศ ทริคง่ายๆ เดินตามฝูงคนว่าเขาไปทางไหนเอาค่ะ เป็นอะไรที่ค่อนข้างเหนื่อยเพราะทำเรื่องออกลาวเสร็จ ขึ้นรถไฟไปนั่ง นั่งเสร็จ สถานีถัดไปก็ต้องลงอีกเพราะทำเรื่องเข้าจีน ดังนั้น เราจะขึ้น-ลง รถไฟทั้งหมด 2 รอบ
บรรยากาศดีมาก ๆ
เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารมากรอกใบขาเข้าจีนค่ะ ดังนั้นอย่าลืมปากกาค่ะ
จุดแรกที่มาลงคือ สถานี Boten ค่ะ เดินตามฝูงชนไปเลย
พอออกจากลาวเสร็จแล้วก็รอเวลาขึ้นรถไฟขบวนเดิมที่นั่งเดิมกันต่อ
แนะนำสำหรับคนไปหลายๆ ประเทศซื้อซิมจากไทย หรือซื้อ roaming เอาสะดวกสุดค่ะ ของเราซื้อSim2fly ของ AIS มา ใช้ได้ทั้ง 3ประเทศ ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ พอเข้าผ่าน ตม. จีน ก็นั่งรถไฟกันต่อยาวๆ เข้าออก ตม. เราไม่ได้โดนถามอะไรเลยค่ะ ถ้าหิวบนรถไฟจะมีบริการอาหารอยู่นะคะ สามารถใช้wechat แสกนสั่งได้เลย แต่มีตัวเลือกไม่เยอะค่ะ เส้นนี้เราไม่ได้สั่งค่ะ เน้นนอนทั้งทาง
รู้ตัวว่าอยู่จีนแล้วเพราะ
อันนี้เป็นป้ายที่สถานี Mohan
กระเป๋าสัมภาระถ้าไม่ใหญ่มาก สามารถวางไว้ด้านบนศีรษะเลยค่ะ
เราสามารถสั่งอาหารภายในรถไฟได้นะคะ จะมีเจ้าหน้าที่มาเสิร์ฟถึงที่
เราก็มาถึงคุนหมิงใต้ตรงเวลาเลยค่ะ ลงจากรถไฟ รู้ซึ้งเลย เพราะอากาศเย็นมาก เย็นแบบอยากกรี๊ดอากาศตอนนั้น ประมาณ 16 องศาได้ ไหนทริปนี้เราจะไม่หนาวไง แล้วขนาดนี้อยู่คุนหมิงอากาศยังเย็นขนาดนี้ ไปลี่เจียงไม่หนาวกว่านี้หรอ จังหวะนั้นรู้ซึ้งแล้วว่าทริปนี้เจอหนาวแน่ๆ พอมาถึงคุนหมิงใต้ เราก็เดินตามคนหมู่มากไปค่ะ ต้องบอกก่อนว่า เราต้องไป Kunming ต่อ ซึ่งเราจองรถไฟอีกเส้นเรียบร้อยแล้วดังนั้น ต้องห้ามออกสถานีค่ะ ไม่งั้นจะไม่ทัน ถ้าเข้าออกสถานีใหม่ ต้องแสกนกระเป๋าใหม่ค่ะ ดังนั้นให้ หาป้ายที่เป็นคำว่า Transfer กับเที่ยวรถไฟเราค่ะ ซึ่งขบวนถัดไปที่เราต้องขึ้นคือ C275 ลงจากชานชาลา
ตามป้ายคำว่า Transfer ไปได้เลยค่ะ
ก็เจอป้ายที่จอ และเดินตามป้าย Transfer เลยค่ะ ทริคการขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่จีนคือ ถ้าเราจองมาแล้วมีที่นั่งแล้วแน่ๆ ตรงจุดตรวจ ให้เดินไปหาจุดที่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่เท่านั้นค่ะ จะไม่สามารถแสกนตั๋วแล้วเข้าเองได้ เพราะเราจะไม่ได้รับตั๋วแบบ E-ticket มาค่ะ ทำได้แค่ เอา passport ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นค่ะไม่ต้องโชว์ข้อมูลอื่น ๆ ค่ะ เพราะตอนเราซื้อตั๋ว จะต้องทำการใส่หมายเลข passport เราอยู่แล้วดังนั้น ในฐานระบบรถไฟเขาจะมีข้อมูลเราอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นหมายเลข passport จะสำคัญมากกับการจองตั๋วรถไฟ
จากในภาพจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ สามารถยื่น passport แสกนที่ตรงนั้นได้เลยค่ะ
พอเข้าไปจุดบริเวณข้างในก็แอบช้อคเพราะ ประตูหมายเลขเยอะมากกก แบบมากกกก โถงกว้างมาก แต่หาอะไรไม่ยาก เพราะโถงมันกว้าง ตรหน้าต่างแอพ trip หน้าขายตั๋วเราจะบอกอยู่ค่ะ ต้องไปที่ประตูไหน ก็ไปรอที่ประตูนั้นได้เลย ถ้ามีเจ้าหน้าที่อยู่ หรือคนต่อแถวอยู่ ก็สามารถเดินไปต่อแถวเข้าไปได้เลย โดยยื่นpassport กับเจ้าหน้าที่เหมือนเดิม
อันนี้ตัวอย่างค่ะ ก็จะเป็นประตู 20A และ 21A ค่ะ
มันเป็นโถงกว้างมาก ๆ จริง
ก็ขึ้นมาเพื่อไปสถานี Kunming กันต่อค่ะ
โดยรถไฟนอนที่เราต้องขึ้นต่อ รอบ 21:xx กว่าๆ ดังนั้น ก็พอมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ โดยเราไม่อยากไปไหนไกล เลยออกจากสถานีรถไฟมาแบบงง ๆ จำไม่ได้ออกมาทางไหน แต่ออกมาแล้วเจอร้าน Burger king พอดี สรุปจบลงที่เบอร์เกอร์ ด้วยความที่เราไม่ชอบกินอาหารอะไรแปลกๆ เวลาไปต่างที่ดังนั้นทริปนี้จะเน้นเข้าร้าน fast food เป็นหลักนะคะ อย่างการไปจีนในทุกรีวิวจะบอกเรื่องห้องน้ำ ส่วนใหญ่ก็เป็นตามรีวิวเลยค่ะ แนะนำให้พกทิชชู่เปียกไป ไว้ใช้สำหรับการทำธุระ
พอมาถึงก็หาอะไรรองท้องก่อน
มื้อแรกที่จีนคือ Burger King 🍔
ชานมไข่มุกแนะนำให้สั่งดีๆ นะคะ สำหรับคนทานติดเย็น เพราะที่จีน default คือแบบร้อน กับแบบไม่ใส่น้ำแข็งค่ะ ทริปนี้ เน้นกินชานมไข่มุกอุ่นทั้งทริป จะบ้าาา ในส่วนรีวิวการนอนต่างๆ สามารถตามดูได้ในกระทู้แรกเลยค่ะ อธิบายไว้ในกระทู้นั้น
แก้วเดียวในจีนที่ได้น้ำแข็งมา พนักงานถามว่าจะใส่น้ำแข็งไหมด้วยการตักน้ำแข็งแล้วยกขึ้นมา 555555
เตรียมตัวนอนอีกแล้ว ถ้าถามว่าหลับไหม ก็หลับ
7 November
ตัวผมก็หลับยาวๆ ส่วนตัวรถไฟนอนที่จีนไม่แย่นะคะ เราหลับแบบตื่นอีกทีตอนจะถึง Lijiang เลย จะมีพนักงานมาปลุก เพราะส่วนใหญ่ก็ลงที่สถานีนี้ค่ะ เราสะดุ้งตื่นมารอบเดียวคือเท้าเราไปเตะสวิตซ์ไฟ สรุปไฟสว่างทั้งห้อง จะบ้า ละช่วงที่เราอยู่จีนทั้งทริปคือฝนตกแบบปรอยตลอดมาาา เป็นทริปฝนจนงง และมาถึงตรงเวลาเช่นเคยค่ะ ออกจากสถานีรถไฟ ก็ไปบริเวณนอกสถานีเลยค่ะ ถ้าหันไปขวามือจะเจอป้ายจุดรอ taxi ไม่มีเขียนอังกฤษบอกนะคะ แต่เป็นรูปตัว P คล้ายที่จอดรถค่ะ เราก็เดินเลียบๆ หลบฝนไปเลยบรรยากาศเย็นมากกก
กับการเดินทางแสนนาน ก็มาถึง Lijiang แล้วค่ะ
หันออกจากอาคาร ให้เลี้ยวขวามือเลยค่ะ ตรงบริเวณลานจอดรถ สังเกตไม่ยาก ตรงบริเวณที่มี taxi จอดต่อแถวกันอยู่
พอมาถึงจุด taxi เราก็สื่อสารไม่ค่อยได้ เลยส่งแมพให้คนขับดูค่ะ เราได้แมพมาจากที่พักอีกที ที่เขาส่งมาให้ก่อนวันจะมาจีน ส่วนราคา ตามมิเตอร์เลยค่ะ ไม่แพงมาก ตอนอยู่จีนเราใช้ didi เป็นหลักเลยเรียกผ่านalipay ตัดผ่าน alipay เอา สะดวก และถูกดีค่ะ ตอนนั่ง taxi เราเปิด baidu map ไปด้วยนะคะ และช้อคอีกอย่างคือในแมพบอกตำแหน่งไฟแดงด้วย บอกด้วยว่าเหลือเวลาไฟแดง หรือเขียวเท่าไหร่ เหมือนsync ระบบกันหมด ที่จีนแนะนำให้ใช้ baidu map นะคะ เพราะ google map ไม่ค่อยดีค่ะ
ช้อคจริง เพราะในแมพขึ้นแบบเวลาเป๊ะมาก
และวันนี้เราก็จะเที่ยว one day trip เลยค่ะ ไม่มีการพัก เทียวและเดินทางแบบ non stop คนส่วนใหญ่จะมาพักค้างคืน และไปวันถัดไป เพราะต้องปรับสภาพร่างกายกันก่อน และพอมาถึงในเมืองอากาศอยู่เลขหลักเดียว 8 องศา แบบสภาพพพ ไหนจะไม่มาหน้าหนาวไง โชคดีอีกอย่างคือเราคุยกับที่พักมาก่อนค่ะเช็คอินตอนเช้าได้เลย เลยได้เข้าห้องพักไปอาบน้ำ และไกด์นำทริปนัดจะมารับตอน 09:40 ค่ะ เลยมีเวลานอนเล่น อาบน้ำก่อนออกไปเที่ยวค่ะ พวกทริป เราจองผ่านที่พัก เป็นแบบ private นะคะ สะดวกมาก ที่พักโอเคมากด้วยค่ะ บรรยากาศดี ทำเลดี
ตรงข้ามที่พักเป็น Lijiang Old Town เลย
วิวมองจากห้องพัก เป็นสวนเล็ก ๆ ค่ะ
พอมาใกล้ถึงเวลา เราจะติดต่อ คนขับผ่าน wechat นะคะ คนขับจะพูดอิ้งไม่ได้นะคะ สื่อสารกันผ่านแชทกับเสียง translate เอาค่ะ ค่อนข้างไม่ยาก โดยในทริปเราจะรวมพื้นฐานทั่ว ๆ ไป ค่ะ ค่าเข้า ค่ากระเช้าค่าบัส ค่า oxigen ค่ายืม coat ตอนไปถึงคนขับจะส่ง qr code มา 2 โค้ดต่อคน 1 อันสำหรับบัส อีกอันสำหรับกระเช้าค่ะ แนะนำให้หาซื้อช้อคโกแลตติดตัวไปด้วยค่ะ จริงๆ วันเดย์ทริปพวกนี้ค่อนข้างอันตรายสำหรับคนที่สุขภาพไม่ดี หรืออาจจะสุขภาพดี แต่ร่างกายปรับความสูง หรือความดันไม่ทัน อันนี้จะเกิดพวกอาหารหน้ามืด วิงเวียนได้ค่ะ เราโชคดีหน่อย เรากับเพื่อนไม่มีอาการอะไรเลย ไม่ได้กินยาอะไรมาก่อนด้วย แค่ไม่ชอบอากาศเย็นเฉย ๆ
มารอคนขับที่ด้านล่างที่พักค่ะ บริเวณนี้จะเป็นที่ห้ามจอดนะคะ ดังนั้นต้องทำเวลา
[CR] [ManatC, 2024] Part II ลี่เจียง และคุนหมิง
ตัวผมก็หลับยาวๆ ส่วนตัวรถไฟนอนที่จีนไม่แย่นะคะ เราหลับแบบตื่นอีกทีตอนจะถึง Lijiang เลย จะมีพนักงานมาปลุก เพราะส่วนใหญ่ก็ลงที่สถานีนี้ค่ะ เราสะดุ้งตื่นมารอบเดียวคือเท้าเราไปเตะสวิตซ์ไฟ สรุปไฟสว่างทั้งห้อง จะบ้า ละช่วงที่เราอยู่จีนทั้งทริปคือฝนตกแบบปรอยตลอดมาาา เป็นทริปฝนจนงง และมาถึงตรงเวลาเช่นเคยค่ะ ออกจากสถานีรถไฟ ก็ไปบริเวณนอกสถานีเลยค่ะ ถ้าหันไปขวามือจะเจอป้ายจุดรอ taxi ไม่มีเขียนอังกฤษบอกนะคะ แต่เป็นรูปตัว P คล้ายที่จอดรถค่ะ เราก็เดินเลียบๆ หลบฝนไปเลยบรรยากาศเย็นมากกก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้