ชาวพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ใช้ Facebook หรือ Line ในการตอบลูกค้ามากกว่ากัน ครับ ?

สวัสดีครับ

วันนี้มีบทความดีๆ มาฝากครับ


วันนี้ผมขอมาพูดคุย เกี่ยวกับ เรื่องของ Chat นะครับ ว่าจะเป็นร้านขายของออนไลน์ใช้อันไหนดีกว่ากัน ?

Chat แพลตฟอร์ม ในประเทศไทยที่นิยมมากๆมีอยู่ 2 อย่าง ก็คือ Facebook Messenger กับ Line ทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดี

ทั้งสองเจ้าต่างมีฟังชั่นหลักๆเหมือนๆกัน ก็คือ พุดคุย ส่งรูป ส่ง VDO สร้างห้องกลุ่มได้ และทั้งสองฝ่ายต้องรู้จัก ID ของกันก่อน (Add Friend ไม่ก็ รู้ Facebook Profile) ถึงจะพูดคุยกันได้

แล้วทั้งสองเจ้ามันต่างกันยังไง เพื่อนๆทราบไหมครับ ?

มาดูทีละหัวข้อนะครับ

มาดูปริมาณผู้ใช้ของทั้งสองเจ้ากันก่อนนะครับ


จากสถิติด้านบนจะเห็นว่าคนใช้ Line มากกว่า Facebook Messenger ในระดับนึงเลยนะครับ

ต่างกันอยู่ราวๆ 13% เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยนะครับ

ผมสงสัยเรื่องนี้ ค่อนข้างมาก ว่าแล้วผู้ใช้ Line แต่ไม่ใช้ Facebook Messenger นั้นหายไปไหน ?? (ตอนก่อนค้นข้อมูลคิดว่าน่าจะพอๆกัน)

จากที่ผมลองค้นข้อมูลดู ก็พอจะสรุปคร่าวๆ จากกลุ่มผู้ใช้งาน Facebook กับ Line ได้ประมาณนี้ครับ


สรุปมีกลุ่มคนที่ไม่เล่น Facebook แต่เล่นอินเตอร์เนตตามปกติ โดยจะเป็น กลุ่มคนที่เคยเล่น Facebook และเลิกเล่นแล้ว เช่นเด็กวัยรุ่น และ คนทำงาน

อีกกลุ่มนึงคือ กลุ่มคนที่ไม่เคยมี Facebook เลย เช่น คนสูงอายุ (ลองสังเกตุดูนะครับ คนสูงอายุหลายๆท่านจะมี Line ส่งสวัสดีวันจันทร์ แต่จะ ไม่มี Facebook ) 😀

ถ้ารู้แบบนี้แล้ว งั้นเราก็ใช้ Line@ ในการคุยกับลูกค้าก็ดีกว่านะสิ เพราะคนใช้เยอะกว่า …

เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆ

ค่อยๆดูกันไปครับ

มาดูกันที่ลักษณะการแสดงผลกันบ้าง ว่าเวลาใช้งานแล้ว 2 แอพนี้แตกต่างกันอย่างไร


เรื่องการแสดงผล เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ มันมีความแตกต่างระหว่างสองแอพอยู่

ยกตัวอย่าง เช่น

ณ ขณะที่คุณกำลัง ดูคลิปบน Youtube อยู่แล้วมีข้อความเข้ามาทั้งทาง Line และ Facebook Messenger !!

Line@ = คุณจะต้องกดเปิดแอพ Line เพื่อเข้าไปพูดคุย ทำให้ต้องหยุดดู Youtube ซึ่งบางครั้งผู้ใช้มักเลือกที่จะกดไม่สนใจอ่าน Line

Facebook Messenger = ผู้ใช้งานสามารถตอบโต้ได้ทันที โดยที่ Youtube ของคุณก็ยังจะเล่นอยู่โดยปกติ

ข้อนี้เป้นข้อแตกต่างเล็กน้อย แต่มีผลค่อนข้างมากถ้าหากคุณกำลังส่งโปรโมชั่นเพื่อขายสินค้า เพราะมันคือช่องทางเดียวในการติดต่อลูกค้าของคุณ

(ส่ง Boardcast ไป 10,000 คน ผ่านทาง Line เทียบกับ Facebook Messenger อาจจะได้ผลลัพท์ที่แตกต่างกัน)

แล้วในแง่ของค่าใช้จ่ายละครับ

ค่าใช้ข่ายที่เจ้าของแบรนด์ เจ้าของสินค้าจะต้องจ่ายในการใช้งาน มันแตกต่างกันอย่างไร ?


Line@ = เสียเงิน ตามจำนวนข้อความที่ Boardcast ออกไป โดยคิดเป็นรายเดือน ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งเสียเยอะครับ

Facebook Messenger = ฟรีไม่ว่าคุณจะ มีข้อความส่งออกไปมากเท่าไรก็ตาม

มันอาจจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มาก แต่ก็เป็นข้อแตกต่างที่น่าสนใจครับ

อ้อ ผมมีวิธีทำให้ใช้ Line@ ให้ใช้ฟรีได้ไม่จำกัดด้วย ไว้มีโอกาสจะมาแนะนำนะครับ 😀

ไหนๆก็พูดถึงการส่งข้อความแล้ว งั้นเรามาพูดถึงฟังชั่นการส่งข้อความกันดีกว่าครับ

ลองดูภาพกันก่อนนะครับ


ข้อนี้เป็นข้อแตกต่างที่ผมคิดว่า เป็นจุดเด่น และสำคัญมากๆครับ

ทั้งสองเจ้า สามารถส่งคุยแบบ 1:1 ได้เหมือนกัน และส่งข้อความ Boardcast ถึงทุกคนได้ แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ

Facebook Messenger สามารถติด Tag ให้กับผู้คนที่พูดคุยกับเราได้ เช่นติด Tag ว่า คนนี้ซื้อสินค้าไปแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งโปรโมชั่นสินค้าเก่าไปรบกวนเค้าอีก แต่จะส่งรูปภาพแนะนำสินค้าใหม่ๆไปให้เค้าแทน แต่ถ้าเป็น Line@ มันจะไม่สามารถทำได้ เวลาส่ง Boardcast มันก็จะส่งหาทุกคนเลยครับ โดยการที่จะติด Tag หรือแบ่งกลุ่มผู้ใช้ได้ อาจจะต้องใช้โปรแกรมอื่นๆมาช่วย แต่ก็ไม่ได้ใช้งานยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ครับ

ถ้างั้นมาดูโปรแกรมช่วยบริการจัดการกันต่อนะครับ

พูดถึงตัวช่วยในการใช้งาน ก็คือโปรแกรมที่เป็น Chat bot ที่คอยตอบโต้พูดคุยกับลูกค้าเราอัตโนมัติ และจำพวกที่ช่วยบริการจัดการลูกค้าของเรา เช่น ติด Tag จัดกลุ่ม หรือตั้งเวลาส่งข้อความต่างๆล่วงหน้านะครับ มาดูจากภาพกันนะครับ


Line@ : มีโปรแกรมที่มาช่วยตรงนี้ได้ค่อนข้างน้อย เนื่องจาก API ของ Line นั้นไม่ฟรี ถ้าจะเข้าไปจัดการจะต้องเสียเงินซื้อค่า API ซึ่งค่อนข้างแพงมากๆครับ ถ้าจะจัดการก็ทำได้แค่ใน บัญชีของ Line@ ซึ่งไม่ค่อยสะดวกเท่าไรครับ

Facebook Messenger : เนื่องจากมี API ฟรี จึงทำให้มีหลายบริษัท มีโปรแกรมช่วยบริหารจัดการมาให้เราใช้ ค่อนข้างหลายเจ้ามาก จริงๆมีอีกเป็นสิบเจ้า แต่ที่ยกตัวอย่างก็เป็นเจ้าดังๆ และมีคุณภาพที่ดีครับ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก Chat Bot ต่างๆนะครับ สำหรับ Seller Rich เองก็ใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า Manychat เป็นหลักครับในการจัดการ Facebook Messenger เพื่อนๆก็ลองไปใช้ดูกันได้นะครับ

จากเนื้อหาด้านบน จะเห็นได้ว่า Facebook Messenger ดูเหมือนจะดีกว่า มีฟังชั่นต่างๆมากกว่า แต่ทำไมคนถึงยังใช้ Line มากกว่า ?

ลองดูภาพด้านล่างก่อนนะครับ


ในการใช้งานจริงๆ ช่องทางที่เข้ามาใช้งานโปรแกรม หรือการติดต่อบนแหล่งอื่นๆ จะใช้ Line มากกว่าครับ

เช่น เวลาเพื่อนๆถามว่าจะติดต่อพูดคุยด้วยได้อย่างไร หรือตาม เวบไซต์ เวบบอร์ด หรือแม้แต่บน Facebook Group และ Instagram เราก็ยังจะให้ ID Line กับผู้อื่นมากกว่าจะให้ Facebook Messenger จริงไหมครับ ?

งั้นผมจะสรุปแบบนี้ครับ

Facebook Messenger มีข้อดีมากกว่า Line และช่วยให้คุณขายของได้ง่ายกว่าทาง Line ครับ !!

เพราะ Facebook Messenger จะสามารถออกแบบ ลำดับการขาย (Funnel) ได้ดีมากกว่า Line@ ครับ

แต่เราก็จะลืม Line ไปไม่ได้ เพราะยังมีกลุ่มคนที่ใช้ Line เป็นหลักค่อนข้างเยอะมากๆ

เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักปรับตัว และเดินไปตามเกมของผู้ใช้ อย่าไปบังคับเค้า ถ้าเค้าจะคุยด้วย Line ก็ต้องปล่อยเค้าครับ

เช่นถ้าคุณไปลงโฆษณาบน Intagram ลูกค้าส่วนมากก็จะขอ ID Line เป็นปกติครับ 😀

หรือกลุ่มลูกค้าที่ อยู่บนเวบประกาศอย่าง Kaidee หรือเวบบอร์ดอย่าง Pantip หรือบน Twitter ก็ชอบให้ทัก Line มากกว่า เพราะงั้นผม แนะนำให้ใช้ทั้งสองอันครับ แต่ถ้าในบางกรณีที่เลือกได้ ก็ให้ใช้ Facebook Messenger ครับ

ทั้งนี้ก็แล้วแต่กลุ่มลุกค้าของคุณ ช่องทางของคุณด้วยนะครับ

สำหรับ SellerRich เอง เลือกใช้ Facebook Messenger มากกว่า เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่ม วัยรุ่นคนทำงาน จะมีผู้สูงอายุน้อยกว่า และที่สำคัญ ต้องการใช้ตัวช่วยต่างๆ เช่น การทำ Funnel หรือการ Segment กลุ่มลูกค้า เพิ่มเติมด้วยครับ

สรุปในแบบของ Seller Rich

แนะนำให้ใช้ Facebook Messenger มากกว่าถ้าหากสินค้าของคุณต้องมีการ Follow ลูกค้าต่อ มีการนำเสนอการจูงใจลูกค้าเพื่อขายสินค้า (สินค้าราคาสูง, สินค้า Digital Product, สินค้าบริการ) แต่ถ้าซื้อแล้วจบ ไม่ต้องคิดมาก เช่นพวกเสื้อผ้า แฟชั่นต่างๆ Line จะเหมาะกว่าครับ ยังไงก็ลองไปเลือกใช้กันดูนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมอ้างอิงจาก : https://sellerrich.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่