ความเข้าใจเกี่ยวกับ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ที่ตัวเองตั้งข้อสังเกตุ และสรุปออกมาได้ในแบบของผมเอง

ความเข้าใจเกี่ยวกับ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ที่ตัวเองตั้งข้อสังเกตุ และสรุปออกมาได้ในแบบของผมเอง

จากกระทู้เดิม https://ppantip.com/topic/38088477/comment33-1    



**ข้อมูลอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ผมเองก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ  และหากท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไร ก็รบกวนนำมาแชร์กันนะครับ


    เครื่องฟอกอากาศ มันเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ชนิดนึง ที่มีหน้าที่ ทำให้อากาศภายในห้องที่เราอยู่อาศัย มีความบริสุทธิ์ และมีการปนเปื้อนจากอนุภาคต่างๆ เช่นฝุ่นละออง , แบททีเรีย เชื้อโรค ไวรัสต่างๆ , กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่นกลิ่นอาหาร หรือกลิ่นอื่นๆจากสารแคมี เครื่องสำอาง ฯลฯ    โดยทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ ปนเปื้อนกับอากาศที่เราหายใจภายในห้อง ปราศจากสิ่งเหล่านี้หรือน้อยที่สุด! ตามแต่ความสามารถและการกระทำของแต่ละเครื่อง ที่ทางผู้ผลิตออกแบบมา ผมเชื่อว่าเครื่องตั้งแต่ราคาไม่สูง จนถึงเครื่องราคาที่สูงขึ้น สามารถกำจัดปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกัน แต่!.. ความสามารถในการกำจัด ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น รุ่นเริ่มต้น อาจจะเพียงแค่ กำจัดฝุ่นละอองอนุภาคขนาดทั่วไปได้ โดยการใช้แผ่นกรอง ดักจับเอาไว้ และปล่อยอากาศที่ปราศจากสิ่งปนเปื้อนออกมา แต่ ถูกจำกัดความสามารถในเรื่องพื้นที่ที่ครอบคลุมในการทำงานที่เหมาะสมกับเครื่อง , หรือแม้แต่ฟังค์ชั่นอื่นๆ เช่น กำจัดกลิ่นต่างๆ ฆ่าเชื้อโรค เชื้อราคาได้ ตามฟังค์ชั่นที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงราคา

    หลักการทำงานเครื่องฟอกอากาศ พวกนี้ มีเพียงแค่ นำอากาศที่อยู่ในห้องนั้นๆ ดึงเอามาผ่านแผ่นกรอง ชนิดที่นิยมมากในปัจจุบันคือ Hepa ซึ่งเป็นแผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพมากและนิยมใช้ (HEPA filter มีแบ่งไปอีกหลายเกรด) สามารถดักจับ ฝุ่นละออง เชื้อโรค ฯลฯ ที่มีขนาดอนุภาคเล็กมากๆ เอาไว้ได้   เมื่ออากาศที่นำพาเอา สิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ ผ่านแผ่นกรองอากาศ สิ่งปนเปื้อนต่างๆ จะติดและถูกดักไว้ยังแผ่นกรอง อากาศบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งปนเปื้อนที่จะถูกปล่อยออกไปยังช่องลม อีกด้านของตัวเครื่อง โดยมีมอเตอร์พัดลมเป็นทำหน้าที่ ดึงและปล่อยอากาศไปในทิศทาง    นึกถึง พัดลมตั้งโต๊ะ/ตั้งพื้น ลมจะถูกดูดจากหลังใบพัด ส่งมาที่ด้านหน้าใบพัด แต่เครื่องฟอกอากาศจะมีแผ่นกรองวางดักไว้ ในทิศทางที่ลมวิ่งผ่าน นี่คือหลักการง่ายๆของเครื่องฟอกฯอากาศ

    สิ่งอื่นๆ ที่เพิ่มเติมมา เป็นเรื่องของฟังค์ชั่นความสามารถ ตามยุคสมัยที่มีการพัฒนาขึ้น เช่น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณอนุภาค สิ่งเปื้อน ว่ามีปริมาณมากน้อยขนาดไหน และจะทำงานควบคู่กับฟังค์ชั่น auto mode คือการปรับแรงลม แรงดูดเอาอากาศมากหรือน้อย ตามแต่ปริมาณความหนาแน่นของฝุ่นละออง ยิ่งมีฝุ่นละออง สิ่งเปื้อนมาก ระบบ auto mode ก็จะสั่งมอเตอร์พัดลม ปรับแรงลมให้แรงขึ้น เพื่อที่จะนำพาเอา สิ่งปนเปื้อนเข้ามาดักเก็บไว้ที่แผ่นกรอง ในตัวเครื่อง เมื่อไหร่ที่ สิ่งปนเปื้อนมีปริมาณน้อยลงตามกำหนด มอเตอร์ก็จะลดการทำงานลง เป็นต้น

    ฟังค์ชั่นอื่นๆที่เราพบเห็นมากๆ ต่อมา ก็คือ ระบบทำควบคุมและทำความชื้นในอากาศ (humidifier )ในเครื่องฟอกอากาศ รุ่นใหม่ๆ ก็จะมีระบบนี้เพิ่มมา มีกล่องบรรจุน้ำ หน้าที่ของมันคือ เมื่อไหร่ที่ความชื้นในอากาศลดลง (อากาศแห้ง) ระบบทำความชื้นก็จะทำงาน โดยการปล่อยไอน้ำ อนุภาคเล็กมากๆ ให้ปนออกมากับอากาศบริสุทธิ์ ไปตามอากาศภายในห้อง  ทำให้อากาศภายในห้องไม่แห้งจนเกินค่ามาตรฐาน ยิ่งมีอากาศแห้งก็จะทำให้ผิวหนังเราแห้ง ไม่ชุ่มชื่น หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ , นอนเปิดแอร์เย็นมากๆ กลางคืนก็จะคอแห้ง ตื่นมาก็จะเจ็บคอ ระบบควบคุมความชื้นในอากาศ จะช่วยได้มาก มีบางความเห็นบอกว่าเมืองไทยคือเมืองร้อนชื้น ไม่จำเป็นที่ต้องใช้ระบบนี้ ผมเองมองว่าก็ถูกครับ แต่ส่วนตัวผมเลือกฟังค์ชั่นนี้มาใช้ เพราะมเองนอนห้องแอร์ และเปิดอุณหภูมิต่ำ คือนอน เย็นมาก จนอากาศแห้งครับ ผมถึงเลือกฟังค์ชั่นควบคุมและเพิ่มระดับความชื้น

    ต่อมา ก็อาจจะมีแผ่นกรองอากาศ ที่คอยดักเอาอนุภาคกลิ่นต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นทำอาหาร , กลิ่นตัว , กลิ่นบุหรี่ , กลิ่นขยะ ดักเก็บไว้ในแผ่นกรองกลิ่น ซึ่งแผ่นกรองในชั้นนี้ จะถูกสร้างมาจากผงถ่านคาร์บอน และในเครื่องเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบัน นอกจากจะมีแผ่นกรอง hepa แล้ว ก็จะมีแผ่นกรองคาร์บอนสำหรับดักจับกลิ่นควบคู่มาด้วย

    ซึ่งหลักการต่างๆ ของเครื่องฟอกอากาศ จริงๆ ก็จะมีประมาณนี้ครับ ที่เหลือฟังค์ชั่นอื่นๆ ก็มีเพิ่มเข้ามา ก็ลองศึกษา หาข้อมูลดูจากคู่มือนะครับ ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร จะทำให้เรารู้ และใช้งานเครื่องของเราได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และรู้ว่ามันทำอะไรได้ (แนะนำให้โหลดคู่มือของรุ่นที่สนใจ ในเวบไซค์ของผู้ผลิต มาอ่าน มาทำความเข้าใจก่อน)

    ทีนี้ มีหลายท่าน เข้าใจในระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศผิดประเด็น ที่เจอบ่อยๆ คือ ทำไมฝุ่นมันตกลงพื้นเยอะมากๆ ไม่เอาแล้ว เครื่องรุ่นนี้ แบบนี้ นั่นล่ะครับ คือการจัดการกับฝุ่นละออง อย่าลืมนะครับว่า เครื่องฟอกอากาศ หน้าที่คือ “ทำให้ สิ่งปนเปื้อน ฝุ่นละออง เชื้อรา แบททีเรีย เชื้อโรค ที่ลอยอยู่ในอากาศ และเราสูดหายใจเข้าไป ทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้ หายไปให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราหายใจ เอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปได้เต็มที่โดยปราศจากสิ่งปนเปื้อนเหล่านั้น”

ผมขอยกตัวอย่าง ระบบงานทำงานเครื่องฟอกอากาศ ที่มีในปัจจุบัน แบบนี้ครับ (แยกประเภท ตามข้อสังเกตุส่วนตัว)

1.    ระบบดึงเอาอากาศที่อยู่รอบตัวเครื่อง เข้ามาผ่านแผ่นกรองเพื่อ ดักเอาสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ให้ติดอยู่ที่แผ่นกรอง และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกไปให้มากที่สุด    ซึ่งระบบนี้ ผมว่า เหมาะกับห้องที่มี ลักษณะสภาพอากาศ ที่มีฝุ่นละอองขนาดใหญ่ลอยปนเปื้ออยู่ นึกถึงฝุ่นที่มาจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มต่างๆ นะครับ พวกนั้นล่ะ ที่เราหายใจเข้าไป และทำให้เราคัดจมูก แสบจมูก เราจะเห็นฝุ่นขนาดใหญ่พวกนี้ ตกลงบนโต๊ะ บนเฟอร์นิเจอร์ครับ เครื่องฟอกอากาศแบบที่ดึงเอาอากาศเข้าไป จะมีความสามารถดึงเอาฝุ่นละออง พวกนี้และถูกดักจับ ด้วยแผ่นกรอง ได้ดีมาก เครื่องจะถูกออกแบบมาให้มีช่องอากาศเข้า มีขนาดใหญ่ มีการวางทิศทางและมุมที่ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าเครื่อง ด้านข้าง หรือเป็นรูถี่ๆ รอบตัวเครื่อง และการออกแบบในเรื่องหลักการของทิศทางการหมุนวียนของอากาศ เป็นแบบวน คือปล่อยออกและมีทิศทางหมุนตีย้อนกลับ เพื่อนำพาเอาอากาศที่มีสิ่งปนเปื้อน กลับมาฟอกใหม่ ตัวอย่างเครื่องระบบแบบนี้ เช่น Hitachi , Blueair , Xiaomi , Amway เป็นต้น

2.    ระบบการทำงานที่ ใช้หลักการ การปล่อยประจุอนุภาค + และ – ออกมาสลับกันไป เพื่อที่อนุภาคประจุนี้ จะไปจับเอาฝุ่นละอองทั้งอนุภาคใหญ่หรือเล็กจนมองไม่เห็น ทำให้มันมีน้ำหนักและร่วงตกพื้น หรือทำปฎิกริยากับพวกเชื้อรา ไวรัส เพื่อทำลายอนุภาคเหล่านี้ และข้อดีของมันคือ มันก็จะไม่มีฝุ่นละออง ลอยอยู่ในอากาศ หรือมีน้อยที่สุด ทำให้เราหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าใป โดยตัวเครื่องที่มีลักษณะเน้นการทำงานแบบนี้ ก็ยังคงมีแผ่นกรอง Hepa , แผ่นกรองกลิ่น อยู่เช่นกัน และมีหลักการเอาอากาศรอบตัวเครื่องดึงเข้ามาให้ผ่านแผ่นกรอง แล้วส่งอากาศบริสุทธิ์ ออกไป เพียงแต่ อนุภาคประจุที่ปล่อยไป จะถูกปล่อยไปตามอากาศบริสุทธิ์ของตัวเครื่อง แต่เท่าที่ผมสังเกตุตัวเครื่องในระบบนี้ จะไม่ค่อยมีการออกแบบ ช่องสำหรับลมเข้าและทิศทางของอากาศที่ถูกดูดเข้ามายังตัวเครื่อง จะไม่ได้เน้นเรื่องความแรงของลม , ช่องอากาศเข้า ที่อาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพดึงเอาอากาศที่อยู่ไกลๆ เข้ามามากนัก  และใช้การจัดการกับฝุ่นละอองต่างๆ ด้วย ประจุที่กล่าวไป  ซึ่งระบบการปล่อยประจุแบบนี้ จะมีในเฉพาะ ยี่ห้อ Sharp เท่านั้น เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Plasmacluster  เป็นการปล่อยประจุ ion บวกและลบ ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Sharp เท่านั้น แต่ก็เห็นมีแบรนด์อื่นๆที่มีลักษณะการทำงานแบบนี้เช่นกัน แต่จะใช้ชื่ออื่นๆ      ในระบบการปล่อยประจุแบบนี้ น่าจะเหมาะกับ ห้องที่มีฝุ่นขนาดใหญ่หรือเล็ก ลอยอยู่ในอากาศ ปริมาณที่ไม่มากนัก หรือมีพื้นที่กว้าง และมีเวลาในการทำความสะอาดฝุ่นที่ตกพื้นบ่อยๆ พอถึงตอนนี้ นึกออกแล้วใช่ไหมครับว่า การที่ฝุ่นตกลงพื้น ดีหรือไม่ดี นี่เป็นฝุ่นขนาดที่มองเห็นนะ และถ้าอนุภาคเล็กๆที่มองไม่เห็นล่ะ?   สบายใจได้ครับ ไม่ต้องกังวลว่า Plasmacluster ทำงานได้จริงไหม



- แนวคิด การเลือกการใช้งานของเครื่องแบบไหนดี

     สำหรับผม มีแนวคิดในการเลือก จากประสบการณ์ที่อ่าน ศึกษามาจากหลายๆที่ ลองมาหลายรุ่น หลายยี่ห้อ สังเกตุและจับผิด มา ผมมีแนวคิดว่า หากใช้งานในห้องที่มีฝุ่นละอองจากเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม มีตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้อง , แขวนเสื้อผ้า , โซฟาที่เป็นผ้า ผมจะเลือกใช้เครื่อกฟอกอากาศที่มีระบบ ดึงเอาอากาศ รอบตัวเครื่อง เพื่อนำพาเอาอนุภาคฝุ่นละอองต่างๆเหล่านั้น เข้ามาดักไว้ยังแผ่นกรองในตัวเครื่อง ฝุ่นภายในห้องจะลดลงจนสังเกตุได้ครับ นึกถึงว่ามันคือเครื่องดูดฝุ่นเข้าไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฝุ่นหายไป ขนาด 100 เปอร์เซ็นนะครับ มากน้อย ขึ้นอยู่กับ ลักษณะของห้อง สภาพฝุ่นละออง ทิศทางอากาศ ฯลฯ หาก ภายในห้อง ไม่ค่อยมีฝุ่นละออง หรือมีแต่เราสามารถทำความสะอาดได้บ่อยๆ ผมจะเลือกระบบการปล่อยประจุ เพื่อที่กำจัดปัญหาฝุ่นละออง โดยที่ทำให้มันตกพื้น เราก็จะหายใจได้อากาศที่บริสุทธิ์เข้าไป และส่วนตัวผม ผมเลือกใช้ 2 ระบบนี้ ภายในห้องเดียวกัน เช่น ผมจะเอาแบบแรก คือแบบดูดอากาศเอาฝุ่นละอองเข้าไปดักไว้ที่แผ่นกรอง วางไว้ตำแหน่งใกล้ประตู , ข้างตู้เสื้อผ้า , ข้างโซฟาผ้า หรือทิศทางที่เราเดินผ่านเข้าออกบ่อยๆ เพื่อที่เป็นตัวดักฝุ่น  และระบบปล่อยประจุ ผมจะวางไว้ ในตำแหน่งตรงข้ามกับแอร์ เพื่อทิศทางอากาศจากแอร์ที่ถูกปล่อยออกมา จะวิ่งเข้ามายังตัวเครื่อง พัดนำพาเอาสิ่งปนเปื้อนเข้ามาผ่านแผ่นกรอง และตัวเครื่องปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกไป โดยที่มีประจุ ion ไปด้วย ทำให้มันกระจายไป ทำหน้าที่ของมันภายในพื้นที่ในห้องคุมไว้อีกตัวนึง  

    ทั้งหมดนี้ ก็ถือว่าเป็นแนวคิด ที่อยากจะนำมาแชร์ในเครื่องฟอกอากาศนะครับ ซึ่งจะทำให้เราเอาไปประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ และเหมาะกับเรา เหมาะกับสภาพแวดล้อมภายในห้อง ได้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพที่สุดนะครับ

    สุดท้าย ก็อยากจะบอกย้ำอีกครั้งว่า ทั้งหมด เป็นเพียงความเห็น และข้อสังเกตุที่ผมตั้งขึ้นมา จนได้มาเขียนและสรุปออกมาได้ดังนี้ อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการจริง ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ท่านใด มีข้อมูลที่อยากจะแชร์ ก็สามารถนำมาแก้ไข พูดคุยกันได้ ด้วยความยินดี  

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่