สวัสดีครับ ทุกๆท่าน ผมเองก็เป็นคนนึงที่เคยสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ ที่มีหลากหลายราคา ถูกบ้าง และมากแบบมากๆบ้าง มันเห็นผลจริงไหม คุ้มราคาไหม ก็เลยได้ลองซื้อมาใช้งานด้วยรุ่นเริ่มต้น ธรรมดาๆ ราคาประมาณ 3,xxx บาท นับตั้งแต่เครื่องแรก ผ่านมาประมาณ 1 ปีครึ่ง จนถึงตอนนี้ ผมได้ลองขยับขยาย ลองซื้อมาใช้แล้วถึง 4 เครื่อง เลยอยากจะเอาประสบการณ์นี้มาแชร์ และพูดคุยกับทุกๆท่านๆนะครับ และทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเอง จากการใช้งานจริง ไม่ได้รีวิวเพื่อการโฆษณาแต่อย่างใด และจะแลกเปลี่ยน บอกเล่าประสบการณ์ด้วยคำง่ายๆ ส่วนเรื่องทางเทคนิค ผมเองยังขอไม่พูดถึงทราบรายละเอียดเชิงลึกพวกนั้นนะครับ
จากความสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ มันเห็นผลไหม ช่วยเรื่องอะไร ประจวบเหมาะกับจังหวะ คอนโดตกแต่งเสร็จและได้ย้ายมาอยู่คอนโดพอดี เลยจัดเครื่องเรื่อง ในราคาที่พอซื้อได้ง่ายๆ อย่างเช่น Sharp FP-F30TA-H เครื่องเล็กๆ หาซื้อง่าย
หลังจากใช้งานได้สักระยะ ต้องบอกตามตรงว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างใดเลย ระหว่างมีกับไม่มีใช้ ^^ ไม่รู้ว่าเพราะห้องใหญ่เกินขนาดเครื่องไปไหม หลังจากนั้น เกิดความสงสัยว่า ทำไมมันมีขาย ราคาแพงๆ แล้วมีคนใช้งานเยอะแยะ กับเครื่องฟอกอากาศ หรือว่าเราซื้อมา แบบไม่ดี ว่ากันตรงๆ คือถูกเกินไป มันเลยเฉยๆ! ผมคิดแบบนั้นจริงๆครับ ก็เลยได้เริ่มหาข้อมูล จาก pantip นี่ล่ะครับ search ไป ก็เจอแต่ Sharp ชาร์ป และ Sharp ..... ราคาแพงจังพวกรุ่นตัวใหญ่ ตัดสินใจ ไปดูเลยครับ......... ในห้างมีหลายยี่ห้อ แต่สะดุดตาตัวนึงคือ Hitachi EP-A6000 .......
ขอพี่พนักงาน เปิดลองเทียบ Hitachi กับ Sharp รุ่นใหญ่ เทียบกัน ผมมีความรู้สึกว่า เครื่องฟอกอากาศ มันต้องดูดแรงๆ สิ มันคือการที่ดูดอากาศ ดูดฝุ่นเข้าไปเก็บในเครื่อง ซึ่ง Hitachi EP-A6000 ที่เปิดลอง มันดูดแรงกว่า อีกทั้งมีระบบทำความชื้น หน้าตาสวยงาม และเป็นระบบ Inverter อืม... ประหยัดไฟ ลงตัว เลยได้ Hitachi กลับบ้านมา...
หลังจากเปิดใช้งานเริ่มตั้งแต่วันแรก และผ่านไปไม่กี่วัน พบว่า......... นี่สิ เริ่มเห็นผลแล้ว สะบัดผ้า ฝุ่นจากผ้า จากผ้าห่ม มันฟุ้ง ระบบเซ็นเซอร์จับฝุ่นในเครื่อง มันจับได้ เครื่องจะปรับแรงลม เพื่อดูดฝุ่นพวกนี้เข้าไป โดยอัตโนมัติ (แรงลมแบ่งเป็น 3 ระดับ) ยิ่งแรงลมมาก ตัวเครื่องก็จะมีแรงดูด ฝุ่นต่างๆ เข้าเครื่องไปมากตาม เห็นกับตาครับ เริ่มมีความพึงพอใจ อีกทั้งตัวเครื่องสามารถฟอกกลิ่นได้ โดยมีชั้นฟอกกลิ่นด้วย น่าจะเป็นถ่านครับ และแน่นอนครับ เรื่องกลิ่นสามารถกำจัดกลิ่น อาหาร หรือกลิ่นขณะระหว่างทำอาหารได้อย่างดี และเห็นผลชัดเจนครับ ด้วยเซ็นเซอร์ของมันที่ฉลาดมาก มีกลิ่น มีฝุ่น ปุ๊ป ไฟกระพริบแจ้ง แรงลมถูกปรับแรงขึ้นมาตามระดับทันทีครับ ลืมบอกไปว่าช่วงที่ก่อนจะซื้อเครื่องนี้ (Hitachi) ผมเริ่มมีอาการ จาม แล้วครับ อาจจะเนื่องมาจาก พออยู่ห้องในคอนโดไปนานๆ จะเริ่มมีฝุ่น จากเสื้อผ้า ลอยอยู่ในห้อง เชื่อเถอะครับ ว่าจะทำความสะอาดห้องบ่อยแค่ไหน ห้องสะอาดแค่ไหน พวกฝุ่น ผง พวกนี้ มันมาเพิ่มได้ตลอดทุกวัน มันมาจากตัวเรานี่ล่ะครับ เดินไปข้างนอก กลับมา ก็ติดมาด้วย............
ย้อนกลับมา จากอาการ เริ่มไอ จาม ฉุนจมูก พอได้เครื่องฟอกมาใหม่ พบว่า อาการ พวกนี้ เป็นน้อยลง และไม่มีอาการ จาม และฉุนจมูกอีกเลยครับ นานๆๆๆๆ จะเป็นที และตอนนอน พอตื่นมา จากเดิมที่เคยคอแห้ง แสบคอ (ผมเอง ชอบอากาศเย็นๆ เปิดแอร์อุณหภูมิ ต่ำๆ) ก็ไม่แสบ หรือเจ็บคอครับ อาการดีขึ้น
และเมื่อ พอรู้สึกถึงความแตกต่าง ความอยากรู้อยากเห็น อยากลองอะไรใหม่ๆ ก็เริ่มมีความคิดมาครับ......... Sharpppp สิ พลาสมา คลัสเตอร์ ที่เป็นจุดขาย มันคืออะไร มันจะช่วยได้ มากน้อย ขนาดไหน
และแล้ว ก็ Sharp ครับ จัดเป็นรุ่น KC-G60TA-W ตัวใหญ่สุด (ตอนซื้อผมไม่ได้ สนใจเรื่องขนาดห้องนะครับ มีความคิดว่า เครื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดีมั้ง เพราะแรงดูดมันคงเยอะตามขนาดไซส์) หลังจากได้เครื่องมาและใช้งานไปสักระยะ อาการไอ จาม แทบจะไม่มีครับ รู้สึกว่า Hitachi เครื่องที่ใช้งานอยู่ นานๆ จะจามที แต่พอมาเป็น Sharp นี่น้อย จนห่างๆ เลยครับ อันนี้ผ่าน แต่ สิ่งที่แตกต่าง คือ ในห้อง ฝุ่นเยอะขึ้นครับ ฝุ่น มันตกบนเฟอร์นิเจอร์ ใบท็อปที่เป็นกระจกดำ มันเห็นชัดขึ้น เยอะขึ้น ................. และแล้ว อาการไอ จาม ก็เริ่ม มีมาอีกครับ ผมคาดว่า เพราะฝุ่น ผง ที่มันเยอะขึ้น เลยเริ่มหาข้อมูลครับ รีวิว จากหลายๆท่านที่เขียนไว้ ใน pantip ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่รีวิวไว้ พบว่า ระบบของชาร์ป มันทำงานโดยการ ปล่อยประจุ ไปจับให้ฝุ่น ตกพื้น ไม่ลอยในอากาศ ...... ! โอเค เริ่มเข้าใจครับ แต่ ผมเริ่มอึดอัดที่เห็น ฝุ่น ผง เยอะขึ้นมาก ในแต่ละวัน ทำความสะอาด แทบจะวันเว้นวัน ดูดฝุ่นบ่อยมาก .... ทำยังไงดีล่ะ สุดท้าย ผมนึกถึงการทำงานของ Hitachi (ตอนนั้น เครื่องนี้ ผมไม่ได้ใช้เลย ใช้แต่ตัว Sharp)
และแล้ว ความเข้าใจของผม เริ่มมาครับ พบว่า เครื่องฟอกอากาศ แบ่งการทำงานเป็นสองแบบหลักๆ คือ
1. แบบ ปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่นตกพื้น ไม่ลอยในอากาศ
2. แบบ ดัก ดูด ฝุ่ง ละออง เข้ามาเก็บไว้ในแผ่นกรองในเครื่อง
โดยทั้งสองแบบนี้ ผมเอง ชอบการทำงานแบบที่ 2 มากที่สุด คือการ ดัก ดูด เข้ามาเก็บเลยดีกว่า ฝุ่นในห้องน้อยลง ไม่ตกบนเฟอร์นิเจอร์ ให้เป็นที่รำคาญ (ฝุ่น ผงยังมีนะครับ แต่มันน้อยลง) เพราะตอนนี้ ผมสนใจแค่ว่า อยากให้ฝุ่น ผง ในห้องน้อยลง ก็นั่งดู internet ไปเรื่อยๆ เจอ Xiaomi ครับ ........... ความ ซน บังเกิดอีกแล้ว
และไม่นาน ก็ จัด Xiaomi Air Purifier PRO มาใช้ครับ ดูรีวิว อยู่เยอะมาก ตรงความต้องการพอดี เพียงแต่มันไม่มี ระบบทำความชื้นในอากาศ แต่ไม่สำคัญครับ เพราะมีใน Sharp อยู่แล้ว ผมตั้งใจไว้ว่า จะเปิดใช้สองเครื่องในห้องเลย เอาสองระบบมารวมกัน ทั้งปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่นตก และอีกเครื่องก็ให้ดูดเข้าไปในแผ่นกรอง ส่วนหน้าที่ของการทำความชื้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของ Sharp ไป.................... หลังจากใช้งานมาสักระยะ พบว่า Xiaomi Pro ใช้งานได้ดี ตรงความต้องการ ในราคาที่พอดี ฟังคั่นการทำงานก็ถือว่าดี สามารถต่อ wi-fi เพื่อเช็คสถานะอากาศ และสั่งปิด เปิดจากมือถือได้ตลอดเวลา เป็นประโยชน์มากครับ ก่อนกลับห้องมา ก็สั่งเปิดเครื่องไว้รอ ... แต่สิ่งหนึ่ง ที่ยังคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ คือ ระบบเซ็นเซอร์ ผมว่ายังไม่เสถียรนักครับ โดยรวมก็ถือว่าโอเค สมราคามาก
จนถึงตอนนี้ จากที่ผมใช้งานมาในหลายๆเครื่อง ขอสรุปดังนี้นะครับ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์กับหลายๆท่าน ที่กำลังหาเครื่องฟอกอากาศอยู่ ไม่มากก็น้อย หรือเอาไว้อ่านเล่นๆ ครับ
เครื่องฟอกอากาศ แบ่งการทำงานเป็นสองแบบ (นับเฉพาะเรื่อง ฝุ่น ละออง เชื้อโรค ไม่นับฟังค์ชั่นอื่นๆ)
- แบบปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่น ตกลงพื้น หรือฆ่าเชื้อโรคได้ในอากาศเลย โดยผ่านประจุ ที่ส่งออกมาจากเครื่อง ระบบนี้มีในหลายยี่ห้อ
- แบบ ลมดูด เข้าเครื่อง ผ่านแผ่นกรอง โดย ฝุ่น ละออง หรือเชื้อโรค ถูกดักเก็บไว้ในแผ่นกรอง (hepa) ที่ออกแบบไว้สำหรับกรอง การทำงานแบบนี้ ก็มีในหลายๆ ยี่ห้อเช่นกัน
ฟังค์ชั่นอื่นๆ
- ระบบทำความชื้นในอากาศ หากเราใช้ในห้องแอร์ อากาศจะแห้ง เครื่องฟอกก็จะมีระบบนร้เข้ามาเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ
- ระบบ กรองกลิ่น ก็จะมีในเฉพาะรุ่น เฉพาะยี่ห้อครับ ส่วนใหญ่เป็นผงคาร์บอน เหมือนถ่าน เอาไว้ดักกลิ่น
- ฟังค์ชั่น เชื่อมต่อ โทรศัพท์มือถือ ผ่าน app สำหรับ ตรวจเช็คค่าอากาศ การเปิดปิดเครื่อง ฯลฯ
และเครื่องฟอกอากาศ ทำงานเห็นผลจริงครับ แต่อาจจะต้องดูขนาดห้อง และไซส์การทำงานของเครื่องให้เหมาะสม จากที่ผมซื้อเครื่องแรกมา ตัวถูก เครื่องเล็ก พบว่าไม่เห็นผลใดๆ
ส่วนตัว ผมก็ยังชอบการทำงาน แบบดูด ดักเก็บฝุ่น ผง ละออง และเชื้อโรค ครับ จากทั้งหมดที่เคยใช้มา ส่วนตัวเทคะแนนให้ Hitachi EP-A6000 นิดๆ ^^ และเป้าหมายต่อไป อยากลอง แบรนด์อย่าง Blueair ครับ ไม่รู้ว่า มีใครใช้บ้าง รบกวนแชร์ประสบการณ์หน่อยนะครับ หรือท่านอื่นๆ ที่ใช้ยี่ห้ออื่นๆ มาช่วยกัยแชร์ความคิดเห็นกันได้เลยนะครับ
[CR] ความอยากรู้ เกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ ว่ามันจะเห็นผลจริงไหม บอกเล่าจากความรู้สึกล้วนๆ ของ 4 เครื่องที่มี
จากความสงสัยว่า เครื่องฟอกอากาศ มันเห็นผลไหม ช่วยเรื่องอะไร ประจวบเหมาะกับจังหวะ คอนโดตกแต่งเสร็จและได้ย้ายมาอยู่คอนโดพอดี เลยจัดเครื่องเรื่อง ในราคาที่พอซื้อได้ง่ายๆ อย่างเช่น Sharp FP-F30TA-H เครื่องเล็กๆ หาซื้อง่าย
หลังจากใช้งานได้สักระยะ ต้องบอกตามตรงว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างใดเลย ระหว่างมีกับไม่มีใช้ ^^ ไม่รู้ว่าเพราะห้องใหญ่เกินขนาดเครื่องไปไหม หลังจากนั้น เกิดความสงสัยว่า ทำไมมันมีขาย ราคาแพงๆ แล้วมีคนใช้งานเยอะแยะ กับเครื่องฟอกอากาศ หรือว่าเราซื้อมา แบบไม่ดี ว่ากันตรงๆ คือถูกเกินไป มันเลยเฉยๆ! ผมคิดแบบนั้นจริงๆครับ ก็เลยได้เริ่มหาข้อมูล จาก pantip นี่ล่ะครับ search ไป ก็เจอแต่ Sharp ชาร์ป และ Sharp ..... ราคาแพงจังพวกรุ่นตัวใหญ่ ตัดสินใจ ไปดูเลยครับ......... ในห้างมีหลายยี่ห้อ แต่สะดุดตาตัวนึงคือ Hitachi EP-A6000 .......
ขอพี่พนักงาน เปิดลองเทียบ Hitachi กับ Sharp รุ่นใหญ่ เทียบกัน ผมมีความรู้สึกว่า เครื่องฟอกอากาศ มันต้องดูดแรงๆ สิ มันคือการที่ดูดอากาศ ดูดฝุ่นเข้าไปเก็บในเครื่อง ซึ่ง Hitachi EP-A6000 ที่เปิดลอง มันดูดแรงกว่า อีกทั้งมีระบบทำความชื้น หน้าตาสวยงาม และเป็นระบบ Inverter อืม... ประหยัดไฟ ลงตัว เลยได้ Hitachi กลับบ้านมา...
หลังจากเปิดใช้งานเริ่มตั้งแต่วันแรก และผ่านไปไม่กี่วัน พบว่า......... นี่สิ เริ่มเห็นผลแล้ว สะบัดผ้า ฝุ่นจากผ้า จากผ้าห่ม มันฟุ้ง ระบบเซ็นเซอร์จับฝุ่นในเครื่อง มันจับได้ เครื่องจะปรับแรงลม เพื่อดูดฝุ่นพวกนี้เข้าไป โดยอัตโนมัติ (แรงลมแบ่งเป็น 3 ระดับ) ยิ่งแรงลมมาก ตัวเครื่องก็จะมีแรงดูด ฝุ่นต่างๆ เข้าเครื่องไปมากตาม เห็นกับตาครับ เริ่มมีความพึงพอใจ อีกทั้งตัวเครื่องสามารถฟอกกลิ่นได้ โดยมีชั้นฟอกกลิ่นด้วย น่าจะเป็นถ่านครับ และแน่นอนครับ เรื่องกลิ่นสามารถกำจัดกลิ่น อาหาร หรือกลิ่นขณะระหว่างทำอาหารได้อย่างดี และเห็นผลชัดเจนครับ ด้วยเซ็นเซอร์ของมันที่ฉลาดมาก มีกลิ่น มีฝุ่น ปุ๊ป ไฟกระพริบแจ้ง แรงลมถูกปรับแรงขึ้นมาตามระดับทันทีครับ ลืมบอกไปว่าช่วงที่ก่อนจะซื้อเครื่องนี้ (Hitachi) ผมเริ่มมีอาการ จาม แล้วครับ อาจจะเนื่องมาจาก พออยู่ห้องในคอนโดไปนานๆ จะเริ่มมีฝุ่น จากเสื้อผ้า ลอยอยู่ในห้อง เชื่อเถอะครับ ว่าจะทำความสะอาดห้องบ่อยแค่ไหน ห้องสะอาดแค่ไหน พวกฝุ่น ผง พวกนี้ มันมาเพิ่มได้ตลอดทุกวัน มันมาจากตัวเรานี่ล่ะครับ เดินไปข้างนอก กลับมา ก็ติดมาด้วย............
ย้อนกลับมา จากอาการ เริ่มไอ จาม ฉุนจมูก พอได้เครื่องฟอกมาใหม่ พบว่า อาการ พวกนี้ เป็นน้อยลง และไม่มีอาการ จาม และฉุนจมูกอีกเลยครับ นานๆๆๆๆ จะเป็นที และตอนนอน พอตื่นมา จากเดิมที่เคยคอแห้ง แสบคอ (ผมเอง ชอบอากาศเย็นๆ เปิดแอร์อุณหภูมิ ต่ำๆ) ก็ไม่แสบ หรือเจ็บคอครับ อาการดีขึ้น
และเมื่อ พอรู้สึกถึงความแตกต่าง ความอยากรู้อยากเห็น อยากลองอะไรใหม่ๆ ก็เริ่มมีความคิดมาครับ......... Sharpppp สิ พลาสมา คลัสเตอร์ ที่เป็นจุดขาย มันคืออะไร มันจะช่วยได้ มากน้อย ขนาดไหน
และแล้ว ก็ Sharp ครับ จัดเป็นรุ่น KC-G60TA-W ตัวใหญ่สุด (ตอนซื้อผมไม่ได้ สนใจเรื่องขนาดห้องนะครับ มีความคิดว่า เครื่องยิ่งใหญ่ยิ่งดีมั้ง เพราะแรงดูดมันคงเยอะตามขนาดไซส์) หลังจากได้เครื่องมาและใช้งานไปสักระยะ อาการไอ จาม แทบจะไม่มีครับ รู้สึกว่า Hitachi เครื่องที่ใช้งานอยู่ นานๆ จะจามที แต่พอมาเป็น Sharp นี่น้อย จนห่างๆ เลยครับ อันนี้ผ่าน แต่ สิ่งที่แตกต่าง คือ ในห้อง ฝุ่นเยอะขึ้นครับ ฝุ่น มันตกบนเฟอร์นิเจอร์ ใบท็อปที่เป็นกระจกดำ มันเห็นชัดขึ้น เยอะขึ้น ................. และแล้ว อาการไอ จาม ก็เริ่ม มีมาอีกครับ ผมคาดว่า เพราะฝุ่น ผง ที่มันเยอะขึ้น เลยเริ่มหาข้อมูลครับ รีวิว จากหลายๆท่านที่เขียนไว้ ใน pantip ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่รีวิวไว้ พบว่า ระบบของชาร์ป มันทำงานโดยการ ปล่อยประจุ ไปจับให้ฝุ่น ตกพื้น ไม่ลอยในอากาศ ...... ! โอเค เริ่มเข้าใจครับ แต่ ผมเริ่มอึดอัดที่เห็น ฝุ่น ผง เยอะขึ้นมาก ในแต่ละวัน ทำความสะอาด แทบจะวันเว้นวัน ดูดฝุ่นบ่อยมาก .... ทำยังไงดีล่ะ สุดท้าย ผมนึกถึงการทำงานของ Hitachi (ตอนนั้น เครื่องนี้ ผมไม่ได้ใช้เลย ใช้แต่ตัว Sharp)
และแล้ว ความเข้าใจของผม เริ่มมาครับ พบว่า เครื่องฟอกอากาศ แบ่งการทำงานเป็นสองแบบหลักๆ คือ
1. แบบ ปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่นตกพื้น ไม่ลอยในอากาศ
2. แบบ ดัก ดูด ฝุ่ง ละออง เข้ามาเก็บไว้ในแผ่นกรองในเครื่อง
โดยทั้งสองแบบนี้ ผมเอง ชอบการทำงานแบบที่ 2 มากที่สุด คือการ ดัก ดูด เข้ามาเก็บเลยดีกว่า ฝุ่นในห้องน้อยลง ไม่ตกบนเฟอร์นิเจอร์ ให้เป็นที่รำคาญ (ฝุ่น ผงยังมีนะครับ แต่มันน้อยลง) เพราะตอนนี้ ผมสนใจแค่ว่า อยากให้ฝุ่น ผง ในห้องน้อยลง ก็นั่งดู internet ไปเรื่อยๆ เจอ Xiaomi ครับ ........... ความ ซน บังเกิดอีกแล้ว
และไม่นาน ก็ จัด Xiaomi Air Purifier PRO มาใช้ครับ ดูรีวิว อยู่เยอะมาก ตรงความต้องการพอดี เพียงแต่มันไม่มี ระบบทำความชื้นในอากาศ แต่ไม่สำคัญครับ เพราะมีใน Sharp อยู่แล้ว ผมตั้งใจไว้ว่า จะเปิดใช้สองเครื่องในห้องเลย เอาสองระบบมารวมกัน ทั้งปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่นตก และอีกเครื่องก็ให้ดูดเข้าไปในแผ่นกรอง ส่วนหน้าที่ของการทำความชื้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของ Sharp ไป.................... หลังจากใช้งานมาสักระยะ พบว่า Xiaomi Pro ใช้งานได้ดี ตรงความต้องการ ในราคาที่พอดี ฟังคั่นการทำงานก็ถือว่าดี สามารถต่อ wi-fi เพื่อเช็คสถานะอากาศ และสั่งปิด เปิดจากมือถือได้ตลอดเวลา เป็นประโยชน์มากครับ ก่อนกลับห้องมา ก็สั่งเปิดเครื่องไว้รอ ... แต่สิ่งหนึ่ง ที่ยังคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ คือ ระบบเซ็นเซอร์ ผมว่ายังไม่เสถียรนักครับ โดยรวมก็ถือว่าโอเค สมราคามาก
จนถึงตอนนี้ จากที่ผมใช้งานมาในหลายๆเครื่อง ขอสรุปดังนี้นะครับ เผื่อจะได้เป็นประโยชน์กับหลายๆท่าน ที่กำลังหาเครื่องฟอกอากาศอยู่ ไม่มากก็น้อย หรือเอาไว้อ่านเล่นๆ ครับ
เครื่องฟอกอากาศ แบ่งการทำงานเป็นสองแบบ (นับเฉพาะเรื่อง ฝุ่น ละออง เชื้อโรค ไม่นับฟังค์ชั่นอื่นๆ)
- แบบปล่อยประจุ ทำให้ฝุ่น ตกลงพื้น หรือฆ่าเชื้อโรคได้ในอากาศเลย โดยผ่านประจุ ที่ส่งออกมาจากเครื่อง ระบบนี้มีในหลายยี่ห้อ
- แบบ ลมดูด เข้าเครื่อง ผ่านแผ่นกรอง โดย ฝุ่น ละออง หรือเชื้อโรค ถูกดักเก็บไว้ในแผ่นกรอง (hepa) ที่ออกแบบไว้สำหรับกรอง การทำงานแบบนี้ ก็มีในหลายๆ ยี่ห้อเช่นกัน
ฟังค์ชั่นอื่นๆ
- ระบบทำความชื้นในอากาศ หากเราใช้ในห้องแอร์ อากาศจะแห้ง เครื่องฟอกก็จะมีระบบนร้เข้ามาเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ
- ระบบ กรองกลิ่น ก็จะมีในเฉพาะรุ่น เฉพาะยี่ห้อครับ ส่วนใหญ่เป็นผงคาร์บอน เหมือนถ่าน เอาไว้ดักกลิ่น
- ฟังค์ชั่น เชื่อมต่อ โทรศัพท์มือถือ ผ่าน app สำหรับ ตรวจเช็คค่าอากาศ การเปิดปิดเครื่อง ฯลฯ
และเครื่องฟอกอากาศ ทำงานเห็นผลจริงครับ แต่อาจจะต้องดูขนาดห้อง และไซส์การทำงานของเครื่องให้เหมาะสม จากที่ผมซื้อเครื่องแรกมา ตัวถูก เครื่องเล็ก พบว่าไม่เห็นผลใดๆ
ส่วนตัว ผมก็ยังชอบการทำงาน แบบดูด ดักเก็บฝุ่น ผง ละออง และเชื้อโรค ครับ จากทั้งหมดที่เคยใช้มา ส่วนตัวเทคะแนนให้ Hitachi EP-A6000 นิดๆ ^^ และเป้าหมายต่อไป อยากลอง แบรนด์อย่าง Blueair ครับ ไม่รู้ว่า มีใครใช้บ้าง รบกวนแชร์ประสบการณ์หน่อยนะครับ หรือท่านอื่นๆ ที่ใช้ยี่ห้ออื่นๆ มาช่วยกัยแชร์ความคิดเห็นกันได้เลยนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้