สวัสดีคับวันนี้เราจะมาต่อกันที่เมือง Saga
ความเดิมจากกระทู้ที่แล้ว
วันที่ 1 :
https://ppantip.com/topic/38524169
กระทู้ถัดไป
วันที่ 3 :
https://ppantip.com/topic/38529662
วันที่ 4 :
https://ppantip.com/topic/38534288
วันที่ 5 :
https://ppantip.com/topic/38537324
วันที่ 6+7 :
https://ppantip.com/topic/38539710
วันนี้ต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวเมือง Saga ซึ่งตามแพลนต้องนั่งรถไฟใต้ดินไป โดยระหว่างทางไปใต้ดินก้ได้แวะซื้อแซนวิชมากิน
เปนข้าวเช้าเพื่อที่จะได้เอาเวลากินข้าวเช้าไปใช้ร่วมกับเวลาเดินทาง (อะไรที่ทำให้ได้นอนนานขึ้นทำมันให้หมด
) พอไปถึงสถานีแถวโรงแรมก้ซื้อตั๋วรถไฟไปสถานี Meinohama ราคา 300 เยน แต่เราจะไปลงที่สถานี Karatsu อ่างงอะดิ ตอนแรกที่เค้าอธิบายมาก้งงเหมือนกัน คือรถไฟสายนี้ช่วงที่วิ่งในเมือง Hakata จะให้บริการโดยบริษัทรถไฟของเมือง Hakata แต่พอเลยสถานี Meinohama ไปจะเปนของ JR ซึ่งก้เปนขบวนเดิมด้วยนะไม่ต้องเปลี่ยนขบวนให้เมื่อยสามารถหลับไปยาวๆได้เลย (ความจิงตรงนี้เราสามารถซื้อตั๋วที่ราคาถูกที่สุดได้เพราะตอนลงมันเปนสถานีของ JR ที่เราสามารถโชว์ JR Pass ตอนออกได้ แต่ก้ขอร้องละอย่าไปทำกันเลยนะอายเค้า
)
เมื่อมาถึงและเดินออกมาจากสถานีได้สักระยะหนึ่งก้เหนศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างเยอะก้เลยเดินตามฝูงชนเข้าไปไหว้ขอพร (แวะซะหน่อยละกันเวลาน่าจะเหลือๆ 555)
ขอพรเส็ดก้เดินกันต่อเพื่อไปยังเป้าหมายแรกของเราในวันนี้นั่นก้คือปราสาท Karatsu ที่ตั้งอยุบนเนินเขาบริเวณปากอ่าวของตัวเมือง
โดยกว่าจะไปถึงตัวปราสาทได้ต้องเดินขึ้นบันไดหินไปประมาณ 100 ขั้นแนะ (คุณพ่อเกือบขึ้นไม่ไหว
) หลังจากนั้นก้ซื้อบัตรเข้าชมราคา 500 เยนเพื่อเข้าชมภายในตัวประสาท ซึ่งก้จะมีอธิบายประวัติความเปนมาของปราสาทและเมืองแห่งนี้รึเปล่านะ? ส่วนชั้นบนสุดจะสามารถออกไปเดินชมวิวเมืองตรงระเบียงได้ซึ่งจากตรงนั้นสามารถมองเหนเมืองได้ 360 องศาเลย
พอชมปราสาทจนหนำใจก้เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Karatsu เพื่อเดินทางไปกินข้าวเที่ยงแถวสถานี Saga
แต่พอไปถึงปรากฎว่าร้านปิดปีใหม่ (บายจ้า
) เลยต้องไปหาไรกินภายในสถานี Saga ที่ยังพอมีร้าน Fast Food เปิดอยุ
หลังจากกินข้าวเที่ยงเส็ดเราก้นั่งรถไฟไปสถานี Yoshinogari เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ถัดไป ซึ่งอยุไม่ไกลจากสถานีนี้มากนัก โดยที่แห่งนั้นก้คืออุทธยานประวัติศาสตร์ Yoshinogari นั่นเอง (แค่ทางเข้าก้อลังการละ)
อุทธยานนี้ต้องจ่ายค่าเข้าชม 420 เยน (ที่นี่มีแผ่นพับภาษาไทยด้วยน้า ใครไปก้ขอเจ้าหน้าที่เค้าได้นะ) ซึ่งสำหรับเราถือว่าถูกมากเพราะอุทธยานนี้โคดจะใหญ่ คือถ้าอยากเดินให้ทั่วนี่น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันได้อะ แต่เนื่องจากเรายังมีที่ที่ต้องไปต่อกันอีกเลยเลือกเก็บแต่ที่ที่เปนไฮไลท์ของที่นี่
เริ่มต้นกันด้วยตัวเมืองชั้นในที่มีบ้านของหัวหน้าเผ่าและป้อมปราการตั้งอยุ (ภาพนี้ถ่ายจากบนป้อมปราการ)
ส่วนต่อไปจะเปนที่ประกอบพิธีกรรม โดยบ้านที่ใช้ประกอบพิธีกรรมเปนบ้านที่ใหญ่ที่สุดในอุทธยานแห่งนี้เลย (ใหญ่กว่าบ้านหัวหน้าเผ่าอีก
)
และส่วนสุดท้ายที่พอจะมีเวลาไปชมก้คือหลุมฝังศพของหมู่บ้าน โดยคนที่นี่เค้าจะเอาศพใส่ในโรงที่หน้าตาเหมือนโอ่งสองอันประกบกันก่อนฝังตามรูปด้านล่างเลย
เส็ดจากสวนแห่งนี้เราก้เดินกลับมานั่งรถไฟไปลงสถานี Saga เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟไปสถานี Hizen Kashima และต่อรถบัสจากหน้าสถานีเพื่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ (หลายต่อจังแฮะ) โดยสถานที่ที่เปนเป้าหมายสุดท้ายของเราในวันนี้ก้คือศาลเจ้า Yutoku Inari
แต่การไปที่นี่ในวันปีใหม่นั้นก้ไม่ได้ราบรื่นเลย พอเรามาถึงสถานีรถบัส ในนั้นไม่มีใครอยุเลยแต่ก้สามารถเปิดประตูเข้าไปรอในสถานีได้ รอจนเกินเวลาที่รถบัสควรจะมาถึงไปประมาณ 10 นาทีก้เริ่มคิดว่าหรือว่าวันนี้รถมันจะไม่วิ่งหว่า เลยเดินกลับไปที่สถานี Informantion
ก้เจือกปิดอีก เจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าก้คุยไม่รุเรื่อง
สรุปก้ตัดสินใจที่จะใช้ตัวเลือกสุดท้ายคือนั่งแท็กซี่ไป (โดนแท็กซี่-ตังอีกแล้วจ้า
) นั่งไปสักพักก้เหนว่ารถโคดติด แต่แท็กซี่ที่นั่งไปคนขับโคดเทพพาเข้าข้างทางแบบเปนทางเลนเดี่ยวขับผ่านรถติดไปเปน 100 คันและถึงที่หมายอย่างรวดเร็วด้วยค่าบริการประมาณ 1000 เยน (เปนที่ไทยคงไปต่อคิวรถติด-ตังลูกค้าเล่น
)
และแล้วก้มาถึงที่ที่เราให้เปนดาเบสของทริปนี้เลย (สวยมากๆๆๆ แนะนำต้องอยุถึงตอนเปิดไฟ)
เนื่องด้วยวันนี้เปนวันปีใหม่ซึ่งเปนวันที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรกัน คนเลยโคดแออัด
กว่าจะได้ขอพรต่อคิวโคดนาน พอขอพรข้างล่างเส็ดเดินไปข้างบนก้มีที่ขอพรอีกที่
โอเคไหนๆก้มาละจัดไป
พอเดินต่อมาอีกหน่อยก้จะมีซุ้มประตูแดงตั้งเรียงกันไปบนทางขึ้นเขา
ซึ่งเราก้ไม่ได้ไปต่อเพราะคุณพ่อไม่น่าจะขึ้นไหวละ เลยตัดสินใจจบการเดินทางในวันนี้ลงเพียงเท่านี้
ตามแพลนต้องไปกินมื้อเย็นแถวสถานี Saga แต่ดูจากร้านที่เปิดในวันนี้แล้ว ร้านนี้ก้ไม่น่ารอด
ระหว่างที่ไม่รุว่าจะเอาไงกะ
ชีวิตดีอยุนั้นก้เหนว่าข้างนอกมันมีงานวัดซึ่งก้มีซุ้มอาหารตั้งอยุเต็มเลย (แต้งก๊อดดด) เราเลยเลือกที่จะหาของกินเล่นภายในงานวัดแทนที่จะไปเสี่ยงกับหนทางอันมืดมนข้างหน้า โดยภายในงานก้จะมีพวกของปิ้งย่าง ยากิโซบะ ทาโกยากิ ฯลฯ ซึ่งกว่าจะอิ่มก้หมดเงินไปประมาณ 2000 เยน
พอกินจนอิ่มก้มารอที่จุดขึ้นรถบัส แต่แล้วก้เหมือนเดิมคือไม่มีเจ้าหน้าที่อยุในสถานีเลย
แล้วตรงนี้ก้ไม่มีแท็กซี่ให้เรียกด้วย
เราก้พูดญี่ปุ่นถามคนแถวนั้นไม่เปนอีก
(เอาไงดีวะเนี่ย) สุดท้ายก้ไลน์ไปหาทาง MeTrip ให้เค้ามาคุยกะคนแถวนั้นถามว่าวันนี้มีรถบัสวิ่งป่าว ซึ่งก้ได้ความว่ายังมีอยุ เลยไปรอในสถานีต่อ และแล้วในที่สุดบัสก้มารับ (รอดตัวไป) เราก้ขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานี Hizen kashima (ค่ารถบัส 320 เยน) แล้วก้ต่อรถไฟยาวๆไปลงสถานี Hakata
พอกลับมาถึงก้เหนว่าแถวสถานีมีประดับไฟด้วยเลยไปถ่ายรูปเล่นซะหน่อย
ถ่ายเส็ดก้เดินกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เปนอันจบวันที่ 2
ต่อกันที่วันที่ 3 :
https://ppantip.com/topic/38529662
[CR] เที่ยวเกาะคิวชูช่วงปีใหม่ 7 วัน 6 คืน : วันที่ 2
ความเดิมจากกระทู้ที่แล้ว
วันที่ 1 : https://ppantip.com/topic/38524169
กระทู้ถัดไป
วันที่ 3 : https://ppantip.com/topic/38529662
วันที่ 4 : https://ppantip.com/topic/38534288
วันที่ 5 : https://ppantip.com/topic/38537324
วันที่ 6+7 : https://ppantip.com/topic/38539710
วันนี้ต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวเมือง Saga ซึ่งตามแพลนต้องนั่งรถไฟใต้ดินไป โดยระหว่างทางไปใต้ดินก้ได้แวะซื้อแซนวิชมากิน
เปนข้าวเช้าเพื่อที่จะได้เอาเวลากินข้าวเช้าไปใช้ร่วมกับเวลาเดินทาง (อะไรที่ทำให้ได้นอนนานขึ้นทำมันให้หมด ) พอไปถึงสถานีแถวโรงแรมก้ซื้อตั๋วรถไฟไปสถานี Meinohama ราคา 300 เยน แต่เราจะไปลงที่สถานี Karatsu อ่างงอะดิ ตอนแรกที่เค้าอธิบายมาก้งงเหมือนกัน คือรถไฟสายนี้ช่วงที่วิ่งในเมือง Hakata จะให้บริการโดยบริษัทรถไฟของเมือง Hakata แต่พอเลยสถานี Meinohama ไปจะเปนของ JR ซึ่งก้เปนขบวนเดิมด้วยนะไม่ต้องเปลี่ยนขบวนให้เมื่อยสามารถหลับไปยาวๆได้เลย (ความจิงตรงนี้เราสามารถซื้อตั๋วที่ราคาถูกที่สุดได้เพราะตอนลงมันเปนสถานีของ JR ที่เราสามารถโชว์ JR Pass ตอนออกได้ แต่ก้ขอร้องละอย่าไปทำกันเลยนะอายเค้า)
เมื่อมาถึงและเดินออกมาจากสถานีได้สักระยะหนึ่งก้เหนศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่มีคนค่อนข้างเยอะก้เลยเดินตามฝูงชนเข้าไปไหว้ขอพร (แวะซะหน่อยละกันเวลาน่าจะเหลือๆ 555)
ขอพรเส็ดก้เดินกันต่อเพื่อไปยังเป้าหมายแรกของเราในวันนี้นั่นก้คือปราสาท Karatsu ที่ตั้งอยุบนเนินเขาบริเวณปากอ่าวของตัวเมือง
โดยกว่าจะไปถึงตัวปราสาทได้ต้องเดินขึ้นบันไดหินไปประมาณ 100 ขั้นแนะ (คุณพ่อเกือบขึ้นไม่ไหว ) หลังจากนั้นก้ซื้อบัตรเข้าชมราคา 500 เยนเพื่อเข้าชมภายในตัวประสาท ซึ่งก้จะมีอธิบายประวัติความเปนมาของปราสาทและเมืองแห่งนี้รึเปล่านะ? ส่วนชั้นบนสุดจะสามารถออกไปเดินชมวิวเมืองตรงระเบียงได้ซึ่งจากตรงนั้นสามารถมองเหนเมืองได้ 360 องศาเลย
พอชมปราสาทจนหนำใจก้เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Karatsu เพื่อเดินทางไปกินข้าวเที่ยงแถวสถานี Saga
แต่พอไปถึงปรากฎว่าร้านปิดปีใหม่ (บายจ้า ) เลยต้องไปหาไรกินภายในสถานี Saga ที่ยังพอมีร้าน Fast Food เปิดอยุ
หลังจากกินข้าวเที่ยงเส็ดเราก้นั่งรถไฟไปสถานี Yoshinogari เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ถัดไป ซึ่งอยุไม่ไกลจากสถานีนี้มากนัก โดยที่แห่งนั้นก้คืออุทธยานประวัติศาสตร์ Yoshinogari นั่นเอง (แค่ทางเข้าก้อลังการละ)
อุทธยานนี้ต้องจ่ายค่าเข้าชม 420 เยน (ที่นี่มีแผ่นพับภาษาไทยด้วยน้า ใครไปก้ขอเจ้าหน้าที่เค้าได้นะ) ซึ่งสำหรับเราถือว่าถูกมากเพราะอุทธยานนี้โคดจะใหญ่ คือถ้าอยากเดินให้ทั่วนี่น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันได้อะ แต่เนื่องจากเรายังมีที่ที่ต้องไปต่อกันอีกเลยเลือกเก็บแต่ที่ที่เปนไฮไลท์ของที่นี่
เริ่มต้นกันด้วยตัวเมืองชั้นในที่มีบ้านของหัวหน้าเผ่าและป้อมปราการตั้งอยุ (ภาพนี้ถ่ายจากบนป้อมปราการ)
ส่วนต่อไปจะเปนที่ประกอบพิธีกรรม โดยบ้านที่ใช้ประกอบพิธีกรรมเปนบ้านที่ใหญ่ที่สุดในอุทธยานแห่งนี้เลย (ใหญ่กว่าบ้านหัวหน้าเผ่าอีก )
และส่วนสุดท้ายที่พอจะมีเวลาไปชมก้คือหลุมฝังศพของหมู่บ้าน โดยคนที่นี่เค้าจะเอาศพใส่ในโรงที่หน้าตาเหมือนโอ่งสองอันประกบกันก่อนฝังตามรูปด้านล่างเลย
เส็ดจากสวนแห่งนี้เราก้เดินกลับมานั่งรถไฟไปลงสถานี Saga เพื่อเปลี่ยนขบวนรถไฟไปสถานี Hizen Kashima และต่อรถบัสจากหน้าสถานีเพื่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้ (หลายต่อจังแฮะ) โดยสถานที่ที่เปนเป้าหมายสุดท้ายของเราในวันนี้ก้คือศาลเจ้า Yutoku Inari
แต่การไปที่นี่ในวันปีใหม่นั้นก้ไม่ได้ราบรื่นเลย พอเรามาถึงสถานีรถบัส ในนั้นไม่มีใครอยุเลยแต่ก้สามารถเปิดประตูเข้าไปรอในสถานีได้ รอจนเกินเวลาที่รถบัสควรจะมาถึงไปประมาณ 10 นาทีก้เริ่มคิดว่าหรือว่าวันนี้รถมันจะไม่วิ่งหว่า เลยเดินกลับไปที่สถานี Informantion
ก้เจือกปิดอีก เจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าก้คุยไม่รุเรื่อง สรุปก้ตัดสินใจที่จะใช้ตัวเลือกสุดท้ายคือนั่งแท็กซี่ไป (โดนแท็กซี่-ตังอีกแล้วจ้า ) นั่งไปสักพักก้เหนว่ารถโคดติด แต่แท็กซี่ที่นั่งไปคนขับโคดเทพพาเข้าข้างทางแบบเปนทางเลนเดี่ยวขับผ่านรถติดไปเปน 100 คันและถึงที่หมายอย่างรวดเร็วด้วยค่าบริการประมาณ 1000 เยน (เปนที่ไทยคงไปต่อคิวรถติด-ตังลูกค้าเล่น )
และแล้วก้มาถึงที่ที่เราให้เปนดาเบสของทริปนี้เลย (สวยมากๆๆๆ แนะนำต้องอยุถึงตอนเปิดไฟ)
เนื่องด้วยวันนี้เปนวันปีใหม่ซึ่งเปนวันที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรกัน คนเลยโคดแออัด
กว่าจะได้ขอพรต่อคิวโคดนาน พอขอพรข้างล่างเส็ดเดินไปข้างบนก้มีที่ขอพรอีกที่ โอเคไหนๆก้มาละจัดไป
พอเดินต่อมาอีกหน่อยก้จะมีซุ้มประตูแดงตั้งเรียงกันไปบนทางขึ้นเขา
ซึ่งเราก้ไม่ได้ไปต่อเพราะคุณพ่อไม่น่าจะขึ้นไหวละ เลยตัดสินใจจบการเดินทางในวันนี้ลงเพียงเท่านี้
ตามแพลนต้องไปกินมื้อเย็นแถวสถานี Saga แต่ดูจากร้านที่เปิดในวันนี้แล้ว ร้านนี้ก้ไม่น่ารอด ระหว่างที่ไม่รุว่าจะเอาไงกะ
ชีวิตดีอยุนั้นก้เหนว่าข้างนอกมันมีงานวัดซึ่งก้มีซุ้มอาหารตั้งอยุเต็มเลย (แต้งก๊อดดด) เราเลยเลือกที่จะหาของกินเล่นภายในงานวัดแทนที่จะไปเสี่ยงกับหนทางอันมืดมนข้างหน้า โดยภายในงานก้จะมีพวกของปิ้งย่าง ยากิโซบะ ทาโกยากิ ฯลฯ ซึ่งกว่าจะอิ่มก้หมดเงินไปประมาณ 2000 เยน
พอกินจนอิ่มก้มารอที่จุดขึ้นรถบัส แต่แล้วก้เหมือนเดิมคือไม่มีเจ้าหน้าที่อยุในสถานีเลย แล้วตรงนี้ก้ไม่มีแท็กซี่ให้เรียกด้วย เราก้พูดญี่ปุ่นถามคนแถวนั้นไม่เปนอีก (เอาไงดีวะเนี่ย) สุดท้ายก้ไลน์ไปหาทาง MeTrip ให้เค้ามาคุยกะคนแถวนั้นถามว่าวันนี้มีรถบัสวิ่งป่าว ซึ่งก้ได้ความว่ายังมีอยุ เลยไปรอในสถานีต่อ และแล้วในที่สุดบัสก้มารับ (รอดตัวไป) เราก้ขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานี Hizen kashima (ค่ารถบัส 320 เยน) แล้วก้ต่อรถไฟยาวๆไปลงสถานี Hakata
พอกลับมาถึงก้เหนว่าแถวสถานีมีประดับไฟด้วยเลยไปถ่ายรูปเล่นซะหน่อย
ถ่ายเส็ดก้เดินกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เปนอันจบวันที่ 2
ต่อกันที่วันที่ 3 : https://ppantip.com/topic/38529662
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้