สวัสดีคับวันนี้เราจะมาต่อกันที่เกาะ Aoshima
ความเดิมจากกระทู้ที่แล้ว
วันที่ 1 :
https://ppantip.com/topic/38524169
วันที่ 2 :
https://ppantip.com/topic/38527299
วันที่ 3 :
https://ppantip.com/topic/38529662
วันที่ 4 :
https://ppantip.com/topic/38534288
กระทู้ถัดไป
วันที่ 6+7 :
https://ppantip.com/topic/38539710
วันนี้เรารีบตื่นเช้ามาเพื่อไปแช่ออนเซ็นชมพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเล (มาพักที่นี่เพื่อสิ่งนี้) ซึ่งเช้านี้อากาศก้เจือกหนาวกว่าเมื่อคืนอีก (อุณหภูมิประมาณ 0 องศา
) โชคดีที่ตอนมาถึงไม่มีคนอยุ เราเลย... (ขออนุญาติตัดพฤติกรรมไม่เหมาะสมออก
) ตอน
แรกก้กะว่าพระอาทิตย์มันต้องขึ้นตรงหน้าเราแน่ๆเลย เพราะตรงนั้นเปนทิศตะวันออกพอดี เลยมาแช่แบบพอดีเวลาพระอาทิตย์ขึ้น แต่มัน
เจือกขึ้นเบี้ยวไปตรงที่มีหน้าผาบังอยุ (โนววว
) สรุปก้ได้เหนแค่ขอบพระอาทิตย์เนื่องจากต้องรีบไปขึ้นรถไฟ ทำให้อดอยุดูจนขึ้นเต็มดวงเบย
และนี่ก้เป็นอีกวันที่เราต้องย้ายที่พักกัน ซึ่งตอนแรกก้ตั้งใจจะกินข้าวเช้าที่โรงแรมก่อนออกเดินทาง แต่เราจองมาผิด
เลยตัดสินใจที่จะเดินทางไปสถานี Oita เร็วหน่อยเนื่องจากเปนสถานีประจำจังหวัดน่าจะมีไรให้เลือกกินเยอะกว่าที่สถานี Beppu ที่เปนแค่สถานีประจำเมือง ซึ่งก้มีไรให้เลือกเยอะกว่าจิงๆ แต่ร้านที่ดูน่ากินก้ยังไม่เปิดอยุดีจ้า
เลยจำใจกินร้าน Burger ที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว L ราคาประมาณ 1000 เยน
กินเส็ดก้ขึ้นรถไฟที่จองไว้ไปสถานี Minami-Miyazaki ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง (หลับสบายเลยจ้า
) หลังจากหลับไปยาวๆก้มาถึงสถานีเป้าหมาย ซึ่งตรงนี้เปนจุดที่สุ่มเสี่ยงมากในแพลนของวันนี้เพราะมีเวลาเอากระเป๋าไปฝากล็อกเกอร์แค่ 10 กว่านาทีเพื่อที่จะมาขึ้นรถไฟอีกขบวนให้ทัน โชคดีที่รถไฟมาถึงตรงเวลาและล๊อกเกอร์ก้ไม่ได้วางอยุในที่ลึกลับมากนัก ทำให้สามารถทำทุกอย่างเส็ดได้ทันเวลา
หลังจากนั้นก้นั่งรถไฟหวานเย็น (ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมคุณพ่อเรียกชื่อนี้
) ไปลงสถานี Kodomonokuni (ชื่อเหมือนแชมพูเด็กเลย 555) เพื่อที่จะไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านแถวนั้น แต่พอไปถึงที่ร้าน ร้านเค้าบอกว่าตอนเที่ยงเค้าไม่รับคนแล้ว (กรรม
) ให้มาอีกทีตอนเย็น (มายากละยังเจือกเต็มอีกซวยสาดดด
)
เลยตัดสินใจไปหาร้านอื่นกินแทนจึงเดินต่อไปเรื่อยๆจนเกือบถึงทางที่จะเข้าไปชมเกาะ Aoshima ก้เหนมีร้านอาหารที่มีคนต่อคิวอยุเยอะเลยเลือกกินร้านนี้ ซึ่งราคาก้ไม่แพงเลยจานในรูปข้างล่างก้ราคาประมาณ 1000 เยนเอง
ถึงจะไม่ได้อร่อยเลิศแต่ในที่ค่อนข้างบ้านนอกแบบนี้ก้ถือว่าโอเคแล้วแหละ ใครที่ไม่อยากเดินไกลก้สามารถลงสถานี Aoshima แล้วมากินข้าวเที่ยงที่ร้านนี้ได้
กินเส็ดแล้วเราก้จะไปเที่ยวที่แรกและที่สุดท้ายของวันนี้กันเลย ซึ่งก้คือเกาะ Aoshima
ออกจากร้านเดิมตามทางไปเรื่อยๆก้จะพบกับสะพานที่ใช้ข้ามไปยังเกาะ Aoshima
พอเข้ามาในเกาะก้จะเหนได้เลยว่าหินรอบๆเกาะมันมีหน้าตาแปลกๆ ตอนแรกก้นึกว่ามีคนมาทำไว้เพื่อกันคลื่น แต่จิงๆตรงนี้เปนสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินะ โดยเกิดจากคลื่นซัดดินทรายมาเรื่อยๆเปนล้านๆปี
เดินต่ออีกหน่อยก้เจอศาลเจ้าที่ตั้งอยุกลางเกาะและรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขตร้อน
จากข้อมูลดูเหมือนว่าศาลเจ้านี้จะโด่งดังเรื่องความรัก ก้เลยไปต่อแถวขอพรซะหน่อย
จากรูปจะเหนว่าคนมาขอพรอย่างเยอะทั้งๆที่เป็นที่ที่ค่อนข้างจะบ้านนอก (สงสัยขาดความรักกันเยอะ
)
ด้านข้างศาลเจ้าหลักก้จะมีทางเดินเข้าไปยังศาลเจ้าเล็กที่อยุในป่า โดยตรงทางเดินก้จะมีซุ้มป้ายขอพรแขวนอยุด้วย
โดยตรงนี้ก้จะมีให้ซื้อจานกระเบื้องไปปาเล่นได้
ซึ่งตรงนี้ก้ไม่รุเหมือนกันว่าเค้าทำกันไปเพื่ออะไรเนื่องจากอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก (ใครรุก้มาพิมทิ้งไว้ทีนะ อยากรุมาก
)
เส็ดจากเดินเที่ยวชมเกาะก้ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่ารถไฟจะมา เลยไปแวะชมสวนดอกไม้ที่อยุแถวๆนั้น
นอกจากดอกไม้ยังมี MerLion ตัวจิ๋วด้วย ไม่ต้องไปใกล้ถึง Singapore 555
เดินสักพักจนใกล้ได้เวลาที่รถไฟจะมาก้เลยเดินไปรอที่สถานี Aoshima (จิงๆก้ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรแต่รถไฟสายนี้มันมีตู้เดียว กลัวไม่ได้ขึ้น) นั่งรถไฟไปลงสถานี Minaimi-Miyazaki เพื่อไปเอากระเป๋าคืน ซึ่งก้สุ่มเสี่ยงอีกแล้วเพราะมีเวลาไปเอากระเป๋าแค่ประมาณ10 นาที โชคดีที่เปนญี่ปุ่นรถมาค่อนข้างตรงเวลาเลยไม่ตกรถไฟ
และแล้วเราก้มาขึ้นรถไฟเพื่อไปเมือง Kagoshima ที่เราจะไปค้างคืนกันในวันนี้
พอมาถึงสถานี kagoshima Chuo ก้รีบเดินไปที่ร้านชาบูที่เราจะกินกันในคืนนี้
ตอนไปถึงที่ร้านเปนเวลาประมาณ 18:40 ซึ่งก้มีคิวอย่างยาวรออยุ
พนักงานเค้าบอกต้องรอชั่วโมงนึง (ณ ตอนนั้นคือหิวมาก แต่อยากกินชาบู Kurobuta มากกว่า) โชคดีที่ตรงสถานีมีห้าง Bic Camera เลยมีไรให้ทำฆ่าเวลา สรุปกว่าจะได้กินก้ปาไปเกือบ 2 ทุ่ม
ด้วยความหิวจัดเลยสั่งชุดใหญ่ของทางร้านมากิน โดยราคาจะอยุที่ 4500 เยน
ในเซตจะมีผง 6 รสชาติให้เราเหยาะกินกับชาบูด้วย
ซึ่งอันที่เราชอบที่สุดคือรสแกงกะหรี่ และไม่รุด้วยความหิวจัดหรืออะไรแต่เนื้อ Kurobuta ของร้านนี้อร่อยมากกินไปนี่แทบจะละลายในปาก (เอ็กเซอเล้นเต้) เสียดายมีเนื้อให้น้อยไปหน่อยยังลิ้มรสได้ไม่หนำใจเลยก้หมดซะละ
หลังจากกินเส็ดก้ต้องมาหาตารางรถบัสของโรงแรมใหม่เพราะเลยเวลาในแพลนมามากแล้ว
(ดีนะที่ในไฟล์แพลนมีแนบลิ้งตารางเวลามาให้
) พอหาเจอก้พบว่าอีก 10 กว่านาทีรถบัสจะมาแล้ว
เลยรีบวิ่งไปยังจุดรอรถบัส
รถบัสของโรงแรมมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่ออกตรงเวลาเลย นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงก้จะถึงโรงแรมบนภูเขาที่เราจะพักกันในคืนนี้ พอเอาของไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยก้เหนจากหน้าต่างห้องว่ารอบๆโรงแรมมีการประดับไฟสวยงาม เราเลยออกมาเดินเล่น
เส็ดแล้วก้เดินไปสำรวจเส้นทางไปจุดชมวิวเมืองซะหน่อย พุ่งนี้จะได้ไม่หลงตอนมาดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยหากดูจากทาง Google Map อาจจะเหนว่าจากโรงแรมต้องเดินเปนกิโลกว่าจะถึง แต่จิงๆมันมีทางตัดไปได้ที่เดินแปปเดียวก้ถึงเลย แต่เนื่องจากตอนนั้นก้ดึกมากแล้ว
รุสึกจะเปนเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ทำให้ทางเดินตรงนั้นไม่มีคนเลยบวกกับความมืดยามค่ำคืนก้ทำให้รุสึกกลัวๆเหมือนกัน
(ทางที่ดีควรหาคนมาเดินด้วย) พอเดินมาถึงก้เก็บรูปกันซะหน่อย แต่กล้องมือถือก้ได้ภาพแค่นี้แหละนะขออภัย
เส็ดแล้วก้เดินกลับไปแช่ออนเซ็นที่โรงแรม ด้วยความที่เปนโรงแรมใหญ่แต่เจือกมีบ่อเดียว
ทำให้ต้องเดินไปบ่อไกลมากๆ
แต่ก้ดีที่อย่างน้อยบ่อในกับบ่อนอกมันอยุที่เดียวกัน ไม่ต้องไปเสียเวลาเก็บข้อมูลแบบเมื่อวาน (ที่สำคัญวันนี้ไม่ต้องไปอาบน้ำหนาวๆแล้วนะทุกคน
) ซึ่งบ่อนอกของที่นี่ก้สามารถมองเหนวิวเมือง Kagoshima ได้แทบทั้งเมืองเลย แต่เสียดายตอนกลางคืนมองไม่เหนภูเขา Sakurajima (ไม่เปนไรค่อยมาดูพุ่งนี้เช้า)
พอชมวิวเมืองจนตัวเปื่อยก้ได้เวลาไปเข้านอนกันเสียทีเปนอันจบวันที่ 5 ของเรา (วันนี้เน้นเดินทาง เที่ยวมาหนักมาหลายวันแล้ว)
ต่อกันที่วันที่ 6 :
https://ppantip.com/topic/38539710
[CR] เที่ยวเกาะคิวชูช่วงปีใหม่ 7 วัน 6 คืน พร้อมแพลนโดยละเอียด : วันที่ 5
ความเดิมจากกระทู้ที่แล้ว
วันที่ 1 : https://ppantip.com/topic/38524169
วันที่ 2 : https://ppantip.com/topic/38527299
วันที่ 3 : https://ppantip.com/topic/38529662
วันที่ 4 : https://ppantip.com/topic/38534288
กระทู้ถัดไป
วันที่ 6+7 : https://ppantip.com/topic/38539710
วันนี้เรารีบตื่นเช้ามาเพื่อไปแช่ออนเซ็นชมพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเล (มาพักที่นี่เพื่อสิ่งนี้) ซึ่งเช้านี้อากาศก้เจือกหนาวกว่าเมื่อคืนอีก (อุณหภูมิประมาณ 0 องศา ) โชคดีที่ตอนมาถึงไม่มีคนอยุ เราเลย... (ขออนุญาติตัดพฤติกรรมไม่เหมาะสมออก ) ตอน
แรกก้กะว่าพระอาทิตย์มันต้องขึ้นตรงหน้าเราแน่ๆเลย เพราะตรงนั้นเปนทิศตะวันออกพอดี เลยมาแช่แบบพอดีเวลาพระอาทิตย์ขึ้น แต่มัน
เจือกขึ้นเบี้ยวไปตรงที่มีหน้าผาบังอยุ (โนววว ) สรุปก้ได้เหนแค่ขอบพระอาทิตย์เนื่องจากต้องรีบไปขึ้นรถไฟ ทำให้อดอยุดูจนขึ้นเต็มดวงเบย
และนี่ก้เป็นอีกวันที่เราต้องย้ายที่พักกัน ซึ่งตอนแรกก้ตั้งใจจะกินข้าวเช้าที่โรงแรมก่อนออกเดินทาง แต่เราจองมาผิด เลยตัดสินใจที่จะเดินทางไปสถานี Oita เร็วหน่อยเนื่องจากเปนสถานีประจำจังหวัดน่าจะมีไรให้เลือกกินเยอะกว่าที่สถานี Beppu ที่เปนแค่สถานีประจำเมือง ซึ่งก้มีไรให้เลือกเยอะกว่าจิงๆ แต่ร้านที่ดูน่ากินก้ยังไม่เปิดอยุดีจ้า เลยจำใจกินร้าน Burger ที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว L ราคาประมาณ 1000 เยน
กินเส็ดก้ขึ้นรถไฟที่จองไว้ไปสถานี Minami-Miyazaki ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง (หลับสบายเลยจ้า ) หลังจากหลับไปยาวๆก้มาถึงสถานีเป้าหมาย ซึ่งตรงนี้เปนจุดที่สุ่มเสี่ยงมากในแพลนของวันนี้เพราะมีเวลาเอากระเป๋าไปฝากล็อกเกอร์แค่ 10 กว่านาทีเพื่อที่จะมาขึ้นรถไฟอีกขบวนให้ทัน โชคดีที่รถไฟมาถึงตรงเวลาและล๊อกเกอร์ก้ไม่ได้วางอยุในที่ลึกลับมากนัก ทำให้สามารถทำทุกอย่างเส็ดได้ทันเวลา
หลังจากนั้นก้นั่งรถไฟหวานเย็น (ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมคุณพ่อเรียกชื่อนี้ ) ไปลงสถานี Kodomonokuni (ชื่อเหมือนแชมพูเด็กเลย 555) เพื่อที่จะไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านแถวนั้น แต่พอไปถึงที่ร้าน ร้านเค้าบอกว่าตอนเที่ยงเค้าไม่รับคนแล้ว (กรรม ) ให้มาอีกทีตอนเย็น (มายากละยังเจือกเต็มอีกซวยสาดดด )
เลยตัดสินใจไปหาร้านอื่นกินแทนจึงเดินต่อไปเรื่อยๆจนเกือบถึงทางที่จะเข้าไปชมเกาะ Aoshima ก้เหนมีร้านอาหารที่มีคนต่อคิวอยุเยอะเลยเลือกกินร้านนี้ ซึ่งราคาก้ไม่แพงเลยจานในรูปข้างล่างก้ราคาประมาณ 1000 เยนเอง
ถึงจะไม่ได้อร่อยเลิศแต่ในที่ค่อนข้างบ้านนอกแบบนี้ก้ถือว่าโอเคแล้วแหละ ใครที่ไม่อยากเดินไกลก้สามารถลงสถานี Aoshima แล้วมากินข้าวเที่ยงที่ร้านนี้ได้
กินเส็ดแล้วเราก้จะไปเที่ยวที่แรกและที่สุดท้ายของวันนี้กันเลย ซึ่งก้คือเกาะ Aoshima
ออกจากร้านเดิมตามทางไปเรื่อยๆก้จะพบกับสะพานที่ใช้ข้ามไปยังเกาะ Aoshima
พอเข้ามาในเกาะก้จะเหนได้เลยว่าหินรอบๆเกาะมันมีหน้าตาแปลกๆ ตอนแรกก้นึกว่ามีคนมาทำไว้เพื่อกันคลื่น แต่จิงๆตรงนี้เปนสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินะ โดยเกิดจากคลื่นซัดดินทรายมาเรื่อยๆเปนล้านๆปี
เดินต่ออีกหน่อยก้เจอศาลเจ้าที่ตั้งอยุกลางเกาะและรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขตร้อน
จากข้อมูลดูเหมือนว่าศาลเจ้านี้จะโด่งดังเรื่องความรัก ก้เลยไปต่อแถวขอพรซะหน่อย
จากรูปจะเหนว่าคนมาขอพรอย่างเยอะทั้งๆที่เป็นที่ที่ค่อนข้างจะบ้านนอก (สงสัยขาดความรักกันเยอะ )
ด้านข้างศาลเจ้าหลักก้จะมีทางเดินเข้าไปยังศาลเจ้าเล็กที่อยุในป่า โดยตรงทางเดินก้จะมีซุ้มป้ายขอพรแขวนอยุด้วย
โดยตรงนี้ก้จะมีให้ซื้อจานกระเบื้องไปปาเล่นได้ ซึ่งตรงนี้ก้ไม่รุเหมือนกันว่าเค้าทำกันไปเพื่ออะไรเนื่องจากอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก (ใครรุก้มาพิมทิ้งไว้ทีนะ อยากรุมาก )
เส็ดจากเดินเที่ยวชมเกาะก้ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่ารถไฟจะมา เลยไปแวะชมสวนดอกไม้ที่อยุแถวๆนั้น
นอกจากดอกไม้ยังมี MerLion ตัวจิ๋วด้วย ไม่ต้องไปใกล้ถึง Singapore 555
เดินสักพักจนใกล้ได้เวลาที่รถไฟจะมาก้เลยเดินไปรอที่สถานี Aoshima (จิงๆก้ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรแต่รถไฟสายนี้มันมีตู้เดียว กลัวไม่ได้ขึ้น) นั่งรถไฟไปลงสถานี Minaimi-Miyazaki เพื่อไปเอากระเป๋าคืน ซึ่งก้สุ่มเสี่ยงอีกแล้วเพราะมีเวลาไปเอากระเป๋าแค่ประมาณ10 นาที โชคดีที่เปนญี่ปุ่นรถมาค่อนข้างตรงเวลาเลยไม่ตกรถไฟ และแล้วเราก้มาขึ้นรถไฟเพื่อไปเมือง Kagoshima ที่เราจะไปค้างคืนกันในวันนี้
พอมาถึงสถานี kagoshima Chuo ก้รีบเดินไปที่ร้านชาบูที่เราจะกินกันในคืนนี้
ตอนไปถึงที่ร้านเปนเวลาประมาณ 18:40 ซึ่งก้มีคิวอย่างยาวรออยุ พนักงานเค้าบอกต้องรอชั่วโมงนึง (ณ ตอนนั้นคือหิวมาก แต่อยากกินชาบู Kurobuta มากกว่า) โชคดีที่ตรงสถานีมีห้าง Bic Camera เลยมีไรให้ทำฆ่าเวลา สรุปกว่าจะได้กินก้ปาไปเกือบ 2 ทุ่ม ด้วยความหิวจัดเลยสั่งชุดใหญ่ของทางร้านมากิน โดยราคาจะอยุที่ 4500 เยน
ในเซตจะมีผง 6 รสชาติให้เราเหยาะกินกับชาบูด้วย
ซึ่งอันที่เราชอบที่สุดคือรสแกงกะหรี่ และไม่รุด้วยความหิวจัดหรืออะไรแต่เนื้อ Kurobuta ของร้านนี้อร่อยมากกินไปนี่แทบจะละลายในปาก (เอ็กเซอเล้นเต้) เสียดายมีเนื้อให้น้อยไปหน่อยยังลิ้มรสได้ไม่หนำใจเลยก้หมดซะละ
หลังจากกินเส็ดก้ต้องมาหาตารางรถบัสของโรงแรมใหม่เพราะเลยเวลาในแพลนมามากแล้ว (ดีนะที่ในไฟล์แพลนมีแนบลิ้งตารางเวลามาให้ ) พอหาเจอก้พบว่าอีก 10 กว่านาทีรถบัสจะมาแล้ว เลยรีบวิ่งไปยังจุดรอรถบัส
รถบัสของโรงแรมมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่ออกตรงเวลาเลย นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงก้จะถึงโรงแรมบนภูเขาที่เราจะพักกันในคืนนี้ พอเอาของไปเก็บที่ห้องเรียบร้อยก้เหนจากหน้าต่างห้องว่ารอบๆโรงแรมมีการประดับไฟสวยงาม เราเลยออกมาเดินเล่น
เส็ดแล้วก้เดินไปสำรวจเส้นทางไปจุดชมวิวเมืองซะหน่อย พุ่งนี้จะได้ไม่หลงตอนมาดูพระอาทิตย์ขึ้น โดยหากดูจากทาง Google Map อาจจะเหนว่าจากโรงแรมต้องเดินเปนกิโลกว่าจะถึง แต่จิงๆมันมีทางตัดไปได้ที่เดินแปปเดียวก้ถึงเลย แต่เนื่องจากตอนนั้นก้ดึกมากแล้ว
รุสึกจะเปนเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ทำให้ทางเดินตรงนั้นไม่มีคนเลยบวกกับความมืดยามค่ำคืนก้ทำให้รุสึกกลัวๆเหมือนกัน (ทางที่ดีควรหาคนมาเดินด้วย) พอเดินมาถึงก้เก็บรูปกันซะหน่อย แต่กล้องมือถือก้ได้ภาพแค่นี้แหละนะขออภัย
เส็ดแล้วก้เดินกลับไปแช่ออนเซ็นที่โรงแรม ด้วยความที่เปนโรงแรมใหญ่แต่เจือกมีบ่อเดียว ทำให้ต้องเดินไปบ่อไกลมากๆ แต่ก้ดีที่อย่างน้อยบ่อในกับบ่อนอกมันอยุที่เดียวกัน ไม่ต้องไปเสียเวลาเก็บข้อมูลแบบเมื่อวาน (ที่สำคัญวันนี้ไม่ต้องไปอาบน้ำหนาวๆแล้วนะทุกคน ) ซึ่งบ่อนอกของที่นี่ก้สามารถมองเหนวิวเมือง Kagoshima ได้แทบทั้งเมืองเลย แต่เสียดายตอนกลางคืนมองไม่เหนภูเขา Sakurajima (ไม่เปนไรค่อยมาดูพุ่งนี้เช้า)
พอชมวิวเมืองจนตัวเปื่อยก้ได้เวลาไปเข้านอนกันเสียทีเปนอันจบวันที่ 5 ของเรา (วันนี้เน้นเดินทาง เที่ยวมาหนักมาหลายวันแล้ว)
ต่อกันที่วันที่ 6 : https://ppantip.com/topic/38539710
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้