เมื่อเจอเราเติบโตในที่ทำงานมากกว่าคนที่อยู่มาก่อน

ก่อนอื่นเลย...ตัวผมเองอยากเล่าเรื่องต่างๆที่ผมพบเจอในหน้าที่การงานตลอด 10 ปี...
เล่าความเป็นมาก่อน....
ผมเข้ามาทำงานในฐานะวิศวกรเรียนจบมาใหม่ๆ ผมตั้งใจทำงานมาตลอด 10 ปี ใครให้ทำอะไรก็ทำ แต่มีข้อเสียตรงอารมณ์ขี้โมโหบ้างตามประสาเด็กพึ่งเรียนจบ แต่มันก็ผ่านมาได้ดี ร้องไห้ คนเดียวมาก็เยอะ เพราะปัญหาก่อนๆมันมีแต่ความเจ็บใจ ไม่ใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องคน
ผมโดนส่งมาทำงานกับพนักงานคนอื่น ที่มีประสบการณ์มาก ทำงานดี แต่ข้อเสียคือ รับงานของบริษัทมาทำเป็นธุรกิจของตัวเอง
ผมจบมาใหม่ๆ ผมก็ทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้สนใจว่าใครจะทำอะไร ไม่รู้วัฒนธรรมองค์กรอะไรซักอย่าง ก็ทำไปตามหน้าที่ ปัญหามันก็ไม่มี
เพราะเราไม่เก่ง เราต้องทำงานร่วมกับคนคนนั้น มันก็ซึมซับวิชาไปเรื่อยๆ บวกกับเราก็เรียน ป.ตรี เราก็ได้ทั้งด้านเทคนิคและเอกสาร
ส่วนพนักงานที่ทำงานด้วย ก็ทำงานเป็น ผู้รับเหมาด้วย และก็เป็นพนักงานบริษัทที่ไม่ได้ทำงานเอกสาร
งานราบรื่นดี 4- 5 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ผมยังอยู่ในตำแหน่งวิศวกรปกติ ถ้อยทีถ้อยอาศัยในการทำงานกันไป
จบมาถึงประมาณปีที่ 5-7 ผมเริ่มมีลูกน้อง ผ่านมาก็ประมาณ 4-5 คน ลาออก เข้าใหม่ มาทุกๆปีเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ
ส่วนพนักงานที่ทำรับเหมาด้วย ทำงานบริษัทด้วย ผมขอแทนชื่อเขาว่า คุณ A  
ผมเริ่มสังเกตว่า คุณ A เริ่มนำพนักงานบริษัทไปเป็นผู้ควบคุมงานในองค์กรตัวเอง ใช้งานโดยภาระการณฺ์ ในส่วนของงานรับเหมาที่ตัวเองทำ
เป็นผู้ควบคุมงานแต่ต้องทำตัวเป็น ผรม. เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น
ผมเริ่มสังเกตว่าคนที่ผมทำงานด้วยไม่ใช่คนคนเดิม ลูกน้องจากมี 12 ลดเหลืแ 10 ลดเหลือ 7 ลดเหลือ 5 ลดเหลือ 3 รวมคุณ A ด้วย
ผมได้เลื่อนตำแหน่ง มีพนักงานมาช่วย 2 คน เด็กฝึกงาน 2 คน
เวลามีงานโครงการที่ต้องเข้าร่วมประชุมมีผมคนเดียวที่สามารถเข้าได้ เพราะเข้าไปช่วย คุณ A กันหมด ด้วยคำว่า ทำงานมานาน เกรงใจ
แรกผมก็พอรับได้เพราะงานไม่เสีย แต่ในวันที่ผมเติมโตขึ้น ผมต้องดูแลโครงการมากขึ้น หลายหน้างานมากขึ้น มี ผู้รับเหมามากขึ้น
คุณ A ก็คอยจะดิสเครดิต ผู้รับเหมาคนอื่นด้วยว่า ตัวเองเข้ามาทำงานมานาน ใช้อิทธิพลในทางไม่ชอบมากขึ้น ทำให้ผมไม่สามารถวางแผนงาน
ได้ดี เพราะจำนวนคนที่คุณ A เลี้ยงมีเพียงไม่กี่คน และเริ่มนำพนักงานวิศวกรของบริษัทเข้าไปทำงานให้ตัวเองมากขึ้น
ในฐานะที่ผมดูแลงานทั้งหมด ผมต้องสั่งการไปทางวิศวกรทั้ง 2 คน เนื่องด้วยคุณ A ตำแหน่งต่ำกว่า แต่อยู่มานานกว่า และสามารถสายตรงถึงหัวหน้า
ของผมได้โดยตรง ทำให้ผมไม่สามารถคอนโทรนงานให้ได้ตามแผนงานได้ ล่าสุดภายใน 6 เดือน ผมเซ็นจ่ายค่าแรงไปไม่ต่ำกว่า 7 ล้าน ในองค์กร บุคคลธรรมดา ก็คือคุณ A ที่ทำงาน 2 องค์กร และเลี้ยงคนเพียง 2 คน เป็นสิ่งที่ผมอึดอักและได้รายงานหัวหน้ามาตลอด 3 ปี ว่าจะทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงในด้านการบริหารงาน แต่ฐานะผู้รับเหมาใช้ประโยชน์จากพนักงานบริษัทเต็มๆ หัวหน้าผมก็สั่งการเข้าไป เรื่องมันจึงค่อยๆ สะสมและเลยเถิด กลายเป็นว่า คุณ A หาว่า
ผมต้องการนำคนของผมมาทำรับเหมาแทนคุณ A ซึ่งผมไม่ทำอยู่แล้ว ว่าผมต่างๆ นาๆ กับคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวในสายงาน ผมต้องการเติบโตในงานบริษัท
คุณ A ได้เลื่อนขั้นสุดท้ายเป็นผู้ช่วยโครงการโดยที่ไม่ต้อง
ทำงานเอกสาร ในส่วนที่ต้องทำเลย เอาวิศวกร 2 คนไปใช้ในองค์กรของตัวเอง (วิศวกรทำไมถึงไปทำงานให่ผู้รับเหมาได้ ผมว่าอันนี้คงไม่ต้องอธิบาย)
คุณ A นำรถกระบะมาให้พนักงานบริษัทและผมเช่าผ่านหัวหน้า มีอยู่ 1 ครั้ง รถที่ผมใช้จำเป็นต้องนำไปซ่อม ระยะเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ ไม่มีรถให้ผมเปลี่ยน ผมเสียค่าน้ำมันให้องค์กร 3 อาทิตย์เต็มๆ โดยไม่มีสิทธิ์พูด เพราะจะแตกหักกัน
ผมจะสรุปวีรกรรมของคุณ A ที่สายตรงถึงหัวหน้าผมได้ตลอด 3-4 ปีมานี้

1.ทำรับเหมาโดยไม่สนใจกิจการบริษัท
2.ทิ้งงานให้วิศวกรลูกน้องผม และผมดูแลลูกน้องตัวเองให้ เพื่อที่จะไปทำส่วนอื่นที่ตัวเองทำเงินได้
3.ผมไม่สามารถสั่งการได้เลย
4.ชอบมีปัญหากับเจ้าของงานเพราะรับเงินจากบริษัทจึงคิดว่ามีปัญหาได้เพราะตัวเองไม่ได้รับเงินจากเจ้าของงานโดยตรง
5.วิศวกร 2 คนที่เป็นลูกน้องผมถูกสั่งไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับผม ตีรวนในเรื่องงานผมได้หมด เพราะตัวเองทำรับเหมาด้วยทำงานบริษัทด้วย ซึ่งผมได้คุยกับหัวหน้าแล้ว หัวหน้าจัดการโดยให้ทำงานคนล่ะสายงาน ซึ่งผมก็แฮปปี้ดี เพียงแต่  ว่าตอนนี้ต้องทำโครงสร้างองค์กรใหม่กับลูกน้องใหม่
6.ผมไม่แน่ใจชัดว่า คุณ A ทำไมถึงมีอิทธิพลเหนือพนักงานบริษัท หัวหน้าของผมก็ไม่สามารถจัดการแบบเบ็ดเสร็จได้เลย (ไม่อยากปรักปรำหัวหน้าตัวเอง ก็ทำงานมาด้วยกันมาพร้อมๆกับคุณ A)ซึ่งผมก็ยื่นคำขาดไปแล้วว่า ถ้าคุณ A ทำงานไหนผมก็จะไม่ทำ
7.เนื่องด้วยผมอยู่กับคุณ A  มานาน ผมสามารถรู้ได้ว่าคุณ A มีรายได้มากพอขนาดเสียภาษีได้ปีล่ะไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน เพราะไม่ได้จดทะเบียนบริษัท เป็นเพียงบุคคลธรรมดา
8.คุณ A จะบ่นกับผมเสมอว่าค่าแรงถูก ทั้งๆ ที่ค่าแรงแพงกว่าโครงการอื่นๆที่ ผรม ปกติทำ...เวลาได้เงินจะเปลี่ยนไปเป็นของ บ้าน รถ ที่ดิน เสมอ และเวลามีงานจะบ่นว่าาไม่มีเงินทุน
9.ล่าสุด คุณ A ดิสเครดิตผมกับคนอื่น ดึงลูกน้องผม 2 คนเป็นพวกตัวเอง ไม่ให้ทำตามคำสั่งผม แม้แต่แม่บ้านที่เป็นสายของผมก็โดนว่า ว่าไม่ให้ยุ่งไม่ว่าเขาจะทำอะไร เช่น เอาวิศวกรไปทำงานของตัวเอง ผมอยากให่มองเป็น 2 Part  คือ ผม ต้องอยู่ออฟฟิต  /2 วิศวกร คุณ A และแม่บ้านอยู่ไซต์งาน
10.คุณ A ชอบนำของที่เหลือจากการก่อสร้างไปเก็บไว้ที่บ้าน จนไม่มีคนสงสัยแล้วมันก็จะหายไป (ส่วนนี้ผมสืบมาเอง)
11.ไซต์ออฟฟิตที่ผมเคยทำงาน ของที่ผมดูแล มูลค่าหลายหมื่น ถูกเปลี่ยนกุญแจ ทำให้ผมไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่หัวหน้าผมเข้าไปจัดการนำออกมาให้เอง
12.ตั้งแต่ผมทำงานมา หัวหน้าของผมไม่เคยรับพนักงานที่มีประสบการณ์เกิน 3 ปี หรือ ซีเนียร์วิศวกรเลย รับแต่เด็กจบใหม่ รวมถึงผม (ผมคิดว่า ถ้ารับเข้ามาจะมีปัญหากับคุณ A แน่นอน)
13.  2-3 ปี มานี้ ผมมักจะโดนเจ้าของงานตำหนิเสมอเรื่องวิศวกร 2 คนที่ไม่สามารถสั่ง ผรม คุณ A ได้ ตามงานไม่ได้ วางแผนงานไม่ได้ จนผมถูกโทรมาว่า โทรมาจี้ โทรมาสั่งการ ซึ่งผมอยู่ออฟฟิต หน้างานมี วิศวกร 2 คน แลคุณ A พร้อมทีมงาน ผมจะบอกว่าเมื่อก่อนงานทุกงานผมควบคุมเองทำเอกสารเอง คุณ A มีหน้าที่รับเหมา โดยไม่เคยมีเจ้าของงานโทรไปว่าหัวหน้าผมเลยนะ

ผมไม่รู้แน่ชัดว่าคุณ A/ กับ หัวหน้าผม มีความสัมพันธ์อย่างไร

แต่ถ้าให้ว่าไปตามกฏ คุณ A มีความผิดตั้งแต่ทำรับเหมาแล้ว อาจโดนคาดโทษถึงไล่ออกได้เลย แค่เรื่องมันไม่ขึ้นไปถึงคนที่ใหญ่กว่าหัวหน้าของผม

ขอบคุณที่ทุกคนอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ โดยส่วนตัวแล้วปัญหานี้มันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกสิ่งอย่างเป็นเหตุเป็นผล...เพียงแต่ผมอยากถามความคิดของเพื่อนๆ

ว่า "ถ้าเป็นผมเพื่อนๆ จะคิดอย่างไร และจะทำตัวอย่างไร" ส่วนตัวด้วยความสัจจริง ผมไม่เคยขอเงิน คุณ A แม้แต่บาทเดียวตลอด 10 ปี แม้รู้ว่าเขาแสวงหาผลประโยชน์จากองค์กร และความขัดแย่งนี้ ไม่ใช่ผมเรียกร้องหาผลประโยชน์จากคุณ A เพียงแต่ว่าผมไม่ชอบพฤติกรรมคุณ A ที่เรื่มนอกเหนือความควบคุม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่