"ไข่มุก (ในชานม) ไม่ได้ก่อมะเร็งครับ"
เรื่องไข่มุกชานมก่อมะเร็ง กลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้ว จริงๆ เรื่องนี้มันตั้งแต่ปี 2555 และก็เคยชี้แจงไปแล้วว่า ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริง อย่าตกใจกันครับ ... คราวนี้ เลยเอาข้อมูลจากวารสาร Wellness ของมหาวิทยาลัย University of California Berkeley (
http://www.berkeleywellness.com/…/ar…/tapioca-pearl-problems) เมื่อ July 26, 2013 มาสรุปให้ฟังกันนะครับ ดูเนื้อหาด้านล่างนะ
คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกับเม็ด "ไข่มุก" ขนมเม็ดกลมๆ สีดำๆ เคี้ยวเด้งๆ ที่อยู่ในชานมเย็น สไตล์ไต้หวัน ที่เข้ามาในบ้านเราได้หลายปีแล้ว เม็ดไข่มุกนี้หลักๆ จะทำจากแป้งมันสำปะหลัง
ปัญหาคือ
เมื่อปี 2012 (พ.ศ. 2555) มีรายงานจากประเทศเยอรมันที่บอกว่า
เม็ดไข่มุกนี้อาจจะก่อมะเร็ง และกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ทำนองว่าเป็นเรื่องที่ฟันธงแล้ว ?
การศึกษาที่ว่านั้นทำโดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัย University Hospital Aachen โดยเอาเม็ดไข่มุกไม่ระบุยี่ห้อจากตัวแทนจำหน่ายชาวไต้หวัน
และพบว่ามีสารเคมี เช่น สไตรีน (styrene) และ อะซิโตฟีโนน (acetophenone) และสารอื่นๆที่จับอยู่กับธาตุโบรมีน
ทางนักวิจัยเลยบอกว่ามันน่าจะเป็นสารประกอบกลุ่ม โพลีคลอรีนเนตเต็ตไบฟีนีล (พีซีบี PCBs polychlorinated biphenyls) ...
ซึ่งสารพีซีบีนี้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า สามารถทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ และสารพีซีบีนั้นสัมพันธ์กับมะเร็งตับและมะเร็งผิวหนังของคนงานที่สัมผัสกับสาร
พอเป็นข่าวเช่นนั้น คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ของทางรัฐบาลประเทศไต้หวัน ก็ได้ทำการพิสูจน์หาข้อเท็จจริง ได้เก็บตัวอย่างเม็ดไข่มุก 22 ตัวอย่างจาก 7 ผู้ผลิต
ซึ่งผลที่ได้นั้น ไม่พบว่ามีสารสไตรีน ขณะที่พบสารกลุ่มโบรมีนเนตเต็ทไบฟีนิลและอะซิโตฟีโนน แต่มีปริมาณน้อยมาก จนไม่ต้องกังวลต่อสุขภาพ
ส่วนองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกานั้น (U.S. FDA) ก็ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า สารหอมระเหย
กลุ่มอะซิโตฟีโนนและสารสไตรีนนั้น ไม่นับว่าเป็นสารกลุ่มพีซีบี เพราะมันไม่ได้มีส่วนประกอบเป็นคลอรีนหรือไบฟีนิล
ความจริงแล้ว ทั้งสารกลุ่มอะซิโตฟีโนนและสไตรีนนั้น ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายให้เติมลงไปในอาหารได้ด้วยซ้ำ เพื่อแต่งกลิ่นให้กับอาหาร
สรุปประเด็นตรงนี้ก็คือ ทั้งกลุ่มนักวิจัยเยอรมันและรวมถึงสื่อมวลชนด้วย ได้เข้าใจผิดว่าสารที่พบในเม็ดไข่มุกนั้นเป็นสารประกอบที่เป็นอันตราย ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น
รายงานของทางเยอรมันไม่ได้ระบุเลยว่า สารที่มีโบรมีนอยู่ (ที่พบในไข่มุก) นั้นเป็นสารอะไรกันแน่ และพบปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมากเพราะการที่บอกว่ามันอันตรายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าปริมาณสารเคมีที่พบนั้นมีมากพอที่จะเป็นพิษหรือไม่
เอาเข้าจริงๆ แล้ว รายงานจากทางเยอรมันเอง ก็ยังไม่ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ
ไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญในวงการว่ามีความถูกต้องแม่นยำเพียงพอ
คำสรุปสำหรับเรื่องนี้ก็คือ อย่าไปตื่นกลัวกันว่าเม็ดไข่มุกชานมจะก่อมะเร็งครับ ยังสามารถบริโภคได้เหมือนเดิม
เพียงแต่ก็ต้องระวังเรื่องกินเครื่องดื่มหวานพวกนี้แล้วจะได้แคลอรี่สูงเกิน แถมเด็กเล็กก็ไม่ควรให้กินด้วย เพราะถ้าสำลัก เม็ดไข่มุกอาจพลาดเข้าไปติดหลอดลมได้ครับ
ข้อมูลจาก
http://www.berkeleywellness.com/…/ar…/tapioca-pearl-problems
--------------------------
สนใจหนังสือ "อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง" ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ สนพ. มติชน
http://www.matichonbook.com/…/matichonb…/newbooks/-2997.html
ขอขอบคุณเพจดีๆจาก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ค่ะ
รูปภาพจากไข่มุก www.thaihealth.or.th
ไข่มุกในชานมก่อมะเร็ง หรือไม่ ?? มีคำตอบ!
"ไข่มุก (ในชานม) ไม่ได้ก่อมะเร็งครับ"
เรื่องไข่มุกชานมก่อมะเร็ง กลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้ว จริงๆ เรื่องนี้มันตั้งแต่ปี 2555 และก็เคยชี้แจงไปแล้วว่า ไม่ได้มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริง อย่าตกใจกันครับ ... คราวนี้ เลยเอาข้อมูลจากวารสาร Wellness ของมหาวิทยาลัย University of California Berkeley (http://www.berkeleywellness.com/…/ar…/tapioca-pearl-problems) เมื่อ July 26, 2013 มาสรุปให้ฟังกันนะครับ ดูเนื้อหาด้านล่างนะ
คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกับเม็ด "ไข่มุก" ขนมเม็ดกลมๆ สีดำๆ เคี้ยวเด้งๆ ที่อยู่ในชานมเย็น สไตล์ไต้หวัน ที่เข้ามาในบ้านเราได้หลายปีแล้ว เม็ดไข่มุกนี้หลักๆ จะทำจากแป้งมันสำปะหลัง
ปัญหาคือ
เมื่อปี 2012 (พ.ศ. 2555) มีรายงานจากประเทศเยอรมันที่บอกว่า
เม็ดไข่มุกนี้อาจจะก่อมะเร็ง และกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ทำนองว่าเป็นเรื่องที่ฟันธงแล้ว ?
การศึกษาที่ว่านั้นทำโดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัย University Hospital Aachen โดยเอาเม็ดไข่มุกไม่ระบุยี่ห้อจากตัวแทนจำหน่ายชาวไต้หวัน
และพบว่ามีสารเคมี เช่น สไตรีน (styrene) และ อะซิโตฟีโนน (acetophenone) และสารอื่นๆที่จับอยู่กับธาตุโบรมีน
ทางนักวิจัยเลยบอกว่ามันน่าจะเป็นสารประกอบกลุ่ม โพลีคลอรีนเนตเต็ตไบฟีนีล (พีซีบี PCBs polychlorinated biphenyls) ...
ซึ่งสารพีซีบีนี้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า สามารถทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ และสารพีซีบีนั้นสัมพันธ์กับมะเร็งตับและมะเร็งผิวหนังของคนงานที่สัมผัสกับสาร
พอเป็นข่าวเช่นนั้น คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ของทางรัฐบาลประเทศไต้หวัน ก็ได้ทำการพิสูจน์หาข้อเท็จจริง ได้เก็บตัวอย่างเม็ดไข่มุก 22 ตัวอย่างจาก 7 ผู้ผลิต
ซึ่งผลที่ได้นั้น ไม่พบว่ามีสารสไตรีน ขณะที่พบสารกลุ่มโบรมีนเนตเต็ทไบฟีนิลและอะซิโตฟีโนน แต่มีปริมาณน้อยมาก จนไม่ต้องกังวลต่อสุขภาพ
ส่วนองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกานั้น (U.S. FDA) ก็ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า สารหอมระเหย
กลุ่มอะซิโตฟีโนนและสารสไตรีนนั้น ไม่นับว่าเป็นสารกลุ่มพีซีบี เพราะมันไม่ได้มีส่วนประกอบเป็นคลอรีนหรือไบฟีนิล
ความจริงแล้ว ทั้งสารกลุ่มอะซิโตฟีโนนและสไตรีนนั้น ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายให้เติมลงไปในอาหารได้ด้วยซ้ำ เพื่อแต่งกลิ่นให้กับอาหาร
สรุปประเด็นตรงนี้ก็คือ ทั้งกลุ่มนักวิจัยเยอรมันและรวมถึงสื่อมวลชนด้วย ได้เข้าใจผิดว่าสารที่พบในเม็ดไข่มุกนั้นเป็นสารประกอบที่เป็นอันตราย ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น
รายงานของทางเยอรมันไม่ได้ระบุเลยว่า สารที่มีโบรมีนอยู่ (ที่พบในไข่มุก) นั้นเป็นสารอะไรกันแน่ และพบปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมากเพราะการที่บอกว่ามันอันตรายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าปริมาณสารเคมีที่พบนั้นมีมากพอที่จะเป็นพิษหรือไม่
เอาเข้าจริงๆ แล้ว รายงานจากทางเยอรมันเอง ก็ยังไม่ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ
ไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญในวงการว่ามีความถูกต้องแม่นยำเพียงพอ
คำสรุปสำหรับเรื่องนี้ก็คือ อย่าไปตื่นกลัวกันว่าเม็ดไข่มุกชานมจะก่อมะเร็งครับ ยังสามารถบริโภคได้เหมือนเดิม
เพียงแต่ก็ต้องระวังเรื่องกินเครื่องดื่มหวานพวกนี้แล้วจะได้แคลอรี่สูงเกิน แถมเด็กเล็กก็ไม่ควรให้กินด้วย เพราะถ้าสำลัก เม็ดไข่มุกอาจพลาดเข้าไปติดหลอดลมได้ครับ
ข้อมูลจาก http://www.berkeleywellness.com/…/ar…/tapioca-pearl-problems
--------------------------
สนใจหนังสือ "อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง" ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ สนพ. มติชน http://www.matichonbook.com/…/matichonb…/newbooks/-2997.html
ขอขอบคุณเพจดีๆจาก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ค่ะ
รูปภาพจากไข่มุก www.thaihealth.or.th