มาขอแชร์ประสบการณ์กับการแต่งชุดสไปเดอร์แมนออกไปร่วมงานวันเด็กเป็นครั้งแรก
วันนี้แต่งชุดสไปเดอร์แมนออกไปขายของตั้งแต่เช้ามืด ปกติผมก็มักจะแต่งชุดนักเรียนออกไปสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับลูกค้าเป็นประจำอยู่แล้วในวันเด็กแห่งชาติ วันนี้ทั้งขายของทั้งใส่ชุดสไปเดอร์แมน บอกตามตรงเลยว่า อยู่ในชุดสไปเดอร์แมนอันแสนอึดอัดกับอากาศภาคใต้ที่อยู่ระหว่างหน้าฝนปนหน้าร้อน แถมทำอาหารอีก มันลำบากมากครับ แต่เห็นใบหน้าของเด็กที่มีแต่รอยยิ้มแล้วมันมีความสุข
แต่ลูกค้าหลายคนบอกว่า "น่าจะไปร่วมงานวันเด็กนะ เด็กจะต้องชอบมากๆ" "รับรองเลยว่าจะมีแต่คนเข้ามารุมถ่ายรูป" ผมนึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเด็กๆในช่วงเช้า เลยตอบตกลงเพื่อนที่มาชวนไปร่วมงานวันเด็ก ในใจก็ยังคงอายๆเพราะมันเป็นการแต่งชุดสไปเดอร์แมนออกนอกสถานที่ครั้งแรก
"มันเป็นความสุขที่ผมรู้สึกแตกต่างกันออกไปที่ร้านของผม เพราะนี่คือการให้อย่างแท้จริง การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ลึกๆผมก็หวังให้เด็กยิ้มหรือหัวเราะออก แค่เพียงผมได้ยินเด็กคนแรกเรียกว่า "สไปเดอร์แมน" ผมบอกได้เลบว่า มันตื้นตันมาก ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเด็กชายคนนั้น ผมเลยโบกมือให้ เด็กชายตัวน้อยโบกมือกลับมา ผมบอกเลยครับว่า "มันโคตรจะมีความสุข มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยเจอมันมาก่อน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แม้กระทั่งตอนที่กดคีย์บอร์ดอยู่นี้" มันเหมือนกับว่าผมเติมเต็มความฝัน ความหวังให้ใครสักคน
หลังจากนี้ครับ ผมมั่นใจมากว่าวันนี้ผมเป็นคนที่มีคนมาขอถ่ายรูปร่วมมากที่สุดคนหนึ่งของจังหวัดอย่างแน่นอน เพราะตลอดเวลาผมแทบจะไม่ได้นั่งเลยแม้แต่น้อย นอกจากยืนเก๊กท่าหล่อแล้ว ก็คงเป็นท่ายิงใย (ผมก็ทำไปมั่วๆตามเด็กนั่นล่ะครับ ผมทำไม่ถูกด้วยซ้ำ!!!) หรือ กดไลค์ อุ้มเด็กคนนั้นวางเด็กคนนี้ขึ้นมาอุ้มเพื่อให้พ่อแม่ถ่ายภาพ
เด็กแทบทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักสไปเดอร์แมน ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงเด็กผู้ชายเท่านั้น แต่เปล่าเลยเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบสไปเดอร์แมนก็เยอะครับ ผมอยู่ในงานจนถึงช่วงเย็นข้าวเที่ยงก็ไม่ได้ทาน น้ำดื่มก็แทบไม่ได้ดื่ม (ไม่กล้าถอดหน้ากากออกมา กลัวทำลายความฝันของเด็กๆ)
ตอนผมแอบถลกหน้ากากเพื่อดื่มน้ำ มีเด็กชายคนหนึ่งแอบมองแล้วอุทานว่า "คนอยู่ข้างใน"
ผมแทบจะสำลักน้ำ พลางนึกว่า "แล้วปกติ ตัวอะไรมันอยู่ข้างในเหรอ"
อ่อ แล้วห้องน้ำนี่ไม่มีเวลาเข้าเลยครับ ถึงจะเข้าก็ยังงงว่าจะถามปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ตัวจริงหน่อยว่า "คุณติดซิปหน้าไว้ด้วยเหรอครับ!!!"
แล้วก็มาจุดหนึ่งที่ความสุขมันล้ำหน้าความเหนื่อย ผมว่าผมค้นพบความสุขของชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่มันมีค่ามากนั้นนั่นคือ การให้อีกรูปแบบหนึ่ง การแบ่งปันความสุขให้กับเด็ก รอยยิ้มของเด็กนี่ทรงพลังจริงๆครับ มันทำให้ผมน้ำตาไหลภายใต้หน้ากากสไปเดอร์แมน ผมพูดเลยว่าผมมีความสุขมากที่สุดครั้งหนึ่งก็วันนี้ล่ะครับ ผมสาบานกับตัวเองว่า "ในทุกวันเด็กนับจากปีนี้ต่อไป ผมจะไปร่วมงานวันเด็กเพื่อไปมอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอาจในฐานะสไปเดอร์แมนหรือตัวละครอื่นตามแต่โอกาส"
ผมมองออกไปที่เฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีเด็กรุมล้อมอยู่ตรงหน้า ที่อาจเป็นเครื่องเดิมเมื่อครั้งแม่พาผมมาร่วมวันเด็กเมื่อ 30 ปีก่อน มองกลับมาที่ตัวเองในวันนี้ ผมมาในฐานะ"ผู้ให้" หาใช่ "ผู้รับ" อย่างที่เคยเป็น สุขใจครับ
ขอบคุณวันเด็กที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมก็มีความสุขได้เช่นกัน
ลงรูปไว้เยอะ อันที่จริงเพื่อนถ่ายมาเยอะมากกว่านี้แต่ผมคัดเอามาลง
ขอโทษทุกคนที่ผมไม่ได้ปิดหน้าคาดตาไว้เพราะผมอยากให้ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มและใบหน้าของเด็กๆเช่นเดียวกับที่ผมเห็นผ่านใต้หน้ากากสไปเดอร์แมน
อ่อ แล้วก็อย่าบอกเด็กๆนะครับว่าผมเป็นสไปเดอร์แมน
ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดของชีวิตกับการแต่งตัวเป็นสไปเดอร์แมนไปร่วมงานวันเด็กเป็นครั้งแรกของชีวิต
วันนี้แต่งชุดสไปเดอร์แมนออกไปขายของตั้งแต่เช้ามืด ปกติผมก็มักจะแต่งชุดนักเรียนออกไปสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับลูกค้าเป็นประจำอยู่แล้วในวันเด็กแห่งชาติ วันนี้ทั้งขายของทั้งใส่ชุดสไปเดอร์แมน บอกตามตรงเลยว่า อยู่ในชุดสไปเดอร์แมนอันแสนอึดอัดกับอากาศภาคใต้ที่อยู่ระหว่างหน้าฝนปนหน้าร้อน แถมทำอาหารอีก มันลำบากมากครับ แต่เห็นใบหน้าของเด็กที่มีแต่รอยยิ้มแล้วมันมีความสุข
แต่ลูกค้าหลายคนบอกว่า "น่าจะไปร่วมงานวันเด็กนะ เด็กจะต้องชอบมากๆ" "รับรองเลยว่าจะมีแต่คนเข้ามารุมถ่ายรูป" ผมนึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเด็กๆในช่วงเช้า เลยตอบตกลงเพื่อนที่มาชวนไปร่วมงานวันเด็ก ในใจก็ยังคงอายๆเพราะมันเป็นการแต่งชุดสไปเดอร์แมนออกนอกสถานที่ครั้งแรก
"มันเป็นความสุขที่ผมรู้สึกแตกต่างกันออกไปที่ร้านของผม เพราะนี่คือการให้อย่างแท้จริง การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ลึกๆผมก็หวังให้เด็กยิ้มหรือหัวเราะออก แค่เพียงผมได้ยินเด็กคนแรกเรียกว่า "สไปเดอร์แมน" ผมบอกได้เลบว่า มันตื้นตันมาก ผมสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเด็กชายคนนั้น ผมเลยโบกมือให้ เด็กชายตัวน้อยโบกมือกลับมา ผมบอกเลยครับว่า "มันโคตรจะมีความสุข มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยเจอมันมาก่อน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แม้กระทั่งตอนที่กดคีย์บอร์ดอยู่นี้" มันเหมือนกับว่าผมเติมเต็มความฝัน ความหวังให้ใครสักคน
หลังจากนี้ครับ ผมมั่นใจมากว่าวันนี้ผมเป็นคนที่มีคนมาขอถ่ายรูปร่วมมากที่สุดคนหนึ่งของจังหวัดอย่างแน่นอน เพราะตลอดเวลาผมแทบจะไม่ได้นั่งเลยแม้แต่น้อย นอกจากยืนเก๊กท่าหล่อแล้ว ก็คงเป็นท่ายิงใย (ผมก็ทำไปมั่วๆตามเด็กนั่นล่ะครับ ผมทำไม่ถูกด้วยซ้ำ!!!) หรือ กดไลค์ อุ้มเด็กคนนั้นวางเด็กคนนี้ขึ้นมาอุ้มเพื่อให้พ่อแม่ถ่ายภาพ
เด็กแทบทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักสไปเดอร์แมน ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงเด็กผู้ชายเท่านั้น แต่เปล่าเลยเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบสไปเดอร์แมนก็เยอะครับ ผมอยู่ในงานจนถึงช่วงเย็นข้าวเที่ยงก็ไม่ได้ทาน น้ำดื่มก็แทบไม่ได้ดื่ม (ไม่กล้าถอดหน้ากากออกมา กลัวทำลายความฝันของเด็กๆ)
ตอนผมแอบถลกหน้ากากเพื่อดื่มน้ำ มีเด็กชายคนหนึ่งแอบมองแล้วอุทานว่า "คนอยู่ข้างใน"
ผมแทบจะสำลักน้ำ พลางนึกว่า "แล้วปกติ ตัวอะไรมันอยู่ข้างในเหรอ"
อ่อ แล้วห้องน้ำนี่ไม่มีเวลาเข้าเลยครับ ถึงจะเข้าก็ยังงงว่าจะถามปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ตัวจริงหน่อยว่า "คุณติดซิปหน้าไว้ด้วยเหรอครับ!!!"
แล้วก็มาจุดหนึ่งที่ความสุขมันล้ำหน้าความเหนื่อย ผมว่าผมค้นพบความสุขของชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่มันมีค่ามากนั้นนั่นคือ การให้อีกรูปแบบหนึ่ง การแบ่งปันความสุขให้กับเด็ก รอยยิ้มของเด็กนี่ทรงพลังจริงๆครับ มันทำให้ผมน้ำตาไหลภายใต้หน้ากากสไปเดอร์แมน ผมพูดเลยว่าผมมีความสุขมากที่สุดครั้งหนึ่งก็วันนี้ล่ะครับ ผมสาบานกับตัวเองว่า "ในทุกวันเด็กนับจากปีนี้ต่อไป ผมจะไปร่วมงานวันเด็กเพื่อไปมอบรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอาจในฐานะสไปเดอร์แมนหรือตัวละครอื่นตามแต่โอกาส"
ผมมองออกไปที่เฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีเด็กรุมล้อมอยู่ตรงหน้า ที่อาจเป็นเครื่องเดิมเมื่อครั้งแม่พาผมมาร่วมวันเด็กเมื่อ 30 ปีก่อน มองกลับมาที่ตัวเองในวันนี้ ผมมาในฐานะ"ผู้ให้" หาใช่ "ผู้รับ" อย่างที่เคยเป็น สุขใจครับ
ขอบคุณวันเด็กที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างผมก็มีความสุขได้เช่นกัน
ลงรูปไว้เยอะ อันที่จริงเพื่อนถ่ายมาเยอะมากกว่านี้แต่ผมคัดเอามาลง
ขอโทษทุกคนที่ผมไม่ได้ปิดหน้าคาดตาไว้เพราะผมอยากให้ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มและใบหน้าของเด็กๆเช่นเดียวกับที่ผมเห็นผ่านใต้หน้ากากสไปเดอร์แมน
อ่อ แล้วก็อย่าบอกเด็กๆนะครับว่าผมเป็นสไปเดอร์แมน