สวัสดีเพื่อนๆพี่ ทุกคน เราขอใช้นามแฝงว่า "ยัยขี้แพ้นะ" ปล.นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าอ่านแล้วงงเราขอโทษด้วยนะ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอน ม.6 เราติดโควต้าคณะนึง ที่มหาลัยแห่งนึง สายวิทย์สุขภาพ เราไม่รู้หรอกว่าจริงๆเราอยากเป็นอะไร เราเป็นคนกลางๆ ไม่ได้เก่ง โดดเด่นซักเรื่องเลย ตอนนั้นยอมรับนะว่าดีใจมากๆ ที่มีที่เรียนกับเขาแล้ว เราปิดเทอมตั้งหลายเดือน ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนเปิดเทอมมหาลัย เราเลยอยากรองทำอะไรใหม่ๆดู เราเลยไปหางานทำที่โรงงานแห่งนึง แค่สามเดือนเท่านั้น เราได้เจออะไรมากมาย โหช่วงชีวิตตอนนั้นเรามีความสุขที่สุด มันทำให้จากคนที่ซึมๆอย่างเรา กลายเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสเลยแหละ แต่เวลาแห่งความสุข...มันมักจะผ่านไปเร็ว
วันแรกที่เขามหาลัยก็ไม่โอเคแล้วอ่ะ ชีวิตเฟรสชี่ของเรา T_T....สำหรับปี 1 มันเป็นอะไรที่ตั้งตัวไม่ทันมากเลย มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้เลย เราเล่นกีฬาไม่เป็น พูดไม่เก่ง ไม่เฟรนลี่เลย ตอนแรกเรามีเพื่อนคนนึงเขาเป็นคนนิสัยดี กตัญญู เรียนกลางๆ เป็นผู้ชายนะ แต่เอาไปเอามาเราสองคนก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เราเลยตัดสินใจแยกตัวออกมาจากเพื่อนคนนี้ เพราะเรารู้สึกว่าไม่โอเคท่ี่จะต้องมาปะทะอารมณ์ใส่กันแทบทุกวัน บางวันเรากลับมาที่หอแล้วร้องไห้ก็มี เพื่อนก็นิสัยดี แต่เรานี่แหละที่เป็นคนนิสัยไม่ดี เราชอบทำให้คนรอบข้างเรา รู้สึกอึดอัด รำคาญเราได้ง่ายมากๆ เราเป็นคนโง่ๆ เซ่อๆ เอาแต่ใจ พูดจาไม่รักษาน้ำใจเพื่อน ขี้น้อยใจ เห็นแก่ตัว คิดมาก อีโก้สูง โอโหคือเราไม่มีอะไรดีเลยโว่ย คือ สรุปคนที่มีปัญหา ก็คือตัวเรานี่แหละ มันก็เลย...เป็นแบบนี้ เรื่องที่ทำให้เราตกใจคือ เพราะความโง่ของเรา เพื่อนเลยด่าว่า "
" เพื่อนๆที่อ่านอยู่คงไม่ใส่ใจใส่มั้ย แต่สำหรับคนที่ขี้น้อยใจแบบเรา เราตกใจมาก เราเคยพูดกับเพื่อนคนนี้มากว่าเราอยากมีเพื่อนเยอะๆเขาเลยบอกเราว่ามีทำไมเยอะแค่มีสองคนก็โอเคแล้ว (ในความคิดของเรานะ ที่เราอยากมีเพื่อนเยอะเพราะเราไม่อยากโดนปะทะคารมโดนข่มแบบนี้ มีอะไรก็จะชอบมาลงที่เรา อย่างน้อยเพื่อนเยอะน่าจะคลายเครียดได้มากกว่านี้)เราจะชอบยอมคนนะจนโดนเพื่อนข่มตลอด เราเลยตีตัวออกห่างเพื่อนคนนี้ ซักพักเขาก็มีเพื่อนเยอะเลย ส่วนเราไม่มีใครอยากคบ ไปไหนมาไหนคนเดียว เราโดดเดี่ยวมากเลยเราไม่มีเพื่อนเลย
ปล.ยังมีต่อนะ
ตอนนี้เราอยู่ปี 2 แล้ว เราเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เราไม่ไหวจริงๆ เลยตัดสินใจไปหาหมอ และช่วงนี้เราอยู่ในช่วงรักษา และการสอบไฟนอล เรารู้สึกว่า การไปหาหมอ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันมากๆ ทั้งต้องให้กำลังใจตัวเอง พยายามฝืนตัวเอง ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบไฟนอล ซึ่งคะแนนมิดเทอมก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง T_T อาการเราหนักขึ้น มันกำลังต่อต้านกัน เทอมนี้ต้องมี F หลายตัวแน่ๆ เวลาเราไปอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนคณะเรามีความรู้สึกอึดอัดและแย่มากๆเลย เราพยายามสร้างพลังบวกให้ตัวเอง แต่มันก็อยู่ได้แปปเดียว ช่วงหลังมิดเทอมมาเราไม่ค่อยเข้าเรียน เราเรียนไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่าเราไปหาหมอ และผลข้างเคียงของการกินยา มันทำให้เราง่วง เบลอ ทั้งวัน เราผอมมากเหมือนไม้เสียบผีเลย พรุ่งนี้เราก็สอบนะแต่ว่าเรายังไม่ได้อ่านหนังสือซักตัว
กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ยัยขี้แพ้คนนี้ได้พักการเรียนไป 1 เทอม เต็มๆ แถมเทอมที่เรียนผ่านมาเมื่อกี้ก็ได้ดร็อปไว้และไม่ได้ขึ้นปี 3 พร้อมเพื่อนๆ เนื่องจากไม่ผ่านวิชาคณะ เราต้องกลับไปเรียนพร้อมกับรุ่นน้องจนจบปี 4 เฮ้อ...ช่วงนี้เป็นช่วงพัก และช่วงรักษา แต่ไม่รู้สิ ยัยขี้แพ้คนนี้กินยามาก็หลายเดิอนแล้ว แต่ก็ไม่หายซักที เรารู้สึกอารมณ์ของเรามันแปรปรวนมากๆๆ มึนๆ เราวางแผนที่จะดึงตัวเองขึ้นมาโดยการเขียนตารางประจำวัน แต่เราก็ทำไม่ได้ซักอย่าง มันเหมือนเราเอื่อยๆ เหมือนไม่พยายามจะสู้กับมันจริงๆ ทั้งที่เราเห็นน้ำตาของพ่อครั้งนั้น มันเจ็บปวดมากเหลือเกิน แต่เราก็สู้กับตัวโรคม่ได้เลย เวลาเรารู้สึกขี้เกียจ หรือไม่อยากทำอะไร มันจะแย่มากๆ มันไม่ใช่ความขี้เกียจปกติทั่วๆไป ตอนนี้เรามองไม่เห็นหนทาง ไม่เห็นแสงสว่างเลยซักนิด เราชักไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเราป่วยจริงๆมานานแค่ไหนกันแน่ เรารู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน ทั้งทรมาร เจ็บปวด แย่ อยากหายไปจากโลกนี้ เรายอมรับว่าเราดื้อกับการรักษาของหมอ เราไม่เชื่อว่ามันจะหายได้ นี่ขนาดเราไปหาหมอมาแล้ว แต่เรากลับไม่รู้สึกดีขึ้น มันเหมือนหมอแค่ทำหน้าที่ หมอไม่ได้รักษาจิตใจเรา
ตอนนี้ชีวิตห่วยแตกมากกว่าเดิม จากที่เล่ามาทั้งหมด เราได้แอ็ดมิทโรงพยาบาล ทำให้เราไปสอบวันสุดท้ายไม่ได้ และทำให้เราได้ดร็อปเรียนหนึ่งปี เทอมที่เรียนผ่านมาแบบมึนๆเมื่อกี้ก็ได้ดร็อป เราได้กลับไปอยู่ที่บ้านหนึ่งเทอม แต่เป้นช่วงเวลาที่แย่ เราไม่ได้พักผ่อนเลย แมยังูกสังคมมองไปต่างนานาในทางลบ นี่แหละชีวิตความเป็นจริง จนถถถึงเวลที่เราได้กลับมาเรียนกับรุ่นน้อง มันทรมารทุกช่วงเวลา รุ่นน้องเขาก็สนิทกันหมดแล้ว ปี 2 เทอม 2 ตอนนี้เราก็ไม่ด้หายดีอะไรหรอก มันยังอยู่กันเราตลอดเวลา แถมเรื่องความรักก็ยังกระท่อนกระแท่น ชีวิตล้มเหลลวไปหมด สมองเบลอความจำไม่ดี ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แถมสภาพร่างกายและหน้าตายังโทรมมาก
ชีวิตเด็กมหาลัยกับโรคซึมเศร้าของคนขี้แพ้และล้มเหลว
วันแรกที่เขามหาลัยก็ไม่โอเคแล้วอ่ะ ชีวิตเฟรสชี่ของเรา T_T....สำหรับปี 1 มันเป็นอะไรที่ตั้งตัวไม่ทันมากเลย มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้เลย เราเล่นกีฬาไม่เป็น พูดไม่เก่ง ไม่เฟรนลี่เลย ตอนแรกเรามีเพื่อนคนนึงเขาเป็นคนนิสัยดี กตัญญู เรียนกลางๆ เป็นผู้ชายนะ แต่เอาไปเอามาเราสองคนก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เราเลยตัดสินใจแยกตัวออกมาจากเพื่อนคนนี้ เพราะเรารู้สึกว่าไม่โอเคท่ี่จะต้องมาปะทะอารมณ์ใส่กันแทบทุกวัน บางวันเรากลับมาที่หอแล้วร้องไห้ก็มี เพื่อนก็นิสัยดี แต่เรานี่แหละที่เป็นคนนิสัยไม่ดี เราชอบทำให้คนรอบข้างเรา รู้สึกอึดอัด รำคาญเราได้ง่ายมากๆ เราเป็นคนโง่ๆ เซ่อๆ เอาแต่ใจ พูดจาไม่รักษาน้ำใจเพื่อน ขี้น้อยใจ เห็นแก่ตัว คิดมาก อีโก้สูง โอโหคือเราไม่มีอะไรดีเลยโว่ย คือ สรุปคนที่มีปัญหา ก็คือตัวเรานี่แหละ มันก็เลย...เป็นแบบนี้ เรื่องที่ทำให้เราตกใจคือ เพราะความโง่ของเรา เพื่อนเลยด่าว่า "" เพื่อนๆที่อ่านอยู่คงไม่ใส่ใจใส่มั้ย แต่สำหรับคนที่ขี้น้อยใจแบบเรา เราตกใจมาก เราเคยพูดกับเพื่อนคนนี้มากว่าเราอยากมีเพื่อนเยอะๆเขาเลยบอกเราว่ามีทำไมเยอะแค่มีสองคนก็โอเคแล้ว (ในความคิดของเรานะ ที่เราอยากมีเพื่อนเยอะเพราะเราไม่อยากโดนปะทะคารมโดนข่มแบบนี้ มีอะไรก็จะชอบมาลงที่เรา อย่างน้อยเพื่อนเยอะน่าจะคลายเครียดได้มากกว่านี้)เราจะชอบยอมคนนะจนโดนเพื่อนข่มตลอด เราเลยตีตัวออกห่างเพื่อนคนนี้ ซักพักเขาก็มีเพื่อนเยอะเลย ส่วนเราไม่มีใครอยากคบ ไปไหนมาไหนคนเดียว เราโดดเดี่ยวมากเลยเราไม่มีเพื่อนเลย
ปล.ยังมีต่อนะ
ตอนนี้เราอยู่ปี 2 แล้ว เราเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เราไม่ไหวจริงๆ เลยตัดสินใจไปหาหมอ และช่วงนี้เราอยู่ในช่วงรักษา และการสอบไฟนอล เรารู้สึกว่า การไปหาหมอ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันมากๆ ทั้งต้องให้กำลังใจตัวเอง พยายามฝืนตัวเอง ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบไฟนอล ซึ่งคะแนนมิดเทอมก็จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง T_T อาการเราหนักขึ้น มันกำลังต่อต้านกัน เทอมนี้ต้องมี F หลายตัวแน่ๆ เวลาเราไปอ่านหนังสือสอบกับเพื่อนคณะเรามีความรู้สึกอึดอัดและแย่มากๆเลย เราพยายามสร้างพลังบวกให้ตัวเอง แต่มันก็อยู่ได้แปปเดียว ช่วงหลังมิดเทอมมาเราไม่ค่อยเข้าเรียน เราเรียนไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่าเราไปหาหมอ และผลข้างเคียงของการกินยา มันทำให้เราง่วง เบลอ ทั้งวัน เราผอมมากเหมือนไม้เสียบผีเลย พรุ่งนี้เราก็สอบนะแต่ว่าเรายังไม่ได้อ่านหนังสือซักตัว
กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ยัยขี้แพ้คนนี้ได้พักการเรียนไป 1 เทอม เต็มๆ แถมเทอมที่เรียนผ่านมาเมื่อกี้ก็ได้ดร็อปไว้และไม่ได้ขึ้นปี 3 พร้อมเพื่อนๆ เนื่องจากไม่ผ่านวิชาคณะ เราต้องกลับไปเรียนพร้อมกับรุ่นน้องจนจบปี 4 เฮ้อ...ช่วงนี้เป็นช่วงพัก และช่วงรักษา แต่ไม่รู้สิ ยัยขี้แพ้คนนี้กินยามาก็หลายเดิอนแล้ว แต่ก็ไม่หายซักที เรารู้สึกอารมณ์ของเรามันแปรปรวนมากๆๆ มึนๆ เราวางแผนที่จะดึงตัวเองขึ้นมาโดยการเขียนตารางประจำวัน แต่เราก็ทำไม่ได้ซักอย่าง มันเหมือนเราเอื่อยๆ เหมือนไม่พยายามจะสู้กับมันจริงๆ ทั้งที่เราเห็นน้ำตาของพ่อครั้งนั้น มันเจ็บปวดมากเหลือเกิน แต่เราก็สู้กับตัวโรคม่ได้เลย เวลาเรารู้สึกขี้เกียจ หรือไม่อยากทำอะไร มันจะแย่มากๆ มันไม่ใช่ความขี้เกียจปกติทั่วๆไป ตอนนี้เรามองไม่เห็นหนทาง ไม่เห็นแสงสว่างเลยซักนิด เราชักไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเราป่วยจริงๆมานานแค่ไหนกันแน่ เรารู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน ทั้งทรมาร เจ็บปวด แย่ อยากหายไปจากโลกนี้ เรายอมรับว่าเราดื้อกับการรักษาของหมอ เราไม่เชื่อว่ามันจะหายได้ นี่ขนาดเราไปหาหมอมาแล้ว แต่เรากลับไม่รู้สึกดีขึ้น มันเหมือนหมอแค่ทำหน้าที่ หมอไม่ได้รักษาจิตใจเรา
ตอนนี้ชีวิตห่วยแตกมากกว่าเดิม จากที่เล่ามาทั้งหมด เราได้แอ็ดมิทโรงพยาบาล ทำให้เราไปสอบวันสุดท้ายไม่ได้ และทำให้เราได้ดร็อปเรียนหนึ่งปี เทอมที่เรียนผ่านมาแบบมึนๆเมื่อกี้ก็ได้ดร็อป เราได้กลับไปอยู่ที่บ้านหนึ่งเทอม แต่เป้นช่วงเวลาที่แย่ เราไม่ได้พักผ่อนเลย แมยังูกสังคมมองไปต่างนานาในทางลบ นี่แหละชีวิตความเป็นจริง จนถถถึงเวลที่เราได้กลับมาเรียนกับรุ่นน้อง มันทรมารทุกช่วงเวลา รุ่นน้องเขาก็สนิทกันหมดแล้ว ปี 2 เทอม 2 ตอนนี้เราก็ไม่ด้หายดีอะไรหรอก มันยังอยู่กันเราตลอดเวลา แถมเรื่องความรักก็ยังกระท่อนกระแท่น ชีวิตล้มเหลลวไปหมด สมองเบลอความจำไม่ดี ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ แถมสภาพร่างกายและหน้าตายังโทรมมาก