เรื่องราวของ "หินดำ" ไม่มี บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน

เรื่องนี้เป็นกระทู้ที่เคยลงในพันทิปมาครั้งหนึ่งแล้วแต่กระทู้ถูก หยุดการสนทนา ด้วย ความไม่เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้องในการนับถือ พระเจ้าองค์เดียวของศาสนาอิสลาม (เตาฮิด)[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ด้วยเหตุนี้ จึงขอนำเสนออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เยาวชนมุสลิม เข้าใจในเรื่อง "หินดำ" นี้ได้อย่างถูกต้อง ว่าควรที่จะนำเอามาเกี่ยวข้องกับหลักความศรัทธาของมุสลิมหรือไม่?

ประวัติเกี่ยวกับกะบะห์ หรือ บัยตุลลอฮ์(บ้านของพระเจ้า) ที่กล่าวไว้ในอัลกุรอาน  

{22:26} และจงรำลึกเมื่อเราได้ชี้แนะสถานของบ้านนั้นแก่อิบรอฮีมว่า "เธออย่าตั้งภาคีต่อฉันแต่อย่างใด และจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับผู้มาเวียนรอบ และบรรดาผู้ยืนนมาซ และบรรดาผู้รุกูอฺ และบรรดาผู้กราบ"
{22:27} "และจงประกาศแก่มวลมนุษย์เพื่อการทำหัจญ์ พวกเขาจะมาหาเธอ โดยการเดินเท้า และโดยการขี่อูฐเพรียวทุกตัว มาจากทางไกลทุกทิศทาง"
{2:125} และจงรำลึก เมื่อเราได้ให้บ้านหลังนั้นเป็นที่กลับมาสำหรับปวงมนุษย์และเป็นที่ปลอดภัยและพวกเธอจงยึดเอาที่ยืนของอิบรอฮีม เป็นที่นมาซเถิด และเราได้สั่งเสียแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีลว่า "เธอทั้งสองจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับบรรดาผู้เวียนฏ็อวาฟ และบรรดาผู้บำเพ็ญการเคารพสักการะ และบรรดาผู้ที่ก้มรุกูอฺ และกราบ"

{2:126} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมได้วิงวอนว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดบันดาลให้ที่นี้เป็นเมืองที่ปลอดภัย และโปรดประทานบรรดาผลไม้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่ชาวเมืองนี้ คือพวกเขาที่มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก" พระองค์ตรัสว่า "ผู้ใดที่ปฏิเสธการศรัทธา ฉันจะให้เขาได้รับความสำราญสักนิด แล้วฉันจะบีบบังคับให้เขาไปสู่การทรมานแห่งนรก และมันเป็นจุดหมายปลายทางอันชั่วช้ายิ่ง"

{2:127} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมและอิสมาอีล ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดรับ(การงาน)จากพวกข้าฯด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้น คือพระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงรอบรู้"

{2:128} "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดทำให้ข้าฯทั้งสองเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ และโปรดทำให้มีประชาชาติที่สวามิภักดิ์ต่อพระองค์จากลูกหลานของพวกข้าฯ และโปรดแสดงให้พวกข้าเห็นศาสนพิธีของพวกข้า และโปรดนิรโทษแก่พวกข้าฯ พระองค์คือพระผู้ทรงนิรโทษ พระผู้ทรงปรานีเสมอ"
......................................................................

ประวัติหินดำมีอยู่ในเรื่องบอกเล่า (ฮาดีษ)  หินดำมีมาก่อนอิสลามตั้งแต่สมัย Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
..........................................

https://ppantip.com/l/http%3Aฯ๑ฯฯ๑ฯwww.sunnahstudent.comฯ๑ฯforumฯ๑ฯarchive.php%3Ftopic%3D1520.0

หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: Muftee Date: ต.ค. 08, 2007, 08:04 PM

หินดำ
หินดำ เป็นหินที่ถูกตั้งอยู่มุมของกะบะฮ์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคลุมรอบด้วยกับเงิน หินดำเป็นจุดเริ่มของการตอวาฟ หินดำถูกยกเหนือพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร เป็นหินที่มีความหนัก เป็นรูปทรงวงรี มีสีดำแดง

หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ โดยลงมาในสภาพที่เป็นชิ้นเดียว แต่ปัจจุบันนี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวน 8 ชิ้น ถูกเคลือบด้วยกับปูนน้ำมันที่สามารถมองผ่านได้ ซึ่งผสมด้วยขี้ผึ้ง ชะมดเชียง และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม) ซึ่งถูกวางไว้บนหัวของหินดำ

ความสำคัญของหินดำ
ผู้ที่นำเอาหินดำมาวางไว้ ณ กะบะฮ์คือท่านนะบีอิบรอฮีม เพื่อให้ผู้ตอวาฟเริ่มตอวาฟ ณ จุดเริ่มที่หินดำ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน

และคนแรกที่นำเอาเงินมาล้อมหินดำคือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ ซุเบร และคนรุ้นหลังก็ได้ปฏิบัติตามกันมา และคนสุดท้ายที่ดำเนินรอยตามแนวทางนี้ก็คือสุลต่านอุสมานีย์ นามว่า มูฮัมหมัด ร่อชาด คาน (ฮ.ศ.1331 / ค.ศ.1913) ด้วยกับเงินบริสุทธิ์ ต่อมากษัตริย์อับดุลอาซีซราชวงค์ซาอุดก็ได้เข้ามาปรับปรุงเพิ่มเติม และได้เปลี่ยนเป็นเงินใหม่ในปี ฮ.ศ.1375 / ค.ศ.1956

ในเทศกาลฮัจย์ปี ฮ.ศ.317 กลุ่มผู้มาทำฮัจย์ได้ถูกปล้นสะดมและถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด หนึ่งในสิ่งของที่ถูกปล้นก็คือหินดำ การบุกปล้นและสังหารอย่างนองเลือดในครั้งนี้นำโดยอบีฏอเฮร จากเผ่าอัลก็อรมาฏีย์  ในการปล้นครั้งนี้มีคนตายไปจำนวนมาก เผ่าอัลก็อรมาฏีย์ได้อ้างว่าฮัจย์ได้ถูกเปลี่ยนมายังมัสญิดกูฟะห์แล้ว เนื่องจากพวกเขาต้องการกอบโกยทรัพย์สินในช่วงฮัจย์ หินดำยังคงอยู่กับนายฏอเฮร จนกระทั้งอบูอัลกอเซ็มมาขอซื้อด้วยราคาสามหมื่นดินาร และเขาก็ได้นำกลับมาไว้ที่เดิมของมันในปี ฮ.ศ.339

สีของหินดำ
ได้มีรายงานจากท่านอิบนุอับบาสว่า แท้จริงท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังหิมะ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังเงิน?

เพราะอะไรถึงถูกเรียกว่า ?หินดำ?
ท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? แน่นอนสีดำนั้นมีอยู่เฉพาะหัวของหินดำเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือเป็นสีขาว ซึ่งบอกเล่าโดยมูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ เพราะเขาเห็นด้วยกับตาของเขาโดยเขากล่าวว่า ?ฉันได้สังเกตหินดำในขณะที่มันแตกเป็นชิ้นๆ เห็นว่าความดำนั้นมีอยู่บนหัวของหินดำเท่านั้น และส่วนที่เหลือของมันเป็นสีขาว

ความประเสริฐของหินดำ
1. ท่านร่อซู้ลฯ ใช้มืออันมีเกียรติของท่านยกหินดำขึ้น ในขณะที่ชาวกุเรชบูรณะกะบะฮ์เสร็จสิ้น พวกเขามีความขัดแย้งกันว่าใครจะเป็นผู้นำเอาหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน เหตุการณ์นี้เกือบสร้างฟิตนะห์ (ความวุ่นวาย) ระหว่างลูกหลานชาวกุเรช แล้วท่านอบูอุมัยยะห์ อิบนุ อัลมุเฆเราะห์ได้ยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า โอ้ชาวกุเรชเอ๋ย ! พวกท่านจงให้บุคคลแรกที่เข้ามาทางประตูมัสญิดนี้เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างพวกท่านเถิด แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตาม ปรากฏว่าคนแรกที่เดินเข้ามาก็คือท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ)  ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นท่านร่อซู้ลฯ พวกเขาก็กล่าวว่า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ เรายินดี (ให้เขาเป็นผู้ตัดสิน) ชายคนนี้คือมูฮัมหมัด เมื่อท่านร่อซู้ลฯเดินมายังพวกเขา แล้วพวกเขาก็บอกเรื่องราวการขัดแย้งระหว่างพวกเขา ท่านร่อซู้ลฯ จึงกล่าวว่า ?จงเอาผ้าหนึ่งชิ้นมาให้ฉัน? แล้วผ้าก็ได้ถูกนำมา แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ยกหินดำด้วยกับมืออันมีเกียรติของท่านวางไว้บนผ้าผืนนั้น แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้กล่าวว่า ?ทุกๆเผ่าจงจับด้านหนึ่งจากผ้านี้ และจงยกมันขึ้นพร้อมๆกัน? แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตามจนกระทั้งถึงที่วางหินดำ ท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ใช้มือของท่านยกหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน

2. ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นที่เพียงพอแล้วว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?

3. หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ เพราะท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ?

4. หินดำคือการสาบานของอัลลอฮฺบนโลกนี้ เพราะท่านนะบีกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้

5. หินดำจะเป็นพยานให้กับบุคคลที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ เพราะท่านนะบีได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริงสำหรับหินดำนี้มีลิ้นและมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง

6. บรรดาซอฮาบะห์ (อัครสาวกท่านร่อซู้ลฯ) จูบหินดำ แน่นอนท่านอุมัรได้จูบหินดำและกล่าวกับหินดำว่า ?แท้จริงฉันรู้ว่าท่านคือหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีภัยไม่มีประโยชน์ หากแม้นว่าฉันไม่เห็นว่าท่านร่อซู้ลฯจูบท่าน ฉันก็จะไม่จูบท่าน?

7. หินดำเป็นจุดเริ่มตอวาฟ คือเครื่องหมายในการเริ่มตอวาฟ และสุนัตให้ทำการจูบหินดำในการตอวาฟด้วยสำหรับผู้ที่มีความสามารถ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่