ประวัติเกี่ยวกับกะบะห์ หรือ บัยตุลลอฮ์(บ้านของพระเจ้า) ที่กล่าวไว้ในอัลกุรอาน
{22:26} และจงรำลึกเมื่อเราได้ชี้แนะสถานของบ้านนั้นแก่อิบรอฮีมว่า "เธออย่าตั้งภาคีต่อฉันแต่อย่างใด และจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับผู้มาเวียนรอบ และบรรดาผู้ยืนนมาซ และบรรดาผู้รุกูอฺ และบรรดาผู้กราบ"
{22:27} "และจงประกาศแก่มวลมนุษย์เพื่อการทำหัจญ์ พวกเขาจะมาหาเธอ โดยการเดินเท้า และโดยการขี่อูฐเพรียวทุกตัว มาจากทางไกลทุกทิศทาง"
{2:125} และจงรำลึก เมื่อเราได้ให้บ้านหลังนั้นเป็นที่กลับมาสำหรับปวงมนุษย์และเป็นที่ปลอดภัยและพวกเธอจงยึดเอาที่ยืนของอิบรอฮีม เป็นที่นมาซเถิด และเราได้สั่งเสียแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีลว่า "เธอทั้งสองจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับบรรดาผู้เวียนฏ็อวาฟ และบรรดาผู้บำเพ็ญการเคารพสักการะ และบรรดาผู้ที่ก้มรุกูอฺ และกราบ"
{2:126} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมได้วิงวอนว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดบันดาลให้ที่นี้เป็นเมืองที่ปลอดภัย และโปรดประทานบรรดาผลไม้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่ชาวเมืองนี้ คือพวกเขาที่มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก" พระองค์ตรัสว่า "ผู้ใดที่ปฏิเสธการศรัทธา ฉันจะให้เขาได้รับความสำราญสักนิด แล้วฉันจะบีบบังคับให้เขาไปสู่การทรมานแห่งนรก และมันเป็นจุดหมายปลายทางอันชั่วช้ายิ่ง"
{2:127} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมและอิสมาอีล ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดรับ(การงาน)จากพวกข้าฯด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้น คือพระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงรอบรู้"
{2:128} "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดทำให้ข้าฯทั้งสองเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ และโปรดทำให้มีประชาชาติที่สวามิภักดิ์ต่อพระองค์จากลูกหลานของพวกข้าฯ และโปรดแสดงให้พวกข้าเห็นศาสนพิธีของพวกข้า และโปรดนิรโทษแก่พวกข้าฯ พระองค์คือพระผู้ทรงนิรโทษ พระผู้ทรงปรานีเสมอ"
......................................................................
ประวัติหินดำมีอยู่ในเรื่องบอกเล่า (ฮาดีษ) หินดำมีมาก่อนอิสลามตั้งแต่สมัย Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Black Stone
From Wikipedia, the free encyclopedia
Jump to navigationJump to search
This article is about the Muslim object of reverence. For other uses, see Black Stone (disambiguation).
The Black Stone is seen through a portal in the Kaaba
The Black Stone (Arabic: ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد, al-Ḥajaru al-Aswad, "Black Stone") is a rock set into the eastern corner of the Kaaba, the ancient building located in the center of the Grand Mosque in Mecca, Saudi Arabia. It is revered by Muslims as an Islamic relic which, according to Muslim tradition, dates back to the time of Adam and Eve.[1]
The stone was venerated at the Kaaba in pre-Islamic pagan times. According to Islamic tradition, it was set intact into the Kaaba's wall by the prophet Muhammad in 605 CE, five years before his first revelation. Since then it has been broken into fragments and is now cemented into a silver frame in the side of the Kaaba. Its physical appearance is that of a fragmented dark rock, polished smooth by the hands of pilgrims. Islamic tradition holds that it fell from heaven as a guide for Adam and Eve to build an altar. It has often been described as a meteorite.[2]
Muslim pilgrims circle the Kaaba as a part of the tawaf ritual during the hajj and many try to stop and kiss the Black Stone, emulating the kiss that Islamic tradition records that it received from Muhammad.[3][4]
หินนี้ได้ถูกบูชาที่ กะบะห์ โดย Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) ในช่วงก่อนศาสนาอิสลาม หลังจากที่ นบีอิบรอฮิม สร้างแล้ว กะบะห์ถูกทอดทิ้งอยู่ภายใต้การครอบครองของ Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) ได้ นำรูปเจว็ดเขัาไปติดตั้งไว้เต็ม กะบะห์ หรือที่เรียกว่าบ้านของพระเจ้า (บัยตุลลอห์) ต่อมาท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กวาดล้างเทวรูปต่างๆออกไปจากกะบะห์ แล้วยกเอาหินดำติดตั้งไว้ในกะบะห์
หินดำนั้นมีความสำคัญของมันตามตำนานต่อไปนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนอื่นต้องขอบอกให้สมาชิกที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าใจว่า ในทัศนะของผมและมุสลิมจำนวนมากที่มีความเห็นว่า
การเชื่อและศรัทธาต่อหินดำตามตำนานนี้ ตามหล้กการของศาสนาอิสลามถือว่าเป็นการสร้างภาคี เรียกว่า เป็น "ชิริก".
เช่นในภาพนี้:
การอ่านดุอาหรือการขอพรผ่านก้อนหินดำเช่นนี้ผิดหลักการของศาสนาอิสลาม
..........................................
https://ppantip.com/l/http%3Aฯ๑ฯฯ๑ฯwww.sunnahstudent.comฯ๑ฯforumฯ๑ฯarchive.php%3Ftopic%3D1520.0
หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: Muftee Date: ต.ค. 08, 2007, 08:04 PM
หินดำ
หินดำ เป็นหินที่ถูกตั้งอยู่มุมของกะบะฮ์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคลุมรอบด้วยกับเงิน หินดำเป็นจุดเริ่มของการตอวาฟ หินดำถูกยกเหนือพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร เป็นหินที่มีความหนัก เป็นรูปทรงวงรี มีสีดำแดง
หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ โดยลงมาในสภาพที่เป็นชิ้นเดียว แต่ปัจจุบันนี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวน 8 ชิ้น ถูกเคลือบด้วยกับปูนน้ำมันที่สามารถมองผ่านได้ ซึ่งผสมด้วยขี้ผึ้ง ชะมดเชียง และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม) ซึ่งถูกวางไว้บนหัวของหินดำ
ความสำคัญของหินดำ
ผู้ที่นำเอาหินดำมาวางไว้ ณ กะบะฮ์คือท่านนะบีอิบรอฮีม เพื่อให้ผู้ตอวาฟเริ่มตอวาฟ ณ จุดเริ่มที่หินดำ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน
และคนแรกที่นำเอาเงินมาล้อมหินดำคือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ ซุเบร และคนรุ้นหลังก็ได้ปฏิบัติตามกันมา และคนสุดท้ายที่ดำเนินรอยตามแนวทางนี้ก็คือสุลต่านอุสมานีย์ นามว่า มูฮัมหมัด ร่อชาด คาน (ฮ.ศ.1331 / ค.ศ.1913) ด้วยกับเงินบริสุทธิ์ ต่อมากษัตริย์อับดุลอาซีซราชวงค์ซาอุดก็ได้เข้ามาปรับปรุงเพิ่มเติม และได้เปลี่ยนเป็นเงินใหม่ในปี ฮ.ศ.1375 / ค.ศ.1956
ในเทศกาลฮัจย์ปี ฮ.ศ.317 กลุ่มผู้มาทำฮัจย์ได้ถูกปล้นสะดมและถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด หนึ่งในสิ่งของที่ถูกปล้นก็คือหินดำ การบุกปล้นและสังหารอย่างนองเลือดในครั้งนี้นำโดยอบีฏอเฮร จากเผ่าอัลก็อรมาฏีย์ ในการปล้นครั้งนี้มีคนตายไปจำนวนมาก เผ่าอัลก็อรมาฏีย์ได้อ้างว่าฮัจย์ได้ถูกเปลี่ยนมายังมัสญิดกูฟะห์แล้ว เนื่องจากพวกเขาต้องการกอบโกยทรัพย์สินในช่วงฮัจย์ หินดำยังคงอยู่กับนายฏอเฮร จนกระทั้งอบูอัลกอเซ็มมาขอซื้อด้วยราคาสามหมื่นดินาร และเขาก็ได้นำกลับมาไว้ที่เดิมของมันในปี ฮ.ศ.339
สีของหินดำ
ได้มีรายงานจากท่านอิบนุอับบาสว่า แท้จริงท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังหิมะ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังเงิน?
เพราะอะไรถึงถูกเรียกว่า ?หินดำ?
ท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? แน่นอนสีดำนั้นมีอยู่เฉพาะหัวของหินดำเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือเป็นสีขาว ซึ่งบอกเล่าโดยมูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ เพราะเขาเห็นด้วยกับตาของเขาโดยเขากล่าวว่า ?ฉันได้สังเกตหินดำในขณะที่มันแตกเป็นชิ้นๆ เห็นว่าความดำนั้นมีอยู่บนหัวของหินดำเท่านั้น และส่วนที่เหลือของมันเป็นสีขาว
ความประเสริฐของหินดำ
1. ท่านร่อซู้ลฯ ใช้มืออันมีเกียรติของท่านยกหินดำขึ้น ในขณะที่ชาวกุเรชบูรณะกะบะฮ์เสร็จสิ้น พวกเขามีความขัดแย้งกันว่าใครจะเป็นผู้นำเอาหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน เหตุการณ์นี้เกือบสร้างฟิตนะห์ (ความวุ่นวาย) ระหว่างลูกหลานชาวกุเรช แล้วท่านอบูอุมัยยะห์ อิบนุ อัลมุเฆเราะห์ได้ยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า โอ้ชาวกุเรชเอ๋ย ! พวกท่านจงให้บุคคลแรกที่เข้ามาทางประตูมัสญิดนี้เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างพวกท่านเถิด แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตาม ปรากฏว่าคนแรกที่เดินเข้ามาก็คือท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นท่านร่อซู้ลฯ พวกเขาก็กล่าวว่า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ เรายินดี (ให้เขาเป็นผู้ตัดสิน) ชายคนนี้คือมูฮัมหมัด เมื่อท่านร่อซู้ลฯเดินมายังพวกเขา แล้วพวกเขาก็บอกเรื่องราวการขัดแย้งระหว่างพวกเขา ท่านร่อซู้ลฯ จึงกล่าวว่า ?จงเอาผ้าหนึ่งชิ้นมาให้ฉัน? แล้วผ้าก็ได้ถูกนำมา แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ยกหินดำด้วยกับมืออันมีเกียรติของท่านวางไว้บนผ้าผืนนั้น แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้กล่าวว่า ?ทุกๆเผ่าจงจับด้านหนึ่งจากผ้านี้ และจงยกมันขึ้นพร้อมๆกัน? แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตามจนกระทั้งถึงที่วางหินดำ ท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ใช้มือของท่านยกหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน
2. ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นที่เพียงพอแล้วว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?
3. หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ เพราะท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ?
4. หินดำคือการสาบานของอัลลอฮฺบนโลกนี้ เพราะท่านนะบีกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้
5. หินดำจะเป็นพยานให้กับบุคคลที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ เพราะท่านนะบีได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริงสำหรับหินดำนี้มีลิ้นและมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง
6. บรรดาซอฮาบะห์ (อัครสาวกท่านร่อซู้ลฯ) จูบหินดำ แน่นอนท่านอุมัรได้จูบหินดำและกล่าวกับหินดำว่า ?แท้จริงฉันรู้ว่าท่านคือหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีภัยไม่มีประโยชน์ หากแม้นว่าฉันไม่เห็นว่าท่านร่อซู้ลฯจูบท่าน ฉันก็จะไม่จูบท่าน?
7. หินดำเป็นจุดเริ่มตอวาฟ คือเครื่องหมายในการเริ่มตอวาฟ และสุนัตให้ทำการจูบหินดำในการตอวาฟด้วยสำหรับผู้ที่มีความสามารถ
เรื่องราวของ "หินดำ" ไม่มี บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน
{22:26} และจงรำลึกเมื่อเราได้ชี้แนะสถานของบ้านนั้นแก่อิบรอฮีมว่า "เธออย่าตั้งภาคีต่อฉันแต่อย่างใด และจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับผู้มาเวียนรอบ และบรรดาผู้ยืนนมาซ และบรรดาผู้รุกูอฺ และบรรดาผู้กราบ"
{22:27} "และจงประกาศแก่มวลมนุษย์เพื่อการทำหัจญ์ พวกเขาจะมาหาเธอ โดยการเดินเท้า และโดยการขี่อูฐเพรียวทุกตัว มาจากทางไกลทุกทิศทาง"
{2:125} และจงรำลึก เมื่อเราได้ให้บ้านหลังนั้นเป็นที่กลับมาสำหรับปวงมนุษย์และเป็นที่ปลอดภัยและพวกเธอจงยึดเอาที่ยืนของอิบรอฮีม เป็นที่นมาซเถิด และเราได้สั่งเสียแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีลว่า "เธอทั้งสองจงทำความสะอาดบ้านของฉัน สำหรับบรรดาผู้เวียนฏ็อวาฟ และบรรดาผู้บำเพ็ญการเคารพสักการะ และบรรดาผู้ที่ก้มรุกูอฺ และกราบ"
{2:126} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมได้วิงวอนว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดบันดาลให้ที่นี้เป็นเมืองที่ปลอดภัย และโปรดประทานบรรดาผลไม้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่ชาวเมืองนี้ คือพวกเขาที่มีศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก" พระองค์ตรัสว่า "ผู้ใดที่ปฏิเสธการศรัทธา ฉันจะให้เขาได้รับความสำราญสักนิด แล้วฉันจะบีบบังคับให้เขาไปสู่การทรมานแห่งนรก และมันเป็นจุดหมายปลายทางอันชั่วช้ายิ่ง"
{2:127} และจงรำลึก เมื่ออิบรอฮีมและอิสมาอีล ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดรับ(การงาน)จากพวกข้าฯด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้น คือพระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงรอบรู้"
{2:128} "พระเจ้าของพวกข้าฯ! โปรดทำให้ข้าฯทั้งสองเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ และโปรดทำให้มีประชาชาติที่สวามิภักดิ์ต่อพระองค์จากลูกหลานของพวกข้าฯ และโปรดแสดงให้พวกข้าเห็นศาสนพิธีของพวกข้า และโปรดนิรโทษแก่พวกข้าฯ พระองค์คือพระผู้ทรงนิรโทษ พระผู้ทรงปรานีเสมอ"
......................................................................
ประวัติหินดำมีอยู่ในเรื่องบอกเล่า (ฮาดีษ) หินดำมีมาก่อนอิสลามตั้งแต่สมัย Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หินนี้ได้ถูกบูชาที่ กะบะห์ โดย Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) ในช่วงก่อนศาสนาอิสลาม หลังจากที่ นบีอิบรอฮิม สร้างแล้ว กะบะห์ถูกทอดทิ้งอยู่ภายใต้การครอบครองของ Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) Arab pagan (อรับที่บูชาเจว็ด) ได้ นำรูปเจว็ดเขัาไปติดตั้งไว้เต็ม กะบะห์ หรือที่เรียกว่าบ้านของพระเจ้า (บัยตุลลอห์) ต่อมาท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กวาดล้างเทวรูปต่างๆออกไปจากกะบะห์ แล้วยกเอาหินดำติดตั้งไว้ในกะบะห์
หินดำนั้นมีความสำคัญของมันตามตำนานต่อไปนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้