ผมมีอาการไม่สบายตอนช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาพอดี จู่ๆก็มีอาการเจ็บคอ ไอบ้าง มีไข้ต่ำๆ และเป็นหวัดรุนแรงแบบแทบจะหายใจไม่ออก โดยผมคิดว่าเป็นการติดเชื้อมาจากคนข้างเคียงแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้มีน้องคนนึงที่ได้ใกล้ชิดเดินทางร่วมกับคุณแม่ซึ่งเขามีอาการป่วยเหมือนเป็นไข้หวัด แล้วจากนั้นคุณแม่ก็ป่วยด้วยอาการเดียวกัน พอไม่นาน ขณะที่คุณแม่อาการเริ่มดีขึ้น ผมก็ดันมีอาการป่วยแบบนั้นเป็นคนต่อมา วันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผมได้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อให้คุณหมิทำการตรวจโรคและวินิจฉัย ก็ไม่มีอะไรมาก คุณหมอท่านก็ถามไถ่อาการและให้ผมอ้าปากเพื่อดูการอักเสบบริเวณในคอ และกล่าวว่า"คอแดงนะ เดี๋ยวหมอจะให้ยากลับไปทานนะครับ" ผมออกมารอรับยาที่แผนกจ่ายยา ซึ่งยาที่ผมได้มาก็จะมี ยาลดไข้ Paracetamol, ยาอมแก้เจ็บคอและบรรเทาอาการติดเชื้อแบบไม่รุนแรงนัก, ยาแก้ไอแบบเม็ด, ยาลดน้ำมูก และที่ผมแปลกใจที่สุดก็เห็นจะเป็น ยาฆ่าเชื้อ Amoxicillin 500 mg โดยเขาให้ทานเช้า,กลางวัน,เย็น จนครบ 20 แคปซูลตามที่หมอสั่งยามา สันนิษฐานของผมเหมือนจะผิดไปหมดเลย เพราะผมคิดว่าตัวเองน่าจะติดเชื้อไวรัสซึ่งทำให้ป่วยเสียอีก แต่ผมก็ทานต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ และยาก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่อาการไอและเจ็บคอของผมกลับมีเพิ่มมากขึ้นในเมื่อวานและวันนี้ หวัดก็เป็นๆหายๆ ผมไอหนักจนรู้สึกเหมือนจะอาเจียนและเสียงแหบหาย ตอนนี้เลยรู้สึกเซ็งๆกับการที่ต้องมาป่วยรับปีใหม่แบบนี้ กลับมาที่เรื่องของยาปฏิชีวนะต่อ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่า ผมติดเชื้อแบคทีเรียทำให้ป่วยจริงๆ หรือหมอให้มาเผื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรือว่าเพราะอะไรครับ อยากถามผู้ใช้ท่านอื่นๆว่าเมื่อท่านป่วยด้วยอาการลักษณะนี้ ได้รับยาฆ่าเชื้อกลับไปทานทุกครั้งหรือไม่ หรือจะเป็นบุคลากรทางแพทย์ผ่านมาเห็นกระทู้นี้แล้วตอบเกี่ยวกับการพิจารณาจ่ายยาฆ่าเชื้อให้กับผู้ป่วยก็ได้นะครับ
ถามเรื่องเกี่ยวกับการพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะของแพทย์