ผู้ชายที่คบกันมา 12 ปีแต่งงานกัน 2 ปีทำผู้หญิงในที่ทำงานท้องตอนเราท้อง 3 เดือน

สวัสดีค่ะสมาชิกทุกๆ ท่าน
วันนี้เรามีเรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิตมาระบายให้ฟัง

เรากับผู้ชายคนนี้คบกันมาตั้งแต่เราอยู่ ม.5 จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 12 ปี
เมื่อปีที่แล้วตอนช่วงเดือนมีนาคมเราท้องค่ะ แต่การท้องครั้งนี้คือตั้งใจ ก่อนหน้านั้นคุยกันว่าอยากมีลูกจึงค่อยแต่งงาน เพราะคบกันมานานมากแล้ว
หลังจากเรารู้ว่าท้องได้ประมาณ 8 สัปดาห์ เขาให้พ่อแม่มาสู่ขอ ทางบ้านเราก็ไม่ว่าอะไร ถามเราเราบอกขอแค่ผูกข้อมือ บายศรีสู่ขวัญตามประเพณีอิสานก็พอ
ค่าสินสอดเราบอกให้เอาแค่เงินเก็บของเขาที่มีเท่านั้นคือ 50000 ทองหนัก 1 บาทคือของรับขวัญที่แม่เขาให้เรา กำหนดแต่งคือ 24 มิถุนายน 60
แต่หลังจากฝ่ายเขามาสู่ขอได้ไม่นาน เรามีอาการตกขาวสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะพบว่ามีภาวะแท้งคุกคาม เรารักษาตัวแค่สองวันก็มีอาการตกเลือด
สุดท้ายเราก็แท้งตอน 11 สัปดาห์ในคืนวันที่ 5 มิถุนายน 60 ต้องขูดมดลูกสดๆ ตอนนั้นเขายังห่วงใย แสดงออกเหมือนเดิม
แต่หลังแท้งเขาเอ่ยปากอยากเลื่อนงานแต่งออกไปก่อน แต่พ่อแม่เขาไม่อยากให้เลื่อน
สุดท้ายงานแต่งก็ถูกจัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 60 เป็นงานแต่งแบบบายศรีสู่ขวัญตามประเพณีอิสาน
หลังแต่งงานเรากับเขาคุยกันว่าจะขึ้นไปทำงานที่ กทม (ตอนท้องเราออกจากงาน) เขาบอกขอเวลาหาห้องพักดีๆ
เราก็รอ กระทั่งเข้าเดือนตุลาคม เราได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์งานที่ กทม เราถามเขาถึงที่พัก เขาบอกว่ายังไม่ได้ มันหายาก
สุดท้ายเขาขอให้เราขึ้นไปหลังปีใหม่ซึ่งตอนนั้นเราก็ยอม เพราะยังไงสุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันจึงปฏิเสธบริษัทที่เรียกตัวไปสัมภาษณ์
ช่วงนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังโทรคุยกันทุกวัน เขายังลงมาหาทุกเดือนเหมือนเดิม
จนกระทั่งปีใหม่เขามาหา อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคมจนถึงวันที่ 3 มกราคม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เขายังคงแสดงออกเหมือนที่เคยเป็น
ไม่มีพิรุธอะไรเลย วันสิ้นปีก็ไปดูพลุ และเคาว์ดาวน์ด้วยกัน ความสัมพันธ์ทุกอย่างเหมือนเดิม
จนปลายเดือนมกราคม เราได้วันที่จะขึ้นไปอยุ่ด้วยกันแล้ว แต่ปรากฏว่าเราท้อง
ตอนนั้นทั้งดีใจ และตกใจในความรู้สึก เพราะเป็นการท้องที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่คาดคิดว่าจะติดเร็วขนาดนี้
เราบอกเขา เขาเงียบไป และถามว่าติดช่วงไหน ช่วงปีใหม่เหรอ แล้วก็บอกว่าตกใจ ไม่คิดว่าจะติดเร็วขนาดนี้
ตอนนั้นเรายังไม่ระแคะระคายอะไร แม้จะโทรหาน้อยลง แต่เขาก็ยังโทรหาอยู่ ยังติดต่อกันได้เหมือนเดิม
กระทั่งเขาเดือนมีนาคม เราติดต่อเขายากขึ้น โทรไม่ค่อยติด ไม่ค่อยรับสาย จนถึงขนาดหายไปเลยสองวัน
ตอนนั้นเราเริ่มสงสัย แต่ก็ยังเชื่อใจอยู่ ช่วงนั้นเพื่อนๆ เขาเริ่มทักมาหาเรา บางคนไม่เคยคุยกัน แต่ทักมาถามสารทุกข์สุขดิบ
บางคนเป็นเพื่อนในเฟสตอนไหนยังไม่รู้ส่งข้อความมาทักทาย
ส่วนเขา บางทีหายไปเลย บางทีโทรมาบ้าง แต่เราติดต่อเขายากขึ้น พอถามเขาบอกว่าโทรศัพท์เขาใกล้จะพัง
เราเริ่มระแวง แต่ก็ยังเชื่อใจอยู่
จนกระทั่งเราท้องได้ 6 เดือน อยู่ๆ เพื่อนของเราก็ทักมาบอกว่าเห็นสามีเราไปเที่ยวงาน G19 กับผู้หญิง ตอนนั้นเราไม่เชื่อ ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อก็เลยไปถามสามี เขาปฏิเสธ โวยวายหาว่าเราไม่เชื่อใจ เราเริ่มระแวงมากขึ้นจึงตัดสินใจนั่งรถทัวร์ขึ้นไปหาเขาที่ กทม โดยไม่บอก
พอเขารู้ (รู้จากพ่อเรา เพราะเขาโทรไปถามพ่อเรา) เขาโกรธ ส่งข้อความมาต่อว่าทำนอง ไม่เชื่อใจกูใช่ไหม จะขึ้นมาจับผิดกูใช่ไหม
เราตกใจ แต่ก็ยังแอบหวังลึกๆ ว่าเมื่อเจอหน้ากันทุกอย่างจะเหมือนเดิม
เราไปหาเขาที่บ้านซึ่งเป็นบ้านที่บริษัทเช่าให้พนักงานอยู่ แต่คนที่นั่นบอกว่าเขาไม่อยู่ ไม่เจอเขามาเป็นเดือนแล้ว
เราตกใจรีบโทรหาเขา แต่โทรไม่ติดติดต่อยังไงก็ไม่ได้ ตอนนั้นเคว้งมาก อุ้มท้องโตๆ เดินหิ้วกระเป๋าออกจากที่นั่นทั้งน้ำตา ไปนั่งที่ใต้สะพานลอย มองรถวิ่งไปวิ่งมาเพราะไม่รู้จะไปไหน ตอนนั้นทั้งอารมณ์คนท้อง ทั้งซึมเศร้าตีกันจนเราคิดสั้น เดินลงไปบนถนนแล้ว ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย แต่วินาทีนั้นอยู่ๆ ลูกก็ดิ้น ดิ้นแรงมาก เราถึงได้สติ ทรุดลงร้องไห้แทบขาดใจข้างถนนคนเดียวเหมือนคนบ้า
ไม่รู้จะทำยังไงดี สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่อยู่คนละฝากของกรุงเทพให้มารับ
คืนนั้นเราหอบหัวใจยับเยินไปนอนกับเพื่อน รุ่งเช้าเขาโทรเข้ามา ขอโทษ อ้อนวอนขอโอกาสอีกครั้ง
เราร้องไห้ เสียใจแต่ก็กลัว กลัวอย่างเดียวคือลูกจะไม่มีพ่อ จึงให้โอกาสเขา
เขามารับ และไปพูดคุยกัน แต่ตอนนั้นเรารู้แล้วว่าแววตาของเขาเปลี่ยนไป หากไม่อยากยอมรับ
เราอยู่กับเขาสามวัน ช่วงสามวันนั้นเขาจะหายไปช่วง 5 โมงเย็นหลังเลิกงาน และจะกลับมาอีกครั้งราวๆ เที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง
ตอนนั้นเราถามเขาห้เหตุผลว่าทำงาน เราระแคะระคายบ้าง แต่ก็ยังโง่ เพราะคิดเพียงว่ากลัวลูกไม่มีพ่อ
หลังจากตกลงพูดคุยกันแล้ว เขาขอโอกาส เราให้โอกาส เราก็กลับมาที่บ้านต่างจังหวัดอีกครั้ง
แต่การกลับมาครั้งนี้ เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย จากติดต่อยาก กลายเป็นติดต่อไม่ได้ สุดท้ายเขาบอกว่าจะเป็นคนติดต่อมาเอง
ความสัมพันธ์ตอนนั้นแย่มาก เราเองก็มีปัญหาความดันสูงขณะตั้งครรภ์ และอาการซึมเศร้า เราจึงพยายามรักษาตัวเอง ไม่คิดเรื่องที่ทำให้อาการแย่ลง
เข้าเดือนที่ 8 เขาหายไปสามวันทำให้ทะเลาะกันรุนแรงมาก เขาเผลอหลุดปากบอกว่า...
เมื่อก่อนเรารักแกมากนะ มากจนโงหัวไม่ขึ้น แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
เราช็อกมาก หอบท้องโตๆ เดินเหม่อๆ ไปยืนร้องไห้บนสะพานแม่น้ำมูล ยืนร้องไห้เป็นชั่วโมงๆ คนเดียวเหมือนคนบ้า ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากตาย อยากกระโดดลงไปให้มันจบๆ แต่ก็ไม่กล้าพอ เพราะทุกครั้งที่คิดลูกจะดิ้นเตือนตลอด
สุดท้ายก็หอบความเสียใจกลับบ้านมานั่งร้องไห้คนเดียว
ความสัมพันธ์หลังจากนั้นแย่ลงเรื่อยๆ เขาไม่ค่อยติดต่อมา และเราก็ติดต่อเขาไม่ได้
กระทั่งวันที่เราจะคลอด มีอาการน้ำเดินตอนตีห้า เราโทรเรียกรถ 1669 มารับ ไปนอนรอคลอด แต่ปากมดลูกไม่เปิด รพ โทรตามพ่อเรา หมอคุยกับพ่อว่าปากมดลูกเรายังไม่เปิด ต้องให้ยาเร่งคลอด เราได้ยาเร่งคลอดตั้งแต่ตีห้าครึ่งจนบ่ายโมงครึ่ง ปากมดลูกเปิดแค่ 4 เซ็นติเมตร และความดันเราแตะ 200
สุดท้ายเราก็ได้ผ่าคลอดฉุกเฉิน
ตอนนั้นเขารู้เรื่องทุกอย่าง แต่ไม่ยอมนั่งเครื่องลงมาทันที เขาบอกพ่อเราว่าจะนั่งรถไฟมาหลังเลิกงาน
และเขาก็มาถึงหลังจากทุกอย่างผ่านไปแล้ว คำแรกที่มาถึงคือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไหมเท่านั้นเอง
ตอนนั้นเรารู้แล้วว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแน่ๆ เขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่เรายังทำใจไม่ได้ เราคิดว่าอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีเขา และลูกจะขาดพ่อ
เราจึงไม่พูดอะไร กระทั่งเราออกจาก รพ วันแรก เขาบอกว่าหัวหน้าโทรตามต้องกลับแล้ว
วันนั้นหลังจากส่งเราและลูก เขาก็ซื้อตั๋วกลับ กทม ทันที
หลังจากเขากลับไปทุกอย่างแย่ลง การติดต่อยากขึ้นกว่าเดิม นานๆ เขาจะโทรมาหาเราสักครั้ง
และเมื่อลูกเราอายุได้สามเดือน สายจากใครสักคนที่เวทนาเราก็โทรเขามา
'รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกแล้วนะ คลอดหลังเธอแค่สองเดือนเท่านั้นเอง'
วินาทีนั้นคือเราช็อก สติแตกไปแล้วเพราะไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำกับเราแบบนั้น
เราจำไม่ได้ว่าคนคนนั้นพูดอะไรอีกบ้าง จำได้แค่ว่า สามีเราไปทำผู้หญิงท้อง
เราตัดสินใจโทรหาแม่ของเขา และถามว่าจริงเหรอที่เขาทำผู้หญิงท้อง
แม่เขาบอกว่า ใช่ เขาทำผู้หญิงท้อง และครอบครัวของเขาก็รู้มาตลอด แต่ไม่มีใครบอกเรา
ที่สำคัญเขาไปเยี่ยมไปรับขวัญหลานทางโน้นก่อนมาหาลูกเราอีก
เราจุก พูดอะไรไม่ออกทำได้แค่ร้องไห้ กอดลูกแล้วร้องเหมือนคนบ้า
หลังจากนั้นเขารู้แล้วว่าเรารู้ก็โทรมา คำแรกที่เขาพูดคือ ขอโทษ เขามันเลว เขาผิดเองทุกอย่าง
และคำพูดหนึ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดมากคือ เขาบอกว่าเขาหมดรักเราตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว แต่เขาไม่กล้าขอเลิกกับเรา
เขามานอนกับเรา มามีอะไรกัน มากอด มาบอกรักเราในขณะที่เขาไม่ได้รักเราเหมือนเดิมแล้ว
เขาบอกว่าตอนที่รู้ว่าเราท้อง เขาตกใจ และไม่รู้จะทำยังไง แต่ตอนที่เราท้อง เขายังไปมีอะไรกับคนอื่นโดยไม่ป้องกัน
ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นก็รู้ว่าเราท้อง แต่เขายังปล่อยท้องเพื่อจับสามีเรา มันคงคิดว่าถ้าเราคลอดลูก สามีเราอาจทิ้งมัน แต่ถ้ามันท้องสามีเราจะทิ้งมันไม่ได้
สามีเราขอโทษ ถามเราว่าถ้ากลับมาหาเราได้ไหม เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป
แต่ที่เรารับไม่ได้ที่สุดคือ เขายอมรับว่าตอนที่รู้ว่าเราท้องเขาเกือบจะบอกเลิกเรา แต่พอเราท้องเขาเลยไม่ทำ
เขาขอเจอลูก ขอให้ได้เห็นหน้าลูกอีก แต่เราไม่ได้ตอบอะไร
เราบล็อกเบอร์เขาไปแล้ว เพราะตอนนี้สมองมันตัน จุก พูดไม่ออก
แค้นใจมากค่ะ ผู้หญิงคนนั้นรู้ทั้งรู้ว่าเราท้องยังกล้าปล่อยท้องเพื่อแย่งสามีคนอื่น ส่วนสามีเราก็เลวจนเรานึกไม่ถึง เราไม่คิดว่าเขากล้าทำกับเราถึงขนาดนี้
หลายครั้งเวลาคิดถึงภาพที่เขาอุ้มชูดูแลลูกเขา เราอยากตายค่ะ อยากตายให้มันจบๆ ไป น
เราควรทำยังไงต่อไปดีค่ะ เราไม่มีใครให้ปรึกษาเลย
ไม่รู้จะเดินไปทางไหน ไม่รู้จะทำยังไง เราไม่อยากให้ลูกตัวเองไม่มีพ่อ แต่เราก็เกลียดพ่อของลูกจนไม่อยากแม่กระทั่งมองหน้าเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่