เราเลิกกับเขาได้สักระยะแล้วค่ะ เป็นความสัมพันธ์ที่วนเวียนกันยาวนานแล้ว Toxic มากๆ เนื่องด้วยเขาบอกกับเราว่า "เขาไม่ปกติ เป็นซึมเศร้า สมาธิสั้น แล้วอีกหลายๆอย่าง"
เขาเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กมากๆ 158 เองค่ะ อายุก็ไม่น้อยแล้ว อีก 3 ปีก็อายุ 30 ค่ะ ครอบครัวเป็นระบบกงสี ซึ่งเราไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เราไม่เคยเห็นเขาลำบาก หน้าที่การงานเขาก็คือดูแลอพาทเม้นที่บ้าน แล้วก็ขายต้นไม้
เรื่องเริ่มต้นจากที่เราคบกับเขา แล้วเริ่มเจอปัญหาเขา "อยากอยู่คนเดียว" แล้วก็หายไปดื้อๆ ซึ่งเราคบกับเขาก็งงและตั้งคำถามว่า เขาเป็นอะไร ทำไมหายไป แล้วก็เป็นห่วงเขาเอามากๆ จนกลายเป็นเราติดต่อหาพ่อแม่เขา เพราะสิ่งที่เรารู้ว่าเขาไม่ปกติข้างต้น ยิ่งทำให้เราเป็นห่วง แต่สุดท้ายตัดจบด้วยการ เลิกกันแบบงงๆ เขาทิ้งเราแล้วหายไปแบบงงๆ ค้างคามากๆ เรารวนไปเลย แล้วมันได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นเรากลายเป็นโรคซึมเศร้าต่อมา ซึ่งเราเป็นจริงๆ หาหมอเลย รักษากินยา(Prozac) จัดว่ายาวเลยหลังจากเลิกกับเขา
แล้วหลังจากนั้นเกือบปี ก็ได้กลับมาคุยกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งทีนี้เราได้ย้ายออกไปอยู่คนเดียว รอบนี้กลับมาคบกันแบบจริงจัง ความสัมพันธ์เริ่มเข้มข้นขึ้นจากรอบแรก ไปมาหาสู่กันแบบจริงจัง
รอบนี้เราดีใจมากๆ ที่เราเริ่มมองเห็นอนาคตร่วมกับเขา ความสัมพันธ์ที่เดินหน้า ทำให้เรามีความหวังมากๆ จนกระทั่งรู้ตัวอีกทีก็ประจำเดือนขาดซะแล้ว และแล้วก็ใช่ สองขีดโผล่มา
แล้วด้วยความที่เรามีหน้าที่การงานไม่แย่ เราก็โอเค บอกเขาไปว่าเราท้องนะ แต่เขาคือช็อกไปเลย
แล้วตอบกลับมาว่า "พี่ไม่พร้อม" ....
แล้วที่แย่กว่านั้นคือเขาไปปรึกษาเพื่อนเขา รุ่นน้อง ว่าเขาไม่น่ามาหาเราเลย ไม่น่ามีอะไรกับเรา มันพลาดไปแล้ว
พอเรามารู้ เราถึงกับทรุดลงไปกับพื้น เครียดมาก ร้องไห้ราวกับคนบ้า
ระยะเวลาที่เรากินยามา มันสลายหายไปเพียงพริบตาเดียว เรากลับมากินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆเอาแต่คิดว่า "จะเอายังไงต่อไปดี"
จนท้ายที่สุดเราก็แท้ง ...
เป็นแท้งในไตรมาสแรก แท้งคุกคาม ซึ่งเราเสียใจมาก
ในวันที่เราแท้ง เราตัดสินใจโทรหาเขา ร้องไห้ เขาก็ปลอบเรานะ ทำดีกับเรามาก แต่...เราก็เสียลูกเราไปแล้ว
แล้วหลังจากนั้นเราก็กลับมาคบกันต่อ เหมือนกันผ่านวันแย่ๆมา กลับมาจริงจัง สร้างความสัมพันธ์กันใหม่ รอบนี้เราดึงเขามาทำงานด้วยกัน เพราะอยากให้เขาได้ทำอะไรที่หาเงินได้มากขึ้น ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย ก็เอาอีกแล้ว... สองขีดแบบเดิม
แต่รอบนี้ เราบอกเขาว่า "เราไม่ยอมนะ รอบนี้พี่ต้องบอกพ่อแม่พี่ แล้วทำทุกอย่างให้ถูกต้อง"
ซึ่งในวันแรก เขาบอกกับเราว่า "พี่จะรับผิดชอบเอง"
แต่ในวันถัดมา เขาก็บอกกับเราว่า "พี่ไม่พร้อม"
วันถัดมา ก็บอกเราว่า "พี่จะรับผิดชอบ"
วนเวียนสลับไปมาอยู่แบบนั้น เราเลยเริ่มเครียด คิดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายแล้ว พ่อของลูกเราจะเอายังไงกับชีวิตนะ
จนกระทั่งเราบีบเขาให้บอกพ่อแม่ ... ซึ่งเราดีใจมากที่พ่อแม่เขาโอเค คุยกับเราดีมากในวันแรกที่รับรู้ เรารู้สึกยกภูเขาออกจากอก เริ่มกินได้ นอนได้ ทำงานได้
แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่กับเราไม่นาน ... เขาเริ่มตีตัวออกห่างเราเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด เริ่มหาย จนสุดท้าย ... "เขาวิ่งหนีเรา" ....
เราเริ่มเกิดความคิดว่า "ควรเอาลูกออกดีมั้ย" ถ้าเขาไม่พร้อมจริงๆ เราก็ไม่อยากให้เขาฝืน แล้วถ้าเอาออก อยากจะจับเข่าคุยกับเขาจริงจังว่าเราจะคุมยังไงกันดี หนทางมีมากมาย (ที่ผ่านมาคุมด้วยถุงยาง แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ ใส่ไม่เป็น เล็บยาวบ้าง ขนาดถุงยางที่ใส่ เขายังไม่กล้าซื้อเองเลย เราต้องซื้อให้เขาตลอด)
เราคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้กับเขา แต่เขาก็เลือกที่จะวิ่งหนีเราอีกครั้ง
แต่รอบนี้เราไม่ยอมเป็นคนอ่อนแอนอนร้องไห้อีกแล้ว เราเริ่มที่จะเปิดการสนทนา (ที่ไร้ความหมาย) นั้นก่อน
จบลงที่แม่เขาไม่ชอบเราเลย เห็นเราบีบลูกเขามากๆ
แต่จะให้เราทำยังไง ในสมองเรา มันเห็นว่าพ่อของลูกในท้องกำลังจะทิ้งเราอยู่ตรงนั้น จะให้เราทำยังไง เราคุมตัวเองไม่อยู่
จนกระทั่งเราแท้งอีกรอบ ....
วันที่เราแท้งเป็นวันที่เราเพิ่งทะเลาะกับเขา มีการผลัก ดึงทึ้งกัน แล้วแยกย้ายกันไม่ดี
ระหว่างทางกลับบ้าน เราเริ่มปวดท้องบีบเป็นช่วงๆ ซึ่งเราเคยผ่านมาแล้ว เราจำได้ เราร้องไห้โฮกับเพื่อนที่กลับด้วยกัน สุดท้ายจบลงที่เราแอดมิด รพ. แล้วแท้ง ขูดมดลูก ในที่สุด....
หลังจากวันนั้นเขาขาดการติดต่อไประยะนึง เราทำใจไม่ได้ จึงได้เริ่มพูดคุยกับคุณหมอว่าเราอยากทำหมัน
แต่เราอายุเพียง "26 ปี" เพียงเท่านั้น.... เราทำเพราะในเมื่อเขาไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อ แล้วเราอยากอยู่กับเขาต่อไป จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำหมัน
ซึ่งคุณหมอตอนแรกก็ไม่เห็นด้วย แต่เรายืนยันว่าเรารับความเสียใจไม่ไหวแล้ว
เราไม่เคยกลัวที่จะท้อง แต่เรารู้สึกวิญญาณจะหลุดจากร่างทุกครั้งที่เราแท้ง จนสุดท้ายคุณหมอยอมให้เราทำหมัน
ซึ่งไม่ว่าจะวันที่เราแท้งรอบแรก รอบสอง รวมถึงวันทำหมัน เขาไม่เคยมากับเราได้เลย
เขาจะบอกว่า "ติดธุระ" เสมอๆ แล้วเราต้องผ่านวันเลวร้ายนั้นมาทุกๆครั้ง
แล้วเขาก็บอกเราว่ารอบนี้ต้องเลิกกันจริงๆ พ่อแม่เขาไม่เอาเราแล้ว เขารักเรานะ แต่ไปต่อไม่ได้
จนกระทั่งหลังทำหมันได้ไม่นาน เขาก็กลับมา ...
ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงหัวเรา ในหัวเรามีแต่ความหวังว่าเขาจะดีขึ้น ว่าเราจะปรับแล้วไปกันรอด
หวังว่าเขาจะปรับอะไรเพื่อเราสักนิด เราเลยทำทุกทาง ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่ (ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณต้องด่าเราว่าโง่แน่ๆ เขาทำให้เราเจ็บขนาดนี้ ทำไมเราถึงยังอยากให้เขาอยู่ ... ใช่แล้วค่ะ เราโง่ เรารักเขา ทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา เพราะรักเลยหวัง เลยจบลงที่เป็นคนโง่)
เขามาหาเรา บอกว่ามาเยี่ยมเราหลังทำหมัน เขาบอกว่าเป็นห่วงเรามาก ยังรักเราอยู่ แต่พ่อแม่ไม่ให้คบแล้ว แล้วเราก็จบด้วยการมีอะไรกับเขาอีกครั้ง ...
แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายไปจากชีวิตเรา ....
ซึ่งเราพยายามมาก ในการตัดขาดเขา ทั้งพยายามเริ่มใหม่ พยายามใช้ชีวิตที่จะไม่ติดต่อเขา จนกระทั่งผ่านไปได้ 3 เดือน เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้น
ด้วยความที่เราทำหมันมาแล้ว แล้วแผลตอนนั้นเรายังไม่หายดีมี พสพ. กับเขา จึงทำให้เรา "ท้องนอกมดลูก" ...
หลังจากวันที่เรารู้เรื่อง เรารีบติดต่อเขา ในตอนนั้นเขาอยู่ในระหว่างเที่ยวสงกรานกับครอบครัว แต่เรานั้นคือเครียดมาก ถ้าท้องปกติ เราจะไม่เครียดเลย รอบนี้เรากะจะเก็บลูกไว้ โดยที่ไม่ให้เขารับรู้ แต่แล้วมันดันอยู่นอกมดลูก เราต้องเอาเขาออกโดยไม่มีข้อแม้
เราติดต่อเขาไป แต่รอบนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ...
เพราะเขาบอกว่า "เขาไม่ได้รักเราอีกต่อไปแล้ว"
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าครอบครัวเขารู้ความจริงทั้งหมดจากปากลูกชายเขามั้ย รู้เรื่องทั้งหมดจริงๆรึป่าว
เราได้ยินเสียงจากปลายสายแม่เขาแค่ว่า
" แม่บอกแล้วไงให้เลิกคุย เลิกคบ "
แล้วเขาก็ตัดสายไป โดยที่เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดอะไรเลยสักคำเดียว ...
แล้วเรามารู้ทีหลังว่าเขาไปพูดให้แม่เขาฟังแย่มาก ว่าเขาไม่ได้อยากมีอะไรกับเรา เขาทำกับเราเขาก็เจ็บ
พูดราวกับเราข่มขืนเขา เรารู้สึกแย่มากที่ทำไมเขาทำกับเราขนาดนี้
จนตอนนี้ เราได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับเราไปอีกแล้ว วันที่เราเอาลูกออกเราแทบขาดใจ ตื่นมาก็ร้องไห้ ก่อนนอนก็ร้องไห้จนหลับไป
แต่รอบนี้เรารู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะรอบนี้เราเอาเขาออกจากชีวิตเราโดยสมบูรณ์
มันไม่เหลือความรู้สึกโหยหาเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เราโหยหาสิ่งอื่นที่เสียไป นั้นคือ "โอกาส"
โอกาสที่เราจะเจอคนที่พร้อมอยู่กับเรา
โอกาสที่เราจะเจอคนที่พร้อมจะเป็นพ่อของลูกเรา
โอกาสที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์
นั้นแร่ะค่ะ ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ เราต้องขอบคุณมากๆที่อุส่าห์สละเวลามาอ่านเรื่องราวของผู้หญิงโง่ๆคนนี้
และคิดว่าจะเป็นเรื่องสอนใจคุณผู้หญิงอีกหลายๆคนว่า
" คุณไม่สามารถใช้ตัวคุณรั้งใจใครไว้ได้ แล้วผู้ชายทุกคนก็ไม่ได้แมนมากพอ "
แต่สุดท้ายนี้ ฉันก็ยังตั้งคำถามอยู่นะคะ ว่า "เขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทิ้งลูกของตัวเองได้ ถึง3ครั้ง แล้วคำว่ารักของเขา มันคืออะไร"
ขอบคุณที่อ่านค่ะ 🙏
ผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องแล้วทิ้งนี่เขาคิดอะไรอยู่?
เขาเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กมากๆ 158 เองค่ะ อายุก็ไม่น้อยแล้ว อีก 3 ปีก็อายุ 30 ค่ะ ครอบครัวเป็นระบบกงสี ซึ่งเราไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เราไม่เคยเห็นเขาลำบาก หน้าที่การงานเขาก็คือดูแลอพาทเม้นที่บ้าน แล้วก็ขายต้นไม้
เรื่องเริ่มต้นจากที่เราคบกับเขา แล้วเริ่มเจอปัญหาเขา "อยากอยู่คนเดียว" แล้วก็หายไปดื้อๆ ซึ่งเราคบกับเขาก็งงและตั้งคำถามว่า เขาเป็นอะไร ทำไมหายไป แล้วก็เป็นห่วงเขาเอามากๆ จนกลายเป็นเราติดต่อหาพ่อแม่เขา เพราะสิ่งที่เรารู้ว่าเขาไม่ปกติข้างต้น ยิ่งทำให้เราเป็นห่วง แต่สุดท้ายตัดจบด้วยการ เลิกกันแบบงงๆ เขาทิ้งเราแล้วหายไปแบบงงๆ ค้างคามากๆ เรารวนไปเลย แล้วมันได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นเรากลายเป็นโรคซึมเศร้าต่อมา ซึ่งเราเป็นจริงๆ หาหมอเลย รักษากินยา(Prozac) จัดว่ายาวเลยหลังจากเลิกกับเขา
แล้วหลังจากนั้นเกือบปี ก็ได้กลับมาคุยกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งทีนี้เราได้ย้ายออกไปอยู่คนเดียว รอบนี้กลับมาคบกันแบบจริงจัง ความสัมพันธ์เริ่มเข้มข้นขึ้นจากรอบแรก ไปมาหาสู่กันแบบจริงจัง
รอบนี้เราดีใจมากๆ ที่เราเริ่มมองเห็นอนาคตร่วมกับเขา ความสัมพันธ์ที่เดินหน้า ทำให้เรามีความหวังมากๆ จนกระทั่งรู้ตัวอีกทีก็ประจำเดือนขาดซะแล้ว และแล้วก็ใช่ สองขีดโผล่มา
แล้วด้วยความที่เรามีหน้าที่การงานไม่แย่ เราก็โอเค บอกเขาไปว่าเราท้องนะ แต่เขาคือช็อกไปเลย
แล้วตอบกลับมาว่า "พี่ไม่พร้อม" ....
แล้วที่แย่กว่านั้นคือเขาไปปรึกษาเพื่อนเขา รุ่นน้อง ว่าเขาไม่น่ามาหาเราเลย ไม่น่ามีอะไรกับเรา มันพลาดไปแล้ว
พอเรามารู้ เราถึงกับทรุดลงไปกับพื้น เครียดมาก ร้องไห้ราวกับคนบ้า
ระยะเวลาที่เรากินยามา มันสลายหายไปเพียงพริบตาเดียว เรากลับมากินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ วันๆเอาแต่คิดว่า "จะเอายังไงต่อไปดี"
จนท้ายที่สุดเราก็แท้ง ...
เป็นแท้งในไตรมาสแรก แท้งคุกคาม ซึ่งเราเสียใจมาก
ในวันที่เราแท้ง เราตัดสินใจโทรหาเขา ร้องไห้ เขาก็ปลอบเรานะ ทำดีกับเรามาก แต่...เราก็เสียลูกเราไปแล้ว
แล้วหลังจากนั้นเราก็กลับมาคบกันต่อ เหมือนกันผ่านวันแย่ๆมา กลับมาจริงจัง สร้างความสัมพันธ์กันใหม่ รอบนี้เราดึงเขามาทำงานด้วยกัน เพราะอยากให้เขาได้ทำอะไรที่หาเงินได้มากขึ้น ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย ก็เอาอีกแล้ว... สองขีดแบบเดิม
แต่รอบนี้ เราบอกเขาว่า "เราไม่ยอมนะ รอบนี้พี่ต้องบอกพ่อแม่พี่ แล้วทำทุกอย่างให้ถูกต้อง"
ซึ่งในวันแรก เขาบอกกับเราว่า "พี่จะรับผิดชอบเอง"
แต่ในวันถัดมา เขาก็บอกกับเราว่า "พี่ไม่พร้อม"
วันถัดมา ก็บอกเราว่า "พี่จะรับผิดชอบ"
วนเวียนสลับไปมาอยู่แบบนั้น เราเลยเริ่มเครียด คิดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายแล้ว พ่อของลูกเราจะเอายังไงกับชีวิตนะ
จนกระทั่งเราบีบเขาให้บอกพ่อแม่ ... ซึ่งเราดีใจมากที่พ่อแม่เขาโอเค คุยกับเราดีมากในวันแรกที่รับรู้ เรารู้สึกยกภูเขาออกจากอก เริ่มกินได้ นอนได้ ทำงานได้
แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่กับเราไม่นาน ... เขาเริ่มตีตัวออกห่างเราเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด เริ่มหาย จนสุดท้าย ... "เขาวิ่งหนีเรา" ....
เราเริ่มเกิดความคิดว่า "ควรเอาลูกออกดีมั้ย" ถ้าเขาไม่พร้อมจริงๆ เราก็ไม่อยากให้เขาฝืน แล้วถ้าเอาออก อยากจะจับเข่าคุยกับเขาจริงจังว่าเราจะคุมยังไงกันดี หนทางมีมากมาย (ที่ผ่านมาคุมด้วยถุงยาง แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ ใส่ไม่เป็น เล็บยาวบ้าง ขนาดถุงยางที่ใส่ เขายังไม่กล้าซื้อเองเลย เราต้องซื้อให้เขาตลอด)
เราคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้กับเขา แต่เขาก็เลือกที่จะวิ่งหนีเราอีกครั้ง
แต่รอบนี้เราไม่ยอมเป็นคนอ่อนแอนอนร้องไห้อีกแล้ว เราเริ่มที่จะเปิดการสนทนา (ที่ไร้ความหมาย) นั้นก่อน
จบลงที่แม่เขาไม่ชอบเราเลย เห็นเราบีบลูกเขามากๆ
แต่จะให้เราทำยังไง ในสมองเรา มันเห็นว่าพ่อของลูกในท้องกำลังจะทิ้งเราอยู่ตรงนั้น จะให้เราทำยังไง เราคุมตัวเองไม่อยู่
จนกระทั่งเราแท้งอีกรอบ ....
วันที่เราแท้งเป็นวันที่เราเพิ่งทะเลาะกับเขา มีการผลัก ดึงทึ้งกัน แล้วแยกย้ายกันไม่ดี
ระหว่างทางกลับบ้าน เราเริ่มปวดท้องบีบเป็นช่วงๆ ซึ่งเราเคยผ่านมาแล้ว เราจำได้ เราร้องไห้โฮกับเพื่อนที่กลับด้วยกัน สุดท้ายจบลงที่เราแอดมิด รพ. แล้วแท้ง ขูดมดลูก ในที่สุด....
หลังจากวันนั้นเขาขาดการติดต่อไประยะนึง เราทำใจไม่ได้ จึงได้เริ่มพูดคุยกับคุณหมอว่าเราอยากทำหมัน
แต่เราอายุเพียง "26 ปี" เพียงเท่านั้น.... เราทำเพราะในเมื่อเขาไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อ แล้วเราอยากอยู่กับเขาต่อไป จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะทำหมัน
ซึ่งคุณหมอตอนแรกก็ไม่เห็นด้วย แต่เรายืนยันว่าเรารับความเสียใจไม่ไหวแล้ว
เราไม่เคยกลัวที่จะท้อง แต่เรารู้สึกวิญญาณจะหลุดจากร่างทุกครั้งที่เราแท้ง จนสุดท้ายคุณหมอยอมให้เราทำหมัน
ซึ่งไม่ว่าจะวันที่เราแท้งรอบแรก รอบสอง รวมถึงวันทำหมัน เขาไม่เคยมากับเราได้เลย
เขาจะบอกว่า "ติดธุระ" เสมอๆ แล้วเราต้องผ่านวันเลวร้ายนั้นมาทุกๆครั้ง
แล้วเขาก็บอกเราว่ารอบนี้ต้องเลิกกันจริงๆ พ่อแม่เขาไม่เอาเราแล้ว เขารักเรานะ แต่ไปต่อไม่ได้
จนกระทั่งหลังทำหมันได้ไม่นาน เขาก็กลับมา ...
ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงหัวเรา ในหัวเรามีแต่ความหวังว่าเขาจะดีขึ้น ว่าเราจะปรับแล้วไปกันรอด
หวังว่าเขาจะปรับอะไรเพื่อเราสักนิด เราเลยทำทุกทาง ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่ (ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณต้องด่าเราว่าโง่แน่ๆ เขาทำให้เราเจ็บขนาดนี้ ทำไมเราถึงยังอยากให้เขาอยู่ ... ใช่แล้วค่ะ เราโง่ เรารักเขา ทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา เพราะรักเลยหวัง เลยจบลงที่เป็นคนโง่)
เขามาหาเรา บอกว่ามาเยี่ยมเราหลังทำหมัน เขาบอกว่าเป็นห่วงเรามาก ยังรักเราอยู่ แต่พ่อแม่ไม่ให้คบแล้ว แล้วเราก็จบด้วยการมีอะไรกับเขาอีกครั้ง ...
แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายไปจากชีวิตเรา ....
ซึ่งเราพยายามมาก ในการตัดขาดเขา ทั้งพยายามเริ่มใหม่ พยายามใช้ชีวิตที่จะไม่ติดต่อเขา จนกระทั่งผ่านไปได้ 3 เดือน เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้น
ด้วยความที่เราทำหมันมาแล้ว แล้วแผลตอนนั้นเรายังไม่หายดีมี พสพ. กับเขา จึงทำให้เรา "ท้องนอกมดลูก" ...
หลังจากวันที่เรารู้เรื่อง เรารีบติดต่อเขา ในตอนนั้นเขาอยู่ในระหว่างเที่ยวสงกรานกับครอบครัว แต่เรานั้นคือเครียดมาก ถ้าท้องปกติ เราจะไม่เครียดเลย รอบนี้เรากะจะเก็บลูกไว้ โดยที่ไม่ให้เขารับรู้ แต่แล้วมันดันอยู่นอกมดลูก เราต้องเอาเขาออกโดยไม่มีข้อแม้
เราติดต่อเขาไป แต่รอบนี้ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ...
เพราะเขาบอกว่า "เขาไม่ได้รักเราอีกต่อไปแล้ว"
แล้วเราก็ไม่รู้ว่าครอบครัวเขารู้ความจริงทั้งหมดจากปากลูกชายเขามั้ย รู้เรื่องทั้งหมดจริงๆรึป่าว
เราได้ยินเสียงจากปลายสายแม่เขาแค่ว่า
" แม่บอกแล้วไงให้เลิกคุย เลิกคบ "
แล้วเขาก็ตัดสายไป โดยที่เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดอะไรเลยสักคำเดียว ...
แล้วเรามารู้ทีหลังว่าเขาไปพูดให้แม่เขาฟังแย่มาก ว่าเขาไม่ได้อยากมีอะไรกับเรา เขาทำกับเราเขาก็เจ็บ
พูดราวกับเราข่มขืนเขา เรารู้สึกแย่มากที่ทำไมเขาทำกับเราขนาดนี้
จนตอนนี้ เราได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับเราไปอีกแล้ว วันที่เราเอาลูกออกเราแทบขาดใจ ตื่นมาก็ร้องไห้ ก่อนนอนก็ร้องไห้จนหลับไป
แต่รอบนี้เรารู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะรอบนี้เราเอาเขาออกจากชีวิตเราโดยสมบูรณ์
มันไม่เหลือความรู้สึกโหยหาเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เราโหยหาสิ่งอื่นที่เสียไป นั้นคือ "โอกาส"
โอกาสที่เราจะเจอคนที่พร้อมอยู่กับเรา
โอกาสที่เราจะเจอคนที่พร้อมจะเป็นพ่อของลูกเรา
โอกาสที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์
นั้นแร่ะค่ะ ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ เราต้องขอบคุณมากๆที่อุส่าห์สละเวลามาอ่านเรื่องราวของผู้หญิงโง่ๆคนนี้
และคิดว่าจะเป็นเรื่องสอนใจคุณผู้หญิงอีกหลายๆคนว่า
" คุณไม่สามารถใช้ตัวคุณรั้งใจใครไว้ได้ แล้วผู้ชายทุกคนก็ไม่ได้แมนมากพอ "
แต่สุดท้ายนี้ ฉันก็ยังตั้งคำถามอยู่นะคะ ว่า "เขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้ทิ้งลูกของตัวเองได้ ถึง3ครั้ง แล้วคำว่ารักของเขา มันคืออะไร"
ขอบคุณที่อ่านค่ะ 🙏