เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายวันเกิดของ จขกท ค่ะ อยากลองฉลองแบบหรูๆกะเค้าบ้าง แต่....ไลฟ์สไตล์ออกแนวไปทางลูกทุ่ง ปีที่ผ่านๆมา ก็ฉลองกันด้วย ลาบ ส้มตำ น้ำตก ปิ้งย่าง อะไรทำนองนี้ค่ะ มาปีนี้ “ขอหรูๆสักปีนึงเถอะนะคุณผู้ชาย”
เริ่มจากเปิดอินเตอร์เน็ต ศึกษาว่า อาหารที่เสิร์ฟเป็นคอร์สๆ มีอะไร เป็นยังไงบ้าง แล้วก็มานั่งคิดเมนู ที่มันจะเป็นไปในทางเดียวกันกับที่ในเน็ตบอก ปรับแต่งเอาตามที่เราชอบ และวัตถุดิบที่สามารถหาได้ ไม่แพงเกินไป
พอได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาไปรื้อมรดกพันปีที่อยู่ในตู้ออกมาเช็ค ว่าขาดเหลืออะไรอีก ก็พวกอุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะอาหารนี่แหละ(โดยนิสัยส่วนตัว เวลาเห็นเครื่องครัว ข้าวของเครื่องใช้ทีไร รู้สึกอยากได้ อยากซื้อมาเก็บไว้ทุกทีเลยค่ะ แต่จะมีโอกาสได้ใช้เมื่อไหร่ยังไม่รู้ค่ะ ขอให้ได้มาเก็บไว้ก่อนเป็นสบายใจ) ตรวจเช็คแล้ว ขาดแต่แก้วไวน์ขาวที่เรียวๆ ยาวๆ นอกนั้นครบหมด ของครบแล้วก็เริ่มกันเลย
คอร์สอาหารที่จัด มีทั้งหมด 5 คอร์ส เริ่มจาก
1 appetizer เป็น หอยนางรมสดตัวใหญ่ๆ, แซลม่อนแซ่บ และ พล่ามากุโระ
2 soup. เป็น ซุปมิโสะก้ามปูกับหอยเชลล์
3 entree เป็น สปาเก็ตตี้เบค่อนผัดพริกแห้งปลากะพงทอด เสิร์ฟคู่กับ ซีซาร์สลัด หอยแมลงภู่อบชีส และ หอยเชลล์อบเนยกระเทียม
4 main course เป็น สเต็กซี่โครงแกะ เสิร์ฟพร้อมกับมันบดและหน่อไม้ฝรั่งย่าง ทานคู่กับมิ้นต์ซอส
5 dessert เป็น เค้กส้ม
เปิดไวน์ขาว จะกินคู่กับอาหารที่เป็นปลา หรืออาหารทะเล ก็กินตั้งแต่คอร์สแรก จนถึงคอร์สที่ 3 แหละ บอกตรงๆว่า หมดขวดจริงๆ
เริ่มแรก ด้วย snack เอาไปเคี้ยวเล่นๆ มันๆไปก่อนค่ะ ก่อนที่จะเริ่มคอร์สแรกกัน มีถั่วลิสงและเม็ดมะม่วงอบเกลือ กับทาโรอบค่ะ (จริงๆ เอาไปเวฟค่ะ ง่ายๆ ลัดขั้นตอน)
ระหว่างที่เริ่มทาน snack กัน ก็ฉุกคิดได้ว่า “มันเงียบไปนะ มันน่าจะมีเพลงเบาๆ คลอๆ ให้บรรยากาศมัน ละมุนสักหน่อย”
เลยหันไปบอกคุณผู้ชายว่า “พี่ เค้าว่า เปิดเพลงเบาๆ ช้าๆ เพราะๆ ฟังไปด้วย กินไปด้วยดีมั๊ย” คุณผู้ชายถามว่า “จะฟังเพลงอะไรหล่ะ เดี๋ยวไปเปิดให้” “เอาเพลงในแฟตลไดร์ฟที่เค้าฟังบ่อยๆน่ะ” (ใจนึกไปถึงเพลงสากลช้าๆหรือ เพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ไปนู่น) คุณผู้ชายเลือกเพลงเสร็จ เดินกลับมานั่งโต๊ะ กดรีโมท “อย่าตกใจเด้อ ถ้าเปิดไลน์เจอชื่อผู้สาวเก่า ส่งอวยพรตอนเช้า ทักทายถามข่าวด้วยคำเดิมๆ!!!!!” อึ้งไปพักนึง “ห่ะ!!!! ศิริพร อำไพพงษ์ เอาเพลงนี้จริงเหรอพี่ นี่มัน 5 คอร์ส ดินเนอร์เลยนะ” คุณผู้ชายบอกว่า “เอ๊า!!! ก็เห็นฟังบ่อยๆ ก็นึกว่าไฟล์นี้” แล้วก็หัวเราะร่วนเลย “เออๆ เค้าล้อเล่น” แล้วคุณผู้ชายก็กด next ไปไฟล์ต่อไป “หากว่าเธอนั้นเหงาใจเมื่อไหร่ เหงาเมื่อไหร่ ขอให้เธอได้ฟังบทเพลงเพลงจากใจ-บทเพลงแห่งความห่วงใย” เฮ่ออออออ ค่อยยังชั่ว
แล้วก็เริ่มต้นจานแรกกัน appetizer
หอยนางรมสด บีบมะนาวเลม่อนใส่สักจิ๊ดนึง หอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ เนื้อหวานๆ หอมกลิ่นเลม่อน น้ำลายเริ่มแตก
ต่อด้วย แซลม่อนแซ่บ เป็นแซลม่อนที่ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดที่แอบผสมวาซาบิเข้าไปเพิ่มความซี้ดให้น้ำจิ้มเข้าไปอีก รองพื้นด้วยผักกาดและหัวไชเท้าซอยลดความเข้มข้นสักหน่อย ชิ้นนี้ น้ำลายพุ่งจนปวดกระพุ้งแก้มเลยค่ะ
แล้วต่อด้วย พล่ามากุโระ มากุโระ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า คลุกด้วยน้ำยำที่มีส่วนผสมของตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสวน แล้วโรยด้วยใบมะกรูดซอย แกล้มกับใบผักชีฝรั่งและสะระแหน่สักใบ กินเสร็จเริ่มหิวละค่ะ
จานที่สองเป็น soup เป็นซุปมิโสะ มีเนื้อก้ามปูกับหอยเชลล์ย่าง ใส่มาเพื่อเพิ่มรสชาติ ซุปถ้วยนี้ ซดแล้วช่วยล้างเผ็ดของพล่าและยำจานแรกได้ดีเลยค่ะ ที่ทำเป็นซุปมิโสะใสๆ เพราะคุณผู้ชายไม่ค่อยถนัดซุปข้นค่ะ เค้ามันบอกว่า มันออกเลี่ยนๆ สู้ไม่ค่อยไหว เลยทำเป็นซุปมิโสะแทน ใสๆ ซดคล่องคอดีค่ะ
จานที่สาม entree เป็น สปาเก็ตตี้เบค่อนผัดพริกแห้งปลากะพงทอด
เสิร์ฟคู่กับ หอยเชลล์อบเนยกระเทียมและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส
กับซีซาร์สลัด คอร์สที่3 นี้ไม่ทำเยอะค่ะ มันหลายอย่าง กลัวอิ่ม เดี๋ยวจะกินไม่ครบคอร์ส อย่างละนิดละหน่อยพอหรูหราค่ะ จิบไวน์ขาวไปเรื่อยๆ ตั้งแต่จานแรก แก้มเริ่มแดงๆ ร้อนๆแล้วค่ะ
เปิดไวน์แดงมา เราจะเริ่มของหนัก อาหารจานหลักกันแล้ว
จานที่สี่ main course เป็น สเต็กซี่โครงแกะ วิธีหมักซีโครงแกะ ก็ได้มาจากรีวิวในพันทิปแหละค่ะ เสิร์ฟคู่กับมันบด และ หน่อไม้ฝรั่งย่าง ส่วนซอสมิ้นท์ ซื้อสำเร็จเป็นขวดมาค่ะเข้ากันดี ดับกลิ่นสาบของแกะได้ดีเชียวค่ะ
จานที่ห้า จานสุดท้าย dessert เป็น เค้กส้มในตำนานค่ะ วันเกิดก็ต้องมีเค้กใช่มั๊ยคะ แต่ถ้าทำก้อนใหญ่กลัวกินไม่หมดค่ะ เลยทำก้อนเล็กๆ ส่วนเทียน ปักเล่มเดียวพอค่ะ ถ้าปักตามอายุ เกรงว่าเนื้อที่จะไม่พอให้ปัก ฮ่าๆๆๆๆ
จบครบ 5 คอร์ส อิ่มไม่ใช่น้อย ถ้าไปกินที่โรงแรม มื้อนี้หัวละไม่ต่ำกว่า หลักพันแน่ๆค่ะ ที่สำคัญกลัววางตัวไม่ถูกค่ะ มันจะเก้ๆ กังๆ เวลาไปที่หรูๆ ค่ะ ทำกินเองนี่แหละ ประหยัด คุ้มมมมมมมมม555555
ปล. นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง” ล้างจานวนไปสิคะ ไปกินที่โรงแรม ไม่ได้มานั่งล้างจานแบบนี้นะคะ
5 Course Birthday Dinner ยกโรงแรมมาไว้ที่บ้าน
เริ่มจากเปิดอินเตอร์เน็ต ศึกษาว่า อาหารที่เสิร์ฟเป็นคอร์สๆ มีอะไร เป็นยังไงบ้าง แล้วก็มานั่งคิดเมนู ที่มันจะเป็นไปในทางเดียวกันกับที่ในเน็ตบอก ปรับแต่งเอาตามที่เราชอบ และวัตถุดิบที่สามารถหาได้ ไม่แพงเกินไป
พอได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาไปรื้อมรดกพันปีที่อยู่ในตู้ออกมาเช็ค ว่าขาดเหลืออะไรอีก ก็พวกอุปกรณ์ที่ใช้บนโต๊ะอาหารนี่แหละ(โดยนิสัยส่วนตัว เวลาเห็นเครื่องครัว ข้าวของเครื่องใช้ทีไร รู้สึกอยากได้ อยากซื้อมาเก็บไว้ทุกทีเลยค่ะ แต่จะมีโอกาสได้ใช้เมื่อไหร่ยังไม่รู้ค่ะ ขอให้ได้มาเก็บไว้ก่อนเป็นสบายใจ) ตรวจเช็คแล้ว ขาดแต่แก้วไวน์ขาวที่เรียวๆ ยาวๆ นอกนั้นครบหมด ของครบแล้วก็เริ่มกันเลย
คอร์สอาหารที่จัด มีทั้งหมด 5 คอร์ส เริ่มจาก
1 appetizer เป็น หอยนางรมสดตัวใหญ่ๆ, แซลม่อนแซ่บ และ พล่ามากุโระ
2 soup. เป็น ซุปมิโสะก้ามปูกับหอยเชลล์
3 entree เป็น สปาเก็ตตี้เบค่อนผัดพริกแห้งปลากะพงทอด เสิร์ฟคู่กับ ซีซาร์สลัด หอยแมลงภู่อบชีส และ หอยเชลล์อบเนยกระเทียม
4 main course เป็น สเต็กซี่โครงแกะ เสิร์ฟพร้อมกับมันบดและหน่อไม้ฝรั่งย่าง ทานคู่กับมิ้นต์ซอส
5 dessert เป็น เค้กส้ม
เปิดไวน์ขาว จะกินคู่กับอาหารที่เป็นปลา หรืออาหารทะเล ก็กินตั้งแต่คอร์สแรก จนถึงคอร์สที่ 3 แหละ บอกตรงๆว่า หมดขวดจริงๆ
เริ่มแรก ด้วย snack เอาไปเคี้ยวเล่นๆ มันๆไปก่อนค่ะ ก่อนที่จะเริ่มคอร์สแรกกัน มีถั่วลิสงและเม็ดมะม่วงอบเกลือ กับทาโรอบค่ะ (จริงๆ เอาไปเวฟค่ะ ง่ายๆ ลัดขั้นตอน)
ระหว่างที่เริ่มทาน snack กัน ก็ฉุกคิดได้ว่า “มันเงียบไปนะ มันน่าจะมีเพลงเบาๆ คลอๆ ให้บรรยากาศมัน ละมุนสักหน่อย”
เลยหันไปบอกคุณผู้ชายว่า “พี่ เค้าว่า เปิดเพลงเบาๆ ช้าๆ เพราะๆ ฟังไปด้วย กินไปด้วยดีมั๊ย” คุณผู้ชายถามว่า “จะฟังเพลงอะไรหล่ะ เดี๋ยวไปเปิดให้” “เอาเพลงในแฟตลไดร์ฟที่เค้าฟังบ่อยๆน่ะ” (ใจนึกไปถึงเพลงสากลช้าๆหรือ เพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ไปนู่น) คุณผู้ชายเลือกเพลงเสร็จ เดินกลับมานั่งโต๊ะ กดรีโมท “อย่าตกใจเด้อ ถ้าเปิดไลน์เจอชื่อผู้สาวเก่า ส่งอวยพรตอนเช้า ทักทายถามข่าวด้วยคำเดิมๆ!!!!!” อึ้งไปพักนึง “ห่ะ!!!! ศิริพร อำไพพงษ์ เอาเพลงนี้จริงเหรอพี่ นี่มัน 5 คอร์ส ดินเนอร์เลยนะ” คุณผู้ชายบอกว่า “เอ๊า!!! ก็เห็นฟังบ่อยๆ ก็นึกว่าไฟล์นี้” แล้วก็หัวเราะร่วนเลย “เออๆ เค้าล้อเล่น” แล้วคุณผู้ชายก็กด next ไปไฟล์ต่อไป “หากว่าเธอนั้นเหงาใจเมื่อไหร่ เหงาเมื่อไหร่ ขอให้เธอได้ฟังบทเพลงเพลงจากใจ-บทเพลงแห่งความห่วงใย” เฮ่ออออออ ค่อยยังชั่ว
แล้วก็เริ่มต้นจานแรกกัน appetizer
หอยนางรมสด บีบมะนาวเลม่อนใส่สักจิ๊ดนึง หอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ เนื้อหวานๆ หอมกลิ่นเลม่อน น้ำลายเริ่มแตก
ต่อด้วย แซลม่อนแซ่บ เป็นแซลม่อนที่ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดที่แอบผสมวาซาบิเข้าไปเพิ่มความซี้ดให้น้ำจิ้มเข้าไปอีก รองพื้นด้วยผักกาดและหัวไชเท้าซอยลดความเข้มข้นสักหน่อย ชิ้นนี้ น้ำลายพุ่งจนปวดกระพุ้งแก้มเลยค่ะ
แล้วต่อด้วย พล่ามากุโระ มากุโระ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า คลุกด้วยน้ำยำที่มีส่วนผสมของตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริกขี้หนูสวน แล้วโรยด้วยใบมะกรูดซอย แกล้มกับใบผักชีฝรั่งและสะระแหน่สักใบ กินเสร็จเริ่มหิวละค่ะ
จานที่สองเป็น soup เป็นซุปมิโสะ มีเนื้อก้ามปูกับหอยเชลล์ย่าง ใส่มาเพื่อเพิ่มรสชาติ ซุปถ้วยนี้ ซดแล้วช่วยล้างเผ็ดของพล่าและยำจานแรกได้ดีเลยค่ะ ที่ทำเป็นซุปมิโสะใสๆ เพราะคุณผู้ชายไม่ค่อยถนัดซุปข้นค่ะ เค้ามันบอกว่า มันออกเลี่ยนๆ สู้ไม่ค่อยไหว เลยทำเป็นซุปมิโสะแทน ใสๆ ซดคล่องคอดีค่ะ
จานที่สาม entree เป็น สปาเก็ตตี้เบค่อนผัดพริกแห้งปลากะพงทอด
เสิร์ฟคู่กับ หอยเชลล์อบเนยกระเทียมและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส
กับซีซาร์สลัด คอร์สที่3 นี้ไม่ทำเยอะค่ะ มันหลายอย่าง กลัวอิ่ม เดี๋ยวจะกินไม่ครบคอร์ส อย่างละนิดละหน่อยพอหรูหราค่ะ จิบไวน์ขาวไปเรื่อยๆ ตั้งแต่จานแรก แก้มเริ่มแดงๆ ร้อนๆแล้วค่ะ
เปิดไวน์แดงมา เราจะเริ่มของหนัก อาหารจานหลักกันแล้ว
จานที่สี่ main course เป็น สเต็กซี่โครงแกะ วิธีหมักซีโครงแกะ ก็ได้มาจากรีวิวในพันทิปแหละค่ะ เสิร์ฟคู่กับมันบด และ หน่อไม้ฝรั่งย่าง ส่วนซอสมิ้นท์ ซื้อสำเร็จเป็นขวดมาค่ะเข้ากันดี ดับกลิ่นสาบของแกะได้ดีเชียวค่ะ
จานที่ห้า จานสุดท้าย dessert เป็น เค้กส้มในตำนานค่ะ วันเกิดก็ต้องมีเค้กใช่มั๊ยคะ แต่ถ้าทำก้อนใหญ่กลัวกินไม่หมดค่ะ เลยทำก้อนเล็กๆ ส่วนเทียน ปักเล่มเดียวพอค่ะ ถ้าปักตามอายุ เกรงว่าเนื้อที่จะไม่พอให้ปัก ฮ่าๆๆๆๆ
จบครบ 5 คอร์ส อิ่มไม่ใช่น้อย ถ้าไปกินที่โรงแรม มื้อนี้หัวละไม่ต่ำกว่า หลักพันแน่ๆค่ะ ที่สำคัญกลัววางตัวไม่ถูกค่ะ มันจะเก้ๆ กังๆ เวลาไปที่หรูๆ ค่ะ ทำกินเองนี่แหละ ประหยัด คุ้มมมมมมมมม555555
ปล. นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง” ล้างจานวนไปสิคะ ไปกินที่โรงแรม ไม่ได้มานั่งล้างจานแบบนี้นะคะ