เรื่องเหาะชิงบาตร แล้วจึงทรงห้ามอวดอุตริมนุษยธรรม น่าสงสัยครับ

เป็นที่ทราบกันว่าพระไตรปิฎกสังคายนาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานหลายร้อยปี
  ในกรณีปาฏิหาริย์ต่างๆ ไม่ว่าเด็กเดินเจ็ดก้าว การแสดงเตโชกสิณ วาโยกสิณ เปิดนรก สวรรค์  ต่างๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง เหมือนนาซ่าลงดาวอังคาร  ศาสนา ลัทธิอื่นน่าจะเสียคะแนนนิยมทันที  ต่างศาสนาน่าจะเฮโลมาพุทธไม่เหลือหรอเพราะเห็นฤทธิ์เดชจริงแม้จะเป็นกระพี้ไม่ใช่แก่น
     คำข้อห้ามไม่ให้สาวกแสดงปาฎิหาริย์เริ่มจากกรณีเหาะฉวยบาตร  เหมือนนิทานไหม  และลงท้ายว่าห้ามใครทำตามนิทานนั่นอีก  เหมือนจะบอกว่าทำได้นะ แต่ไม่ดีห้ามทำ  กรณีเหาะคว้าบาตร ถ้าจริง ต้องเป็น Talk of the town.    ปานประหนึ่งมนุษย์ต่างดาวมา ปรากฎตัวเป็นใกล้ๆเลยแหละ  และต้องมีจารึกไว้ในคัมภีร์ร่วมสมัย  ศาสนาเชน ต้องไม่ได้เกิด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
...ดูท่า  คุณ จขกท.  อาจจะแทบไม่เคยศึกษาเข้าใจในเรื่องของศาสนาพทธหรือธรรมะในพุทธศาสนา

...ที่คุณบอกว่า -> " เป็นที่ทราบกันว่าพระไตรปิฎกสังคายนาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานหลายร้อยปี  " ...  อันนี้คุณผิด  เพราะความจริงคือ  การสังคายนาหลักธรรมวินัยของศาสนาพุทธ  เริ่มต้นครั้งแรก  หลังจากพระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน 3 เดือน...,  สังคายนาครั้งที่ 2 เมื่อประมาณ พ.ศ. 100 คือ หลังพระองค์ทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 100 ปี , สังคายนาครั้งที่ 3 เมื่อ พ.ศ.  218  คือหลังจากพระองค์ทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน 236 ปี  , สังคายนาครั้งที่  4  ที่ประเทศศรีลังกา  เมื่อ พ.ศ. 238 , สังคายนาครั้งที่  5  และเริ่มจดจารึกลงเป็นตัวอักษรครั้งแรก พ.ศ.  433  ที่ประเทศศรีลังกา  ....และสังคายนามาเรื่อยๆๆ  จนถึงครั้งที่  9  

...คิดตามประสาปุถุชน  มักจะคิดง่ายๆว่า  ในเมื่อพระที่มีฤทธิ์เดช  สามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้  แล้วทำไมต้องห้าม  เพราะจะได้อาศัยการแสดงปฏิหาริย์มาดึงดูดคนจำนวนมากเข้าหาศาสนา ...แนวคิดแบบนี้ เป็นแนวคิดที่ไม่เข้าใจความจริง ....  ความจริงคือ  ถ้าปล่อยให้พระที่มีฤทธิ์สามารถแสดงฤทธิ์ได้  ศาสนาจะยิ่งสูญสลายไว ...เพราะว่า   พระที่สามารถเล่นฤทธิ์ได้  มีจำนวนน้อยอย่างยิ่ง  ถ้ามาแสดงปาฏิหาริย์อวดชาวโลก
คนจำนวนมากจะมุ่งสนใจแต่พระที่มีฤทธิ์  จะไม่สนใจพระอื่นๆที่ไม่มีฤทธิ์ แม้พระอื่นๆเหล่านั้นจะสอนธรรมะได้ถูกต้องก็ตาม  ก็จะไม่มีใครไปสนใจฟัง  ไม่สนใจจะเชื่อ... ลาภผลต่างๆจะไปรวมกองที่พระที่มีฤทธิ์แทบหมด  พระอื่นๆก็จะอดอยาก แทบไม่มีใครสนใจ  ..หลังจากพระที่มีฤทธิ์มรณภาพตายไปหรือมีปัญหา...คนจำนวนมากก็จะเสื่อมศรัทธา  จะหนีจากศาสนา  จะตำหนิพระที่ไม่มีฤทธิ์ว่า  ไม่มีประสิทธิภาพ ... ศาสนาก็จะสูญสลายไว
ความคิดเห็นที่ 17
หายากจริง ๆ พระที่เหาะได้ เพราะเป็นคุณวมบัติชั้นสูงของพระอรหันต์จริง ๆ ต้องเป็นอรหันต์ผู้ได้อภิญญาหกเท่านั้น ถ้าเราไปอ่านดูในเถราปทาน พระอรหันต์ทั้งหมดจะได้ วิโมกข์ ๘ ปฏิสัมภิทา ๔ อภิญญา๖ กันทั้งนั้น อภิญญาตัวนี้อยู่หลังวิโมกข์ ๘ ของการทำลายอาสวะไปแล้ว แต่ยังไม่สิ้น

ฤทธิ์ตัวนี้เรียก ฤทธิ์พระอริยะ

หันกลับมาดูอรหันต์มีหลายประเภท
สุขวิปัสสโก แสดงฤทธิ์ไม่ได้
เตวิชโช ได้วิชชาสาม ยังไม่ได้อิทธิวิธี
ปัญญาวิมุติ ยังไม่ได้อิทธิวิธี
อุภโตภาควิมุติ สิ้นอาสวะ แต่อภิญญา ๖ ยังไม่เกิด แต่บางท่านก็ได้วิชชาสาม เช่น พระองค์คุลีมาร
อภิญญา๖ เป็นการสั่งสมพลังจิตที่นิโรธสมาบัติ
แล้วทำให้เกิดฤทธิ์ ท่านพระโมคคัลลานะก็ได้สมาบัติแปดเหมือนกัน

คราวนี้สาวกจะมีฤทธิ์โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งไม่เหมือนกัน
เช่น พระโมคคัลลานะ เลิศด้านอิทธิ
พระโสภิตะระลึกชาติ พระอนุรุทธทิพยจักขุ ฯลฯ

ปัจจุบัน คุณวิเศษด้านการบรรลุธรรมลดลง
ผู้ที่แสดงฤทธิ์ได้จึงหาได้น้อยมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่