Happy Birthday (กึ่งรีวิว) : ความจริง และ บททดสอบ

ผ่านมา 10 ตอนเกือบจะโค้งสุดท้าย ทำไมธารน้ำฆ่าตัวตายถึงไม่ได้เอ่ยคำตอบกันโต้ง ๆ แต่เก็บเล็กผสมน้อย ข้อเท็จจริงจากตรงนั้นตรงนี้ ก็คงพอบอกได้ว่าความล่มสลายของจิตใจธารน้ำมาจากตรงไหน "ในน้ำอุ่นกว่าตรงนี้" หากตอนที่ผ่าน ๆ มามันยังเหน็บหนาวไม่พอ ความเหน็บหนาวขั้นสุดคงอยู่ในตอนที่ 10 นี้ ตอนที่ชื่อสั้น ๆ ว่า "แม่"

แม่วรรณ ... ผู้หญิงวัยกลางคนกับรถญี่ปุ่นขนาดกลาง การแต่งตัวดูเรียบหรูขึ้นเป็นกอง ผิดกับผู้หญิงที่ระบายทุกข์กับแก้วเหล้าและบุหรี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 17 ปีผ่านไป เธอกลับมา .... พร้อมกับบอกลุงต่ายว่า " หนูจะมารับธารน้ำไปอยู่ด้วย " 17 ปีผ่านไปแล้ว คำถามคงมีอยู่ว่าป่านนี้ธารน้ำก็ 30 กว่า อาจจะแต่งงานมีลูกไปแล้วก็ได้ ไม่กลับมานานขนาดนี้ แต่เมื่อทำความเข้าใจอีกซักทีก็พอนึกออกว่า .... ผู้หญิงคนนึง ท้องจนกระทั่งเรียนไม่จบ ทำมาหากินอะไรไม่ได้ แต่ก็มีทิฐิอยู่เป็นสิบกว่าปี หยุดอนาคตของลูกสาวไว้ในย่านเสื่อมโทรมทั้งที่อนาคตดี ๆ อยู่ห่างจากที่ซุกหัวนอนไปไม่กี่ก้าว

ดังนั้นถ้าวรรณตัดสินใจเด็ดขาดด้วยทิฐิ .... เมื่อหันหลังจากไป จะกลับมาก็คงในเวลาที่ "ได้ดี" แล้วเท่านั้นแหละ ความผิดพลาดอยู่ตรงที่ว่า ข้อแรก คนเป็นแม่ยัดความคิดที่เป็นพิษใส่หัวลูกสาวจนแงะไม่ออก เชษฐเป็นพ่อ แต่ไม่ได้รับความไว้วางใจแม้กระทั่งเรียกยังเรียก "น้า" ข้อสอง วรรณไม่พูดความจริงและให้เหตุผล คงกลัวลูกตัดใจไม่ได้ แต่การที่หนีหายไปโดยไม่สื่อสาร คนที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังก็ได้แต่คิดไปเอง ยิ่งแม่เป็นคนที่ธารน้ำให้ความรักและไว้ใจ กลับมาหายไปไม่บอกกล่าว ... มันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากธารน้ำไม่เป็นที่ต้องการ

ลุงต่าย ... คนที่สนิทกับธารน้ำทั้งที่คนละสายเลือด ยิ่งกว่าเป็นพ่อแท้ ๆ แม่วรรณใช้ลุงต่ายเป็นเครื่องมือช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ซึ่งลุงต่ายก็ไม่ได้ทำให้แม่วรรณผิดหวัง แต่ทำให้ธารน้ำเสียใจ ทำไมเวลาที่หันไปหาใคร คนที่คิดว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งเรากลับโดนปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง แม้ว่าที่จริงแล้วลุงต่ายไม่คิดจะผลักไสแต่เป็นเพราะวรรณอยู่ในบ้าน ถ้อยคำที่ตามมาก็ไม่ใช่ความจริงเช่นเคย กลับไปบ้านก่อนนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะรับมาอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ใช่ รถคันเก่าของลุงต่ายไปหยุดที่บ้านน้าเชษฐ ตอนนั้นเองอารมณ์และหัวจิตหัวใจที่กลับมาชุ่มชื้นขึ้นกลับแห้งผากลงอีกครั้ง เมื่อไหร่กันจะถึงวันที่เราเป็นที่ต้องการ

ข้อนี้ทำให้คิดถึงสัมพันธ์ระหว่างธารน้ำกับที ... ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลกที่ทีให้ธารน้ำทำอะไรธารน้ำก็ยอม เพราะ คิดว่าถ้ายอม ทีคงไม่ผลักไส ก็คงเป็นที่ต้องการ ส่วนกับพ่อ ... เมื่อไม่เป็นที่ไว้วางใจ และ น้าเชษฐก็ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่พูด ก็มีแต่ธารน้ำที่ได้แต่คิดไปเอง แม่กับลุงต่ายพูดไม่จริง พ่อไม่พูด ทีเอง ... ว่าไปก็พูดไม่จริง แต่พอหนัก ๆ เข้าก็ไม่ไหว สุดท้าย ... ก็ไม่มีวันที่จะเป็นที่ต้องการของใคร อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ก็ได้ตอนที่ฆ่าตัวตายเลยไม่ร้องไห้ซักนิด เพราะร้องมามาก ร้องจนน้ำตาที่เปียกปอนแห้งเหือดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โลกนี้ไม่มีที่ของเรา ในน้ำนั้นคงมี

จากเรื่องที่เข้าใจตั้งแต่ต้นจนถึงตอนท้ายว่าไม่มีใครต้องการ ... จริง ๆ อยากจะบอกว่ามันคือเรื่องเข้าใจผิด แต่เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ชวนให้เข้าใจผิดนั่น เพราะ ไม่ยอมพูดอะไร ทุกคนได้รับผลกระทบจากการตายของธารน้ำ แต่ในทางกลับกันก็เพราะสิ่งละอันพันละน้อยจากทุกคนเหมือนกันที่ทำให้ธารน้ำต้องมีวันนี้ จนกระทั่งมีต้นไม้ ... คนที่เบื่อที่หน่ายกับการปิดบัง และ เรื่องปลอมเปลือกทั้งหลายเต็มประดา อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ทำให้สิ่งที่ออกจากปากต้นไม้ เป็นความจริงเสมอ รู้อะไร คิดอะไร ก็พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันเหลืออดเหลือทนกับเรื่องหลอก ๆ ปิด ๆ เต็มที ไม่ว่าจะปิดด้วยเหตุหวังดี หรือ หวังร้ายก็แล้วแต่เถอะ

ซึ่งก็สังเกตว่า ... ทุกอย่างมันคลี่คลายตัวความจริงจากต้นไม้ ทีเปิดปากเพราะต้นไม้บอกว่าเห็นธารน้ำ ลุงต่ายก็เหมือนกัน และ ที่ธารน้ำกลับมา เพราะ ต้นไม้เขียนจดหมายน้อยเผาไปหาพี่ เรื่องจริงล้วน ๆ เลย มันเจ็บไหมก็เจ็บนะ แต่ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ก่อนคือทุกคนเสแสร้างว่าชีวิตดี ดำเนินชีวิตไปแล้ง ๆ แกน ๆ สุม ๆ หมกมุ่นกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วและแก้ไขไม่ได้ ไม่พูดเพราะนึกว่าพอไม่พูดแล้วทุกอย่างจะลอยหายไปกับสายลม แต่ท้ายที่สุดคือทุกอย่างมันยังอยู่เหมือนเดิม

ทีมีความสุขขึ้น ธารน้ำเหมือนได้ชีวิตใหม่ ลุงต่ายตอนนี้ก็ได้ถอนหนามที่ค้างคาใจ แม้แต่ต้นไม้เอง ... ที่หลายคนอาจมองว่าชีวิตแย่ลงนับแต่ธารน้ำเข้ามา แต่นี่ว่า "ความสุข" มันอยู่ที่มุมมอง ต้นไม้สุขเพราะมีการมีใครซักคนที่มองเห็นคุณค่าและความสำคัญ ธารน้ำให้ความสำคัญกับต้นไม้แบ่งปันเรื่องราวทุกข์สุข เป็นคน เออ คนแหละ ที่ต้นไม้ได้ดูแลและแบ่งปันรอยยิ้มให้กัน คือ จริง ๆ ต้นไม้ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ก็ขอแค่นี้ แต่คนเป็น ๆ ให้เขาไม่ได้ซักคน ต้นไม้เลยมาอยู่ในจุดที่ว่ามี "ผี" กับ "น้อยหน่า" ก็แทนคนทั้งโลกได้แล้ว ประเด็นคือสุขตอนนี้มันยั่งยืนแค่ไหน

โลกที่ต้นไม้คือว่ามันเพียงพอแล้ว คนไม่กี่คนรอบตัวนี่แหละ ไม่ต้องสนใจคนอื่นแล้ว ไม่ต้องสนพ่อ ไม่ต้องสนแม่ อยู่ในโลกของตัวเองมีความสุขแค่นี้ก็พอ มันทำได้จริงรึเปล่า โลกที่ทียึดเอาธารน้ำในร่างต้นไม้โดยไม่นึกว่าเจ้าของร่างที่แท้จะเกิดผลกระทบยังไง หรือ ธารน้ำที่ก็เผลอไผลไปกับความสัมพันธ์ระหว่างทีกับตัวเองจนลืมคิดถึงความจริงก็เช่นกัน

ตอนนี้เหมือนตัวละครหลักกำลังว่ายเวียนในโลกคู่ขนานมากกว่าสถานการณ์รอบตัว ใครเป็นไงไม่สน ต้นไม้ไม่สนพ่อสนแม่สนบ้านแล้ว เหมือนปลดแอก ว่าพอกันที หลังจากเก็บกดมานาน ใช้ชีวิตโลดแล่นไปตามใจอยาก ทีก็คิดแต่เรื่องอยากเจอธารน้ำ ปล่อยชีวิตลอยชาย ธารน้ำก็ใช้โอกาสสิงร่างต้นไม้จุ๋งจิ๋งกับที เรียกว่าต่างคนต่างตามใจตัวเองไม่สนความจริง

ตอนหน้าคงมีตัวละครที่จะมาเคาะสถานการณ์ พี่ลูกกอล์ฟ พนา น้าเชษฐ์ น้าอร แม่วรรณ สะท้อนให้เห็นว่าผลจากการตามใจตัวเองไม่สนสังคม จะเป็นยังไง เราจะอยู่ได้จริงไหม ? ก็เริ่มงวดเข้าไปทุกทีแล้ว กับ ปมที่ผูกไว้ ช่วงท้ายคงเป็นเรื่องของ "ครอบครัว" ตอนนี้ "ต้นไม้" ไม่ได้ไร้ตัวตนเหมือนแต่ก่อนแล้ว ชัดเอาเรื่องเลย ตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน ยัน สื่อมวลชน ตรงนี้คงเป็นจุดวัดใจ ที่จุดเริ่มต้นของเรื่อง จะเลือกเพิกเฉยกับมันปล่อยให้ทุกอย่างไหลผ่านไปเหมือนคราวของธารน้ำ หรือ เลือกจะยอมรับและแก้ไขให้ ให้ตอนจบเปลี่ยนแปลงไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่