หนุ่มสาวฮ่องกงลงทุนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ



เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ (27 พ.ย.) - ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไทยเป็นจุดหมายการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฮ่องกงและจีน โดยนักลงทุนจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงซึ่งอสังหาริมทรัพย์มีราคาแพงที่สุดในโลก กำลังเบนเข็มมุ่งเพิ่มการลงทุนในจุดหมายปลายทางเช่น กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์เทียบแล้วเพียงประมาณหนึ่งในห้าของฮ่องกง

ตามดัชนีชี้วัด Centa-City Leading Index ซึ่งเป็นมาตรวัดตลาดที่อยู่อาศัยของเมืองฮ่องกง ระบุราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 28 เดือนติดต่อกัน และแม้จะลดลงร้อยละ 4 ในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ชาวฮ่องกงยังคงต้องเก็บเงินประหยัดรายได้ทั้งหมดเป็นเวลานาน 19 ปีครึ่ง กว่าที่พวกเขาจะสามารถซื้อบ้านในเมืองได้ ตามรายงานในปีนี้จากบริษัทวิจัยตลาด Demographia

รายงานฉบับนี้ ยังเปรียบเทียบว่า ผู้ซื้อบ้านในซิดนีย์และแวนคูเวอร์ ต้องประหยัดเก็บออมรายได้เพื่อซื้อบ้านนาน 12.9 ปีและ 12.6 ปีตามลำดับ

"ไม่มีทางใดที่ผมจะซื้อบ้านในฮ่องกง แม้ราคาบ้านจะเริ่มลดลง" นายคาลวิน ชาน วัย 35 ปี นักธุรกิจคนหนึ่งกล่าว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชาน ได้มาซื้อห้องชุดขนาด 25 ตร.ม. (ประมาณ 270 ตารางฟุต) ในโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน กรุงเทพ ประเทศไทย ราคา 580,000 เหรียญฮ่องกง (ราว 2,448,923 บาท) "ด้วยงบประมาณนี้ไม่มีทางที่คุณจะซื้อห้องชุดในฮ่องกงได้" เขากล่าว ในฮ่องกงอพาร์ทเมนต์ขนาด 162 ตารางฟุต ในถุนเหมิน มีมูลค่า 3.09 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 13.05 ล้านบาท)

คอนโดเมโทรสกาย ประชาชื่น จำนวน 1,320 ยูนิต ซึ่งขายให้กับผู้ซื้อจากฮ่องกงจำนวน 15% อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟบางซื่อ สถานีรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อคุนหมิง ในมณฑลยูนนานทางตอนใต้ของจีน กับกรุงเทพฯ ผ่าน ประเทศลาว

"เพื่อนของผมกำลังมาซื้อบ้านหลังแรกในกรุงเทพฯ เพื่อลงทุนและคาดว่าราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าเราโชคดีพอที่จะหาผลกำไรจากการลงทุนนี้ได้ เราสามารถเอาเงินกลับไปซื้ออพาร์ทเมนต์ในฮ่องกงได้ภายหลัง" นายชานกล่าว

คีธ หว่อง หัวหน้าโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ Queens International Real Estate ซึ่งมุ่งเน้นการขายอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "เราได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยกว่า 20 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ทุกเดือนเราขายได้มากกว่า 100 หน่วย"

ห้องชุดเหล่านี้ส่วนใหญ่มีราคาอยู่ระหว่าง 600,000 เหรียญฮ่องกง (ราว 2,534, 287 บาท) และ 800,000 เหรียญฮ่องกงต่อห้อง (3,379, 049 บาท) และผู้ซื้อระหว่างอายุ 28-35 ปี ซื้อเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน

"ในขณะที่ไม่มีอุปสรรคในการเข้าเมือง เงื่อนไขการซื้อไม่ยุ่งยาก ในบางกรณีอาจมีผู้ซื้อหนุ่มสาว 3-4 คนที่อายุ 20 ปีมาร่วมกันซื้ออพาร์ตเมนต์เพื่อการลงทุน" หว่อง กล่าว

แคร์รี่ ลอว์ ผู้บริหารและผู้อำนวยการ Juwai.com ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน เปิดเผยว่า ห้องชุดอพาร์ตเมนต์ประมาณ 15,000 ห้อง ในกรุงเทพฯ ได้มีการจับจองขายให้กับผู้ซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของการซื้อจากต่างประเทศทั้งหมด

"ถ้าผู้ซื้อแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงซื้อห้องชุด ในราคาเฉลี่ยประมาณ 5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 30,000 - 75,000 ล้านบาท" เธอกล่าว แต่เสริมว่า "จีนมีมาตรการควบคุมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวด ซึ่งเป็นกรอบให้ผู้ซื้อชาวจีนใช้จ่ายได้เพียงในวงเงินที่กำหนด"

จากข้อมูลของ Juwai.com ระบุว่าตลาดซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งกำลังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในภูมิภาคเอเชียจากผู้ซื้อชาวจีน ได้พุ่งถึงจุดสูงสุดใหม่ในช่วงสามเดือน เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

"นักลุงทุนหนุ่มสาวฮ่องกง ชื่นชอบประเทศไทยเพราะทรัพย์สินไทยมีราคาต่ำกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูงอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย โดยในประเทศไทยอพาร์ทเมนท์หรูมือหนึ่ง ราคาไม่แพง เริ่มต้นที่เพียงราว 3.3 ล้านบาท" ลอว์กล่าว

นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง HKR ซึ่งเป็นเจ้าของ Discovery Bay กล่าวกับเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ว่า ได้เร่งขยายการลุงทุนในกรุงเทพฯ โดยมีแผนจะสร้างโครงการที่อยู่อาศัย 1,400 ยูนิต พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ยังได้จับจองทำเลที่ดินติดกับถนนรามอินทรา เขตคันนายาว

"เราอยู่ในตลาด และดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม ในประเทศไทยมาเกือบ 30 ปีแล้ว เรารู้สึกถึงปัจจัยเชิงบวกเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัว จึงมีโอกาสมากมายในตลาดอสังหาริมทรัพย์" HKR กล่าว


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9610000118205

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่