จิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ
จิตไม่มีราคะก็รู้ว่าจิตไม่มีราคะ
เกิดราคะแล้วไม่มีสติรู้
ปล่อยให้จิตเตลิดไปกับราคะ
แล้วยับยั้งไม่อยู่
จตุกกะที่ 3 : จิตตานุปัสสนา
9) เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วถึงจิต หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วถึงจิต หายใจออก
10) เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก
11) เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจออก
12) เธอสำเหนียกว่า เราจักปล่อยเปลื้องจิต หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักปล่อยเปลื้องจิต หายใจออก
คือ
เราจะพิจารณาจิตมีราคะหายใจเข้า
เราจะพิจารณาจิตมีราคะหายใจออก
เราจะพิจารณาจิตไม่มีราคะหายใจเข้า
เราจะพิจารณาจิตไม่มีราคะหายใจออก
เกิดราคะแล้วไม่มีสติรู้
จิตไม่มีราคะก็รู้ว่าจิตไม่มีราคะ
เกิดราคะแล้วไม่มีสติรู้
ปล่อยให้จิตเตลิดไปกับราคะ
แล้วยับยั้งไม่อยู่
จตุกกะที่ 3 : จิตตานุปัสสนา
9) เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วถึงจิต หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักรู้ทั่วถึงจิต หายใจออก
10) เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก
11) เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจออก
12) เธอสำเหนียกว่า เราจักปล่อยเปลื้องจิต หายใจเข้า
เธอสำเหนียกว่า เราจักปล่อยเปลื้องจิต หายใจออก
คือ
เราจะพิจารณาจิตมีราคะหายใจเข้า
เราจะพิจารณาจิตมีราคะหายใจออก
เราจะพิจารณาจิตไม่มีราคะหายใจเข้า
เราจะพิจารณาจิตไม่มีราคะหายใจออก