ที่มา
https://www.dhammainyard.com/?p=11804
อานิสงส์ ๗ ประการของการเจริญอานาปานสติ
บ้านสวนธัมมะ
ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง นั่งคู้ขาเข้ามาเป็นบัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก.
เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกยาวก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้นก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งกายทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งกายทั้งปวงหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำกายสังขารให้ระงับหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำกายสังขารให้ระงับหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งปีติหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งปีติหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งสุขหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งสุขหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตตสังขารหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตตสังขารหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตตสังขารให้ระงับหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตตสังขารให้ระงับหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ตั้งมั่นหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ตั้งมั่นหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักปล่อยจิตหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักปล่อยจิตหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความจางคลายหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความจางคลายหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความดับไม่เหลือหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความดับไม่เหลือหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความสลัดคืนหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความสลัดคืนหายใจออก.
ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอยู่อย่างนี้ ผล ๗ ประการ อานิสงส์ ๗ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้ คือ
๑) ย่อมสำเร็จในปัจจุบัน
๒) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ย่อมสำเร็จในกาลแห่งมรณะ
๓) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน และไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ย่อมเป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๔) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ และไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๕) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชส์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชส์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๖) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๗) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ผล ๗ ประการ อานิสงส์ ๗ ประการเหล่านี้ เป็นสิ่งที่หวังได้.
-บาลี มหาวาร. สํ. 19/397/134.
https://84000.org/tipitaka/pali/?19//397,
https://etipitaka.com/read/pali/19/397/
อานิสงส์ ๗ ประการของการเจริญอานาปานสติ
อานิสงส์ ๗ ประการของการเจริญอานาปานสติ
บ้านสวนธัมมะ
ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง นั่งคู้ขาเข้ามาเป็นบัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก.
เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกยาวก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้นก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งกายทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งกายทั้งปวงหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำกายสังขารให้ระงับหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำกายสังขารให้ระงับหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งปีติหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งปีติหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งสุขหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งสุขหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตตสังขารหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตตสังขารหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตตสังขารให้ระงับหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตตสังขารให้ระงับหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักรู้พร้อมซึ่งจิตหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ตั้งมั่นหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักทำจิตให้ตั้งมั่นหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักปล่อยจิตหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักปล่อยจิตหายใจออก.
ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความจางคลายหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความจางคลายหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความดับไม่เหลือหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความดับไม่เหลือหายใจออก ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความสลัดคืนหายใจเข้า ย่อมทำการศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความสลัดคืนหายใจออก.
ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่.
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอยู่อย่างนี้ ผล ๗ ประการ อานิสงส์ ๗ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้ คือ
๑) ย่อมสำเร็จในปัจจุบัน
๒) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ย่อมสำเร็จในกาลแห่งมรณะ
๓) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน และไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ย่อมเป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๔) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ และไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๕) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชส์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชส์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๖) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
๗) ถ้าไม่สำเร็จในปัจจุบัน ไม่สำเร็จในกาลแห่งมรณะ ไม่ได้เป็นอันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอุปหัจจปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป ไม่ได้เป็นอสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป และไม่ได้เป็นสสังขารปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป (เช่นนั้น) ย่อมเป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ผล ๗ ประการ อานิสงส์ ๗ ประการเหล่านี้ เป็นสิ่งที่หวังได้.
-บาลี มหาวาร. สํ. 19/397/134.
https://84000.org/tipitaka/pali/?19//397,
https://etipitaka.com/read/pali/19/397/