พายุสุริยะทำทุ่นระเบิดสหรัฐฯ ลั่นเองในสงครามเวียดนาม


NASA
การปะทุพลังงานมหาศาลจากดวงอาทิตย์ในรูปของพายุสุริยะ อาจสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนโลกได้

บันทึกเอกสารของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ในช่วงท้ายของสงครามเวียดนามได้เกิดเหตุทุ่นระเบิดในทะเลจำนวนมากของสหรัฐฯ ที่วางอยู่นอกชายฝั่งระเบิดลั่นขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของพายุสุริยะครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

รายงานวิจัยในวารสาร Space Weather ซึ่งจัดทำโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตโบลเดอร์ในสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ปี 1972 ลูกเรือประจำเครื่องบินลาดตระเวนของกองกำลังปฏิบัติการ 77 ของกองทัพสหรัฐฯ ได้พบเห็นเหตุระเบิดขึ้นมาจากใต้น้ำ 20-25 ครั้งติดต่อกัน ภายในเวลาราว 30 วินาที ที่บริเวณสนามทุ่นระเบิดนอกเกาะเฮินลา ซึ่งเป็นเมืองท่าทางใต้ของเมืองไฮฟอง ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนาม

ก่อนหน้านั้นกองทัพเรือสหรัฐฯได้วางทุ่นระเบิดดังกล่าวใน "ปฏิบัติการเงินติดกระเป๋า" (Operation Pocket Money) ซึ่งมุ่งทำลายท่าเรือสำคัญของกองกำลังฝ่ายเวียดนามเหนือ

หลังเกิดเหตุระเบิดที่ไม่คาดฝัน กองทัพเรือสหรัฐฯได้ดำเนินการสอบสวนครั้งใหญ่ในทันที เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวได้ระเบิดขึ้นก่อนกำหนดเวลาทำลายตัวเองที่ตั้งไว้ล่วงหน้าถึง 30 วัน และไม่พบร่องรอยการทำลายทุ่นระเบิดด้วยฝีมือมนุษย์


GETTY IMAGES   
เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ของสหรัฐฯ ได้ไปเยือนเมืองดานังของเวียดนามเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

จากการหารือกับนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) พบว่าเหตุการณ์นี้ประจวบเหมาะกับการเกิดพายุสุริยะครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของปีนั้น โดยมีการปะทุปลดปล่อยพลังงานมหาศาลจากบริเวณจุดมืด (Sun spot) MR 11976 บนดวงอาทิตย์ ติดต่อกันหลายครั้ง

ความเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ดังกล่าว มีทั้งการปลดปล่อยโซลาร์แฟลร์ (Solar flare) ซึ่งเป็นการระเบิดแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรง รวมทั้งการปลดปล่อยมวลโคโรนา (Coronal mass ejection) ที่ปะทุพ่นพลาสมาพลังงานสูงออกมา ทั้งยังเกิดกลุ่มเมฆของอนุภาคมีประจุซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงใกล้เคียงกับแสงอีกด้วย

พายุสุริยะในเดือนสิงหาคม ปี 1972 มีความรุนแรงเป็นพิเศษ โดยเกิดการปลดปล่อยมวลโคโรนาที่เดินทางมาถึงโลกภายในเวลาเพียง 14.6 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่ลมสุริยะตามปกติจะใช้เวลาเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลก 2-3 วัน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคมในหลายประเทศแถบอเมริกาเหนือ และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดขัดข้องเป็นวงกว้าง ในช่วงเวลาที่เกิดพายุสุริยะดังกล่าว

บันทึกเอกสารของกองทัพเรือสหรัฐฯ เผยว่า นักวิทยาศาสตร์ของโนอายอมรับว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ปรากฏการณ์พายุสุริยะครั้งรุนแรงนี้ จะเป็นสาเหตุให้ทุ่นระเบิดดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้นได้เองอย่างไม่คาดคิด ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลต่อยุทธการของสหรัฐฯในเวียดนามเหนือในขณะนั้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
BBC/NEWSไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่