สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คนสมองเสื่อมไม่ควรให้ทำกับข้าวค่ะ เพราะไม่รู้จะทำหมูสุกหรือเปล่า ขนาดเรายังไม่แก่และสมองยังไม่เสื่อม ยังไม่ชอบทำกับข้าวเลย คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็ซื้ออาหารกินทั้งนั้น ไม่ค่อยมีใครทำกับข้าวกินเองสามมื้อหรอกค่ะ แม่สามีคุณไม่ได้แปลกเลยที่ไม่ชอบทำกับข้าวเอง ตัวคุณและสามีทำกับข้าวกินเองทุกมื้อหรือเปล่า ถ้าพวกคุณซื้อกิน ก็น่าจะซื้อเผื่อแม่สามีด้วย
แม้แต่จะให้คนแก่ที่แข็งแรงทำกับข้าวกินเองสามมื้อ ยังไม่ควรทำเลย น่าสงสารคนแก่ ลูกหลานควรจะไปซื้ออาหารให้คนแก่กิน ยกเว้นคนแก่จะมีใจรักอยากทำอาหารกินเอง
จริงๆ คนป่วยน่าจะให้ออกกำลังกายง่ายๆ เช่น เดินเล่น การทำกับข้าวเป็นเรื่องวุ่นวายและบางคนก็ไม่ชอบทำจริงๆ ถ้าเราแก่แล้ว ลูกหลานจะมาให้เราทำกับข้าว เราคงรู้สึกไม่ดีนะ เพราะเราไม่ชอบทำกับข้าวจริงๆ ควรให้เขาออกกำลังกายแบบที่เขาชอบดีกว่า
ซื้ออาหารมาให้แม่สามีกินค่ะ แม่สามีจะได้ไม่ต้องหิวจนไปกินขนมถุง แม่สามีเราก็เป็นโรคสมองเสื่อม เรายังออกไปซื้ออาหารให้กิน แล้วต้องมานั่งป้อนด้วย เรายังทำเลย ทำจนแม่สามีเสียชีวิต เราถือว่าแม่สามีไม่ได้แกล้ง เขาป่วยเอง อย่าไปถือสาเขา เราทำดีกับเขา เราก็ได้บุญ ต่อไปเราแก่ เราจะได้ไม่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมแบบเขา
แล้วแม่สามีเราไปตรวจกับหมอสมอง หมอบอกว่าสมองส่วนการเคลื่อนไหวลีบหมดแล้ว ทำให้แม่สามีไม่อยากเดิน เพราะไม่มีสมองส่วนการเคลื่อนไหวแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ถ้าเรารู้สาเหตุ เราจะไม่ตำหนิแม่สามีเราเลยที่ไม่อยากเคลื่อนไหว (วิธีชะลอสมองเสื่อมมีทางเดียว คือ ออกกำลังกาย แต่ก็ต้องบอกคนแก่ดีๆ เพราะสมองเขาไม่ทำงานแล้ว เขาทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น อย่าไปโกรธเขา) ถ้าอยากให้สมองเขาเสื่อมช้า ก็ต้องชวนเขาพูดคุยบ่อยๆค่ะ
ตอนแม่สามีเราอาการทรุดหนัก ถ่ายอุจจาระเองไม่ได้ เราใส่ถุงมือ ล้วงอึในก้นของแม่สามีออกมา เพราะไม่งั้นเขาก็ถ่ายไม่ได้ อาโกวเราก็ล้วงอึในก้นของแม่สามีออกมาเหมือนกัน เพราะอาโกวก็มีแม่สามีป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม อาโกวเราดูแลแม่สามีที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมราวยี่สิบปี และตัวเราดูแลแม่สามีที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมราวเก้าปี ทั้งอาบน้ำให้ เช็ดก้นที่ถ่ายอุจจาระให้ หาอาหารให้กิน ก็ยังต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่ลูกสะใภ้
ผลที่ตามมา อาโกวเรารวยเป็นร้อยๆ ล้าน ร้านค้าที่ขายของเหมือนกันมีแต่ขายไม่ได้ แต่ร้านค้าของอาโกวเราขายดิบขายดีจนเลื่องลือ ส่วนตัวเราก็มีอาชีพการงานที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมาก เป็นเจ้าของกิจการมั่นคงดูดีมากๆ
บาปบุญมีจริง แม่สามีคุณไม่ได้แกล้ง เขาแค่ป่วย คุณต้องมาช่วยเขา มันเป็นโอกาสให้คุณได้สร้างบุญบารมี คุณจะร่ำรวยมีความสุข ก็จากการทำความดี คุณช่วยแม่สามี คุณไม่ได้เหนื่อยเปล่าหรอก ผลบุญจะตอบสนองให้คุณมั่งมีศรีสุขค่ะ
คุณช่วยแม่สามีได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ปล่อยวางค่ะ สำหรับเรา เราไม่ถือสาคนเป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ เขาจะทำไม่ถูกต้องบ้าง ก็ปล่อยวางไปค่ะ มันเป็นอาการป่วย สมองบางส่วนตายแล้ว จะหวังให้เขาดีดังใจได้อย่างไร
ถ้าเราแก่และป่วยเป็นโรคทางสมอง แล้วลูกบอกว่าให้ทำกับข้าวกินเอง ลูกแท้ๆ ไม่ได้คิดจะซื้ออาหารมาให้แม่กิน ถ้าเราไม่ได้ทำกินเอง ก็จะไม่ได้กินอาหาร (ต้องไปกินขนมถุง) เราคงเสียใจที่ลูกไม่ได้รักแม่คนนี้เลยแม้แต่น้อย คงออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า ไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว
แม้แต่จะให้คนแก่ที่แข็งแรงทำกับข้าวกินเองสามมื้อ ยังไม่ควรทำเลย น่าสงสารคนแก่ ลูกหลานควรจะไปซื้ออาหารให้คนแก่กิน ยกเว้นคนแก่จะมีใจรักอยากทำอาหารกินเอง
จริงๆ คนป่วยน่าจะให้ออกกำลังกายง่ายๆ เช่น เดินเล่น การทำกับข้าวเป็นเรื่องวุ่นวายและบางคนก็ไม่ชอบทำจริงๆ ถ้าเราแก่แล้ว ลูกหลานจะมาให้เราทำกับข้าว เราคงรู้สึกไม่ดีนะ เพราะเราไม่ชอบทำกับข้าวจริงๆ ควรให้เขาออกกำลังกายแบบที่เขาชอบดีกว่า
ซื้ออาหารมาให้แม่สามีกินค่ะ แม่สามีจะได้ไม่ต้องหิวจนไปกินขนมถุง แม่สามีเราก็เป็นโรคสมองเสื่อม เรายังออกไปซื้ออาหารให้กิน แล้วต้องมานั่งป้อนด้วย เรายังทำเลย ทำจนแม่สามีเสียชีวิต เราถือว่าแม่สามีไม่ได้แกล้ง เขาป่วยเอง อย่าไปถือสาเขา เราทำดีกับเขา เราก็ได้บุญ ต่อไปเราแก่ เราจะได้ไม่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมแบบเขา
แล้วแม่สามีเราไปตรวจกับหมอสมอง หมอบอกว่าสมองส่วนการเคลื่อนไหวลีบหมดแล้ว ทำให้แม่สามีไม่อยากเดิน เพราะไม่มีสมองส่วนการเคลื่อนไหวแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ถ้าเรารู้สาเหตุ เราจะไม่ตำหนิแม่สามีเราเลยที่ไม่อยากเคลื่อนไหว (วิธีชะลอสมองเสื่อมมีทางเดียว คือ ออกกำลังกาย แต่ก็ต้องบอกคนแก่ดีๆ เพราะสมองเขาไม่ทำงานแล้ว เขาทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น อย่าไปโกรธเขา) ถ้าอยากให้สมองเขาเสื่อมช้า ก็ต้องชวนเขาพูดคุยบ่อยๆค่ะ
ตอนแม่สามีเราอาการทรุดหนัก ถ่ายอุจจาระเองไม่ได้ เราใส่ถุงมือ ล้วงอึในก้นของแม่สามีออกมา เพราะไม่งั้นเขาก็ถ่ายไม่ได้ อาโกวเราก็ล้วงอึในก้นของแม่สามีออกมาเหมือนกัน เพราะอาโกวก็มีแม่สามีป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม อาโกวเราดูแลแม่สามีที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมราวยี่สิบปี และตัวเราดูแลแม่สามีที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมราวเก้าปี ทั้งอาบน้ำให้ เช็ดก้นที่ถ่ายอุจจาระให้ หาอาหารให้กิน ก็ยังต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่ลูกสะใภ้
ผลที่ตามมา อาโกวเรารวยเป็นร้อยๆ ล้าน ร้านค้าที่ขายของเหมือนกันมีแต่ขายไม่ได้ แต่ร้านค้าของอาโกวเราขายดิบขายดีจนเลื่องลือ ส่วนตัวเราก็มีอาชีพการงานที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมาก เป็นเจ้าของกิจการมั่นคงดูดีมากๆ
บาปบุญมีจริง แม่สามีคุณไม่ได้แกล้ง เขาแค่ป่วย คุณต้องมาช่วยเขา มันเป็นโอกาสให้คุณได้สร้างบุญบารมี คุณจะร่ำรวยมีความสุข ก็จากการทำความดี คุณช่วยแม่สามี คุณไม่ได้เหนื่อยเปล่าหรอก ผลบุญจะตอบสนองให้คุณมั่งมีศรีสุขค่ะ
คุณช่วยแม่สามีได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ปล่อยวางค่ะ สำหรับเรา เราไม่ถือสาคนเป็นโรคสมองเสื่อมค่ะ เขาจะทำไม่ถูกต้องบ้าง ก็ปล่อยวางไปค่ะ มันเป็นอาการป่วย สมองบางส่วนตายแล้ว จะหวังให้เขาดีดังใจได้อย่างไร
ถ้าเราแก่และป่วยเป็นโรคทางสมอง แล้วลูกบอกว่าให้ทำกับข้าวกินเอง ลูกแท้ๆ ไม่ได้คิดจะซื้ออาหารมาให้แม่กิน ถ้าเราไม่ได้ทำกินเอง ก็จะไม่ได้กินอาหาร (ต้องไปกินขนมถุง) เราคงเสียใจที่ลูกไม่ได้รักแม่คนนี้เลยแม้แต่น้อย คงออกจากบ้านไปตายเอาดาบหน้า ไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
ต้องอยู่กับแม่สามี เหนื่อยมากๆ ทำยังไงดี
สามีมีพี่น้อง 3 คน เค้าเป็นคนสุดท้าย พี่ชายคนโตเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือกัน 2 คน พี่คนกลาง กับสามีที่เป็นคนเล็ก
จนเมื่อต้นปี พ่อสามีมาเสียไป คือก็นอนหลับไปเฉยๆค่ะ
สามีเราก็ตกลงกับพี่ชายคนกลางว่า ขอเวลาซัก 4 เดือนนะ พอเราสร้างบ้านเสร็จ ก็จะให้แม่สามีมาอยู่ด้วย
เพราะว่าบ้านเราใกล้กับ รพ.ที่แม่สามีไปหาเป็นประจำ แล้วก่อนหน้านั้น เรากับสามีพักอยู่อพาร์ทเม้นของที่ทำงาน
ห้องเล็ก แล้วก็มีห้องเดียว คับแคบ พี่ชายสามีก็ตกลงตามนั้น หลังเสร็จงานศพ ก็เลยให้แม่สามีไปอยู่กับพี่ชาย
แต่อยู่แค่เดือนเดียว พี่ชายก็เอาแม่มาส่งบอกว่าจะพาครอบครัวไปเที่ยวซักอาทิตย์นึง เดี๋ยวมารับ
แล้วก็ไม่มารับแม่อีกเลย
ที่ตอนแรกส่งไปอยู่กับพี่ชาย เนื่องจากตอนพี่ชายคนโตตาย พี่ชายคนกลางได้เงินจากป้าไปซื้อบ้าน
ตอนนั้นก็รับปากป้าว่าจะพาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย แต่สุดท้ายพอได้บ้าน ก็ไม่รับไปอยู่ด้วย พอพ่อสามีเสีย
ป้าก็เลยให้เงินสามีเรามาสร้างบ้านเพื่อให้แม่มาอยู่ด้วยค่ะ
สรุปแม่สามีก็มาอยู่กับเรา แรกๆเราสังเกตุว่าแม่สามีมีอาการแปลกๆ ชอบลืม คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง
ก็เลยไปหาหมอ ตอนนี้คือเป็นโรคสมองเสื่อม ความดัน เบาหวาน ไขมัน หัวใจ(เป็นนานแล้ว แต่ไม่ได้มีอาการอะไรมานานแล้ว)
จริงๆเรื่องแม่สามี เรากับสามีก็ดูแลได้อยู่ค่ะ
แต่เรื่องที่เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ คือเค้าดื้อมากค่ะ
เราอยากให้เค้า Active ด้วยการทำอะไรเล็กๆน้อยๆในบ้าน เช่นเดินเล่น ออกมานอกบ้านบ้าง ทำกับข้าว รดน้ำต้นไม้
อะไรทำนองนี้ เพื่อให้เค้าสุขภาพจิตและกายแข็งแรงหน่อยนึง
แต่แม่สามีไม่ทำอะไรเลย คือนอนทั้งวัน นอนจริงๆ นอนในห้อง เราให้ออกมาข้างนอกบ้าง
ก็ออกมา แล้วก็มานอนที่โซฟาต่ออีก คือกลุ้มใจมาก นอนทั้งวัน สำหรับคนแก่อ่ะค่ะ
การนอนทั้งวัน ไม่ได้คิดไม่ได้ทำกิจกรรมเลย เราว่ามันจะทำให้อาการแย่ลง
แล้วก็ประหยัดไฟมากกกกกกกกกกกกก คือสายตาแกก็ไม่ค่อยจะดี เราบอกกลางวันให้เปิดไฟ เค้าก็ไม่ยอมเปิด นั่งเย็บผ้าแบบมืดๆ
เราพยายามหาวิธีแก้ แต่เค้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆเลยค่ะ
จริงๆแล้วบ้านเราปลอดภัยนะคะ ทั้งซอย มี บ้าน 4 หลัง แล้วก็เป็นซอยตัน
หลังแรก เราไม่ได้รู้จักสนิท หลังที่2 เป็นป้าเราค่ะ หลังที่3 คือบ้านแม่เรา แล้วก็หลังที่ 4 คือบ้านเรา
อยากให้แม่ออกมาเดินข้างหน้าบ้านบ้าง แต่แม่ไม่ทำค่ะ เค้าบอกว่ากลัว ห้องแม่ก็คือปิดหน้าต่าง ปิดม่านทึบตลอดเวลา
ม่านที่มันเป็น 2 ผืนต่อกัน เค้าก็เอาเข็มกลัดมาติดอีก คือถ้าบอกให้ไม่ทำหน้าต่างเลย เค้าอาจจะทำไปแล้ว
คือจะไม่ให้มองเห็นข้างนอกเลยเด็ดขาด เค้าบอกกลัวผี
แล้วล่าสุดคือแม่น้ำตาลต่ำมาก หน้าซีดเซียว เกือบจะนอคอยู่แล้ว ก็ยังไม่ยอมให้พาไปหาหมอ
เนื่องจากเค้าไม่ยอมกินข้าว กินแต่ขนมเล็กๆน้อยๆ สามีวิเคราะห์ว่าเค้าขี้เกียจทำกับข้าว
เราก็เลยบอกให้แม่สามีทำกับข้าวทุกวัน แล้วเรากับสามีก็จะซื้อพวกหมูไก่อะไรมาไว้ให้
ให้แม่ทำกับข้าวทุกเช้า เพื่อให้เค้าได้ทำกับข้าวกินด้วย กินให้ครบใน 3 มื้อ
แต่เค้าก็ตอบมาว่า ทำไม่ได้หรอก ไม่ทำ ไม่อยากทำ
ก็อ่ะเอาใหม่ พาไปตลาดนัด ก็ไม่ไปอีก พาไปโลตัส ก็ไม่ไปอีก อยากแต่จะนอนอยู่บ้าน
คือเหนื่อยมาก ไม่รู้จะสรรหาวิธีใดแล้วที่จะช่วยทำให้อาการสมองเสื่อมเสื่อมช้าที่สุด
เพราะเค้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆเลยจริงๆ เรากับสามีปวดหัวมาก
คือเรากัสามี กลางวันต้องไปทำงาน คือที่ทำงานก็ใกล้ๆบ้านนั่นแหละค่ะ ห่าง 5 นาที
ที่บ้านมีหมาแมว แต่นั่นแหละ แม่ก็ไม่เอาอีก ไม่อยากเล่นด้วย เราก็เลยแยกทำห้องหมาแมวต่างหากที่บ้าน กลางวันพวกหมาแมวก็อยู่ห้องตัวเอง
คือแม่สามีเป็นคนไม่มีสังคมค่ะ คือเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านมาตลอดชีวิต ละแวกบ้านคือไม่มีใครค่ะ แล้วก็ย้ายถิ่นฐานบ่อย
แต่งงานกับพ่อสามีตอนยังเด็กๆ แล้วก็เป็นแม่บ้านมาตลอด พอลูกๆโตก็แยกย้ายไป(สามีเราลูกหลง พี่ชายตอนนี้อายุ 40กว่าแล้ว)
อยู่กับแค่พ่อสามี พ่อสามีหาเลี้ยงตลอด แล้วก็บอกให้แม่ทำหรือไม่ทำอะไร คือแม่ไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่ทำตามที่พ่อบอก
จริงๆ คิดว่าแม่สามีน่าจะมีอาการสมองเสื่อมมานานแล้ว แต่พ่อไม่ได้สังเกตุเห็น เพราะพอแม่พูดอะไรแปลก
พ่อก็จะบอกให้เงียบ แม่ก็จะเงียบ
จริงๆแล้วตอนแรกที่วางแพลนไว้คือให้แม่อยู่บ้านพี่ชาย เพราะว่ามีญาติๆอยู่ใกล้ๆ ได้คุยกับญาติไปหาญาติ
แต่พี่ชายกับพี่สะใภ้เค้าไม่ทนแม่ แล้วก็ขัดสนเรื่องเงินด้วยทำนองนั้น แม่ก็เลยมาอยู๋กับเราและสามี
วันนี้ก็คือ อยากจะขอคำแนะนำ...ว่าจะทำยังไงดีคะ
ที่ให้แม่สามีไม่นอนทั้งวัน ให้ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้างอ่ะค่ะ
เราก็อยากจะยืดเวลา ให้แม่สามีอาการทรุดช้าที่สุด เป็นอัลไซเมอร์ช้าที่สุดอ่ะค่ะอย่างน้อย