ความเข้าใจเรื่อง "ธิดามารมายั่วยวนประโลมพระพุทธเจ้า" เป็นปริศนาธรรมเข้าใจจัดการกิเลส

ความเข้าใจเรื่อง "ธิดามารมายั่วยวนประโลมพระพุทธเจ้า" เป็นปริศนาธรรมเข้าใจจัดการกิเลส

    ธิดามารมาประโลมพระพุทธเจ้า จึงเป็นคำถามว่า เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่ทำไมถึงต้องมีธิดามารมาประโลม ทั้งๆ ที่ว่าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ให้กิเลสมามีศักยภาพในการครอบงำจิตใจของพระองค์ได้แล้ว ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?

    ขอถามว่า พระพุทธเจ้าไปหาธิดามารหรือว่าธิดามารมาหาพระพุทธเจ้า?

    ตอบว่า ธิดามารมาหาพระพุทธเจ้า

    ก็นั่นแหละ เราไม่สามารถจะไปห้ามธิดามารได้ เพราะเขามาหา แต่ถ้าเราไม่เอาก็จบ เราจะไปห้ามเขาไม่ให้มาไม่ได้เพราะว่าเขามาตามธรรม

    ทำไมนางตัณหา นางราคะ นางอรตีจึงเกิดในจิตใจของพระพุทธเจ้าได้ไช่ไหม?

    ธิดามารนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใจของพระพุทธเจ้า เพราะถ้าเกิดขึ้นในจิตใจของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านก็ต้องไปหา แต่นี่พระองค์ไม่ได้ไปหา แต่ธิดามารมาเอง ฉะนั้น ธิดามารนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใจของพระพุทธเจ้า เหมือนกับว่า เราไม่ได้เอาธิดามารเข้าไปในจิตใจ ถ้าพระพุทธเจ้าเอาธิดามารเข้าไปไว้ในจิตใจ พระพุทธเจ้าก็เสร็จธิดามารแล้วสิ

    เพียงแต่ว่า ธิดามารทั้ง ๓ มาอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าเท่านั้น เป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นแปลกตรงไหน

    ยกตัวอย่างเช่น เราเห็นรถยนต์เบนซ์ (Mercedes-benz) คันใหม่สวยหรู งดงาม อยู่ตรงหน้าเรา คำว่าสวยหรู งดงาม นั่นแหละเป็นกิเลส เราจะไปห้ามไม่ให้รถเบนซ์สวยหรูไม่ได้ แต่เราสามารถควบคุมจิตใจเราไม่ให้รถเบนซ์มามีอิทธิพลเหนือจิตเราได้

    ยกตัวอย่างเช่น เรานั่งอยู่ดีๆ จะไม่ให้มีแสงอาทิตย์ ไม่ให้มีสายลมอย่างนี้ได้ไหม?

    ก็ไม่ได้

    เพราะคนทั้งหลายทั่วไปเข้าใจผิดว่า คิดว่าพระพุทธเจ้าสามารถไปห้ามธรรมไม่ให้ไม่มีธรรมชาติได้ เป็นการเหนือธรรมห้ามไม่ให้ธรรมไม่มาได้ เป็นการเข้าใจผิด

    ที่ธิดามารมายั่วยวนพระพุทธเจ้านั้น เป็นเพราะว่า พระพุทธเจ้าประกาศต่อธรรม ว่าท่านละกิเลสได้แล้ว ธิดามารทั้ง ๓ ตัว นี้ก็มีความคิดว่าพระพุทธเจ้าคงไม่เป็นอย่างที่ว่ามั้ง? ก็เลยต้องมาลองดู ก็เหมือนกับที่ว่าเราเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา ก็ต้องมีลมพัดโบกสะบัด

    ธิดามารก็ตั้งใจจะมาลองของ สุดท้ายพระพุทธเจ้าก็ชนะมารได้

    บางคนผู้ชายเห็นสาวสวยๆ ขาขาวๆ เรือนร่างขาวอมชมพู ผิวเนียนใสไร้สิว ผมเพรียวหุ่นดีมีเชฟ มีส่วนโค้งส่วนเว้า ผิวกระชับเต่งตึง

    หรือผู้หญิงเห็นผู้ชาย หน้าตาหล่อเหลา นิ้วเรียวสวยแต่แอบแข็งแกร่ง ไหล่หลังกว้างๆ ก้นใหญ่มือเรียว ตาคม มีเคราเข้มๆ จมูกโด่ง ดูดีมีรสนิยม

    ผู้ชายหรือผู้หญิงเห็นแล้วจะเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา



    ส่วนคำว่า "มีอารมณ์ขึ้น" มีอยู่  ๓ จังหวะ

    จังหวะที่ ๑ เป็นโดยธรรมชาติ แล้วเราจะระงับได้ไหม? ถ้าระงับไม่ได้ก็จะต่อด้วยข้อที่ ๒ ยกตัวอย่างเช่น เอาไฟร้อนๆมาจิ้มมือเรา มือเราก็ต้องร้อน ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา เพียงแต่รับรู้ตามธรรมชาติของชีวิตมนุษย์

    จังหวะที่ ๒ อยากได้ อยากครอบครอง

    จังหวะที่ ๓ อยากจะหมายมั่น เขาไม่ยอมจะทำยังไงให้ได้

    แต่ที่ว่ามองเห็นปั้บว่า นี่เป็นผู้หญิง นี่เป็นผู้ชาย แต่นี่เป็นบัญญัติของธรรมชาติ เป็นเรื่องธรรมดา ปกติของธรรมชาติ อันนี้เขาเรียกว่าเป็นกิเลส แต่กิเลสทำงานไม่ได้ เป็นกิเลสแค่รู้ว่าอย่างนี้เป็นอย่างนี้ ถ้าเป็นจังหวะที่ ๒ ก็จะมาประกอบกรรมแล้ว พอเห็นแล้วถูกเกี่ยว แล้วก็จะเกิดอารมณ์ชอบแล้ว ก็จะประกอบด้วยอยากได้ อยากครอง อยากจะได้ พอจังหวะที่ ๓ พอไม่ได้ เราก็จะหาทางหามาให้ได้ ทำมาให้ได้

    นี่แหละ กิเลสเป็นตอนๆ

    อันนั้นเป็นกิเลสที่ว่าไม่ทำงาน เป็นกิเลสแค่รับรู้ แต่ถ้าเราเบรคไม่อยู่ จังหวะที่ ๒ ก็จะเริ่มทำงานแล้ว เพราะเป็นการรับรู้โดยธรรมชาติ พอเราเอาไฟมาจี้เราก็จะรู้สึกร้อน เราบอกไม่ร้อน ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ผิดธรรมชาติแล้ว นี่แหละ คนเข้าใจผิดเยอะ พยายามจะทำตัวให้เหนือธรรมชาติ เรายิ่งปิดกั้น แต่ถ้าเราไม่ทำเข้าใจในการบริหาร ก็ยิ่งเป็นหนัก เราเป็นโดยไม่รู้ตัว นี่แหละอันตราย

    พอเราเป็นแล้วไม่รู้ตัว ก็ไม่ได้ เราต้องไปบริหารว่าอยู่ตรงไหน แค่นี้พอดีนะ แค่นี้เรากำลังทำหน้าที่อะไร เป็นข้อๆ

    ถ้าเราไม่รู้แล้วบอกว่าสิ่งนั้นยังไม่ทำ แต่เราไปหลอกว่าเราทำแล้ว แต่จริงๆ แล้วเรายังไม่ได้ทำ นี่แหละ หนักกว่า

    รู้แล้วไม่ทำยังดีกว่า ไปหลอกว่าทำแล้ว

    ทำแล้ว แต่หลอกว่าไม่ได้ทำนี่แหละหนักที่สุด

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์



เครดิต จากเน็ต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่