รบกวนขอความช่วยเหลือจากผู้รู้คะ เราร้อนใจมากไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จะไปจ้างทนายก็ไม่กล้าสู้ค่าฟ้องร้องดำเนินการต่างๆ
เรื่องคือเราเป็นลูกจ้างของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งที่มาเปิด representative office ในไทยค่ะ ซึ่งในออฟฟิศ มีเพียงเราเป็นลูกจ้าง และหัวหน้าเป็นผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของASEANเป็นหญิงชาวต่างชาติค่ะ บริษัทมีสาขาในหลายประเทศ แต่ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่อะไรมากมายค่ะ มีพนักงานในสาขาใหญ่ที่สำนักงานแม่ประมาณร้อยคนได้ แต่ในออฟฟิศที่ไทยมีแค่2คน คือเรากับหัวหน้า ดำเนินธุรกิจในไทยและประเทศอื่นๆในASEANโดยการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย เราทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายการสื่อสารและการตลาด
ทีนี้ในระหว่างช่วงทดลองงาน 4 เดือนแรกก็ไม่อะไรมากค่ะ ทำงานผ่านไปด้วยดี ไม่ได้มีการขัดแย้งกันแต่อย่างใด แต่ระหว่างนั้นตัวเราเองได้มีการถามนายจ้างว่ามีการประเมินไหม เพราะจากการทำงานในบริษัทก่อนหน้า จะมีการประเมินผลงานก่อนรับเข้าทำงานจริง ซึ่งหัวหน้าเราแจ้งว่าไม่มี แต่จะประเมินหลังจากทำงานครบ 6 เดือน ซึ่งหลังจากครบช่วง 120 วันแรกของการทำงานแล้ว หัวหน้าก็แจ้งปากเปล่าว่าผ่านงาน ซึ่งเราก็ยังถามอีกว่าคุณมีแบบฟอร์มการประเมินอะไรไหม นายจ้างก็ยังแจ้งว่าไว้หลังจากครบ 6 เดือนก่อน เราจึงขอหนังสือแจ้งผ่านการทดลองงาน ซึ่งทีแรกนายจ้างไม่ทำให้เพราะไม่เคยทำ ขอปรึกษาบริษัทกฏหมายก่อน แต่เราแจ้งว่า เราต้องการ โดยอ้างว่าเราจะทำเรื่องผ่อนคอนโด หลังจากนั้นนายจ้างจึงออกให้
พอผ่านช่วงโปรไม่นาน หัวหน้าเอาแบบฟอร์มประเมินมาให้เรา แต่แจ้งแค่ว่าอยากให้ดูว่าเห็นด้วยกับเนื้อความไหม ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงไปในบางส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทีแรกหัวหน้าก็ไม่แก้ให้ นอกจากนั้น ฟอร์มนั้น มันมีช่วงว่างตารางอีกเยอะแยะที่ยังไม่มีเนื้อความ และหัวหน้าพยายามให้เราเซ็นไปก่อนโดยบอกว่า แค่เซ็นรับรู้เนื้อหาของฟอร์ม แต่เราอ่านตรงลายเซ็นแล้วก็คือการรับรองเอกสารฉบับนี้นั่นเอง เราจึงไม่ยอมเซ็น แต่หัวหน้ายังพยายามให้เราเซ็น โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อย แต่ก็ยังมีส่วนที่ว่างเป็นตารางเปล่าๆที่สามารถเติมข้อความได้อีกเหมือนเดิม แล้วบอกให้เซ็นก่อน แล้วหลัง 6 เดือนก็คือจะประเมินโดยใช้ฟอร์มนี้อีกที เราก็ไม่ยอมเซ็น มีการเถียงการหลายครั้ง หัวหน้าพยายามจะต่อว่าเราว่าเป็นคนที่ยึดกะตัวเอกสารเกินไป แต่ยังไงเราก็ยังไม่ยอมเซ็น
ลืมบอกไปว่า ตลอดเวลาตั้งแต่ทำงาน นายจ้างมักอ้างเสมอว่าตนเองเป็นคนต่างชาติ ไม่รู้เรื่องกฏหมายและไม่สามารถเข้าใจภาษาไทย ทุกเรื่องเลยปรึกษาบริษัทกฏหมายในไทย (ซึ่งเป็นบริษัทกฏหมายจากต่างชาติที่เป็นสัญชาติเดียวกับหัวหน้าเรา) รวมถึงสัญญาจ้างงานที่เซ็นกันก่อนเริ่มงานด้วย และบริษัทกฏหมายนี้ยังคงเป็นคนทำบัญชีให้ออฟฟิศเราด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีสัญญาณใดๆที่จะเห็นว่าหัวหน้าจะไล่เราออก อาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่โต ไม่มีการเกรี้ยวกราดด่าทอใดๆ และระหว่างการทำงานที่ผ่านมา เรายังมีทำกับข้าว ซื้อขนมต่างๆไปฝากนายจ้างบ่อยครั้ง
ทีนี้ เดือนนี้กำลังจะเป็นเดือนที่เราทำงานครบ 6 เดือน จู่ๆ วันที่ 18 เดือนนี้ หัวหน้าเราก็บอกว่าไม่อยากให้เราทำงานที่นี่แล้ว เนื่องจากไม่พอใจในผลงานของเรา ซึ่งเราก็ตกใจ หลังตั้งสติได้ก็พยายามถามว่ามันเป็นเหตุรุนแรงให้ถึงขนาดไล่ออกเลยหรือ เราไม่เคยทำให้บริษัทเสียทรัพย์หรือเสียชื่อเสียงมาก่อน อาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ในทุกครั้งที่มอบหมายงานเราก็ส่งงานทุกครั้ง มีเพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่เราส่งล่าช้าไป แต่บริษัทก็ไม่ได้เสียหายไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือชื่อเสียง เพราะสิ่งที่เราส่งล่าช้าเป็นเพียงเอกสารทั่วไปที่ไม่ได้มีความสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม หัวหน้าก็ยืนยันจะให้เราออกอยู่ดี แต่จะจ่ายเงินชดเชยให้ตามนี้ เงินเดือนของเดือนนี้ ซึ่งเงินเดือนเราจะออกทุกวันที่ 25 และให้เงินเดือนเดือนพย. และธ.ค. แต่เราไม่ต้องมาทำงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันกระทันหันมาก เราพยายามต่อรองบอกเค้าว่าขอเวลาในการหางานถึงเดือนธ.ค.แล้วเราจะเขียนเป็นใบลาออกให้เอง แต่หัวหน้าไม่ยอมท่าเดียวบอกว่า เค้าไม่แฮปปี้ที่จะทำงานกับเรา เราทำงานไม่น่าพอใจ เราก็บอกเค้าว่าคุณมีอะไรพิสูจน์ได้ไหม เพราะตลอดมาฉันทำงานให้คุณได้ตลอด ไม่เคยทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์เลย หัวหน้าแจ้งว่า เค้ารู้ว่าเราไม่ได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง แต่เค้าว่าเราทำงานเข้ากันไม่ได้ แล้วเอาหนังสือลาออกมาให้เรา บอกให้เซ็นแล้วก็รับเงินชดเชยดังกล่าวไปซะ เพราะเค้าปรึกษาบริษัทกฏหมายแล้ว เค้าทำถูกต้องทุกประการ ถ้าไม่งั้นก็เขียนใบลาออกวันนี้แล้วเค้าจะให้เงินเดือนพย.เดือนเดียว
จริงๆเราก็ไม่ได้จะยื้ออะไร เพราะถ้าเค้าทำขนาดนี้แล้วทำงานกันต่อไปก็คงไม่พ้นหาเรื่องมาแกล้งให้เราออกได้อีก แต่ปัญหาคือ เนื้อความในหนังสือไล่ออกแจกแจงเหตุผลซึ่งมันร้ายแรง และเราไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงขนาดนั้น เช่น เรามีการทำผิดพลาดซ้ำซาก เราทำตัวให้เป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ และอื่นๆอีกหลายข้อ เรากังวลจะส่งผลต่อประวัติการทำงาน หากบริษัทที่เราสมัครงานใหม่เช็คเจอประวัติการทำงานโดนไล่ออกด้วยเหตุผลแบบนี้ เราคงไม่สามารถหางานดีๆที่ไหนได้อีก ถ้าเราเซ็นก็เท่ากับเป็นการยอมรับ แม้เรายืนยันจะไม่เซ็น แต่หัวหน้าก็บอกว่าเค้าจะส่งไปทางไปรษณีย์ ซึ่งก็เท่ากับเอกสารนี้เป็นผลเหมือนกัน
เรากังวลใจมากเลยค่ะ แล้วตามหนังสือไล่ออกนี้ จะมีผลวันที่ 24 เดือนนี้แล้ว / หลังจากวันที่ 18 ที่เค้าแจ้งเราเรื่องไล่ออกพร้อมยื่นหนังสือแต่เราไม่เซ็น / วันที่ 19 เราก็เข้าออฟฟิศปกติหวังว่าจะได้คุยเจรจาต่อรอง แต่หัวหน้าดันไม่มา ซึ่งปกติเค้าจะลงในcalendarเค้าทุกวันถ้าวันไหนจะหยุด / 20-21 ก็เป็นวันหยุดเสาอาทิต / วันที่ 22 พรุ่งนี้เค้ามีลง calendar ไว้ว่าจะหยุดแต่ไม่ได้แจ้งเหตุผล / และวันที่ 23 เดือนนี้เป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นเราอาจจะได้พบเค้าอีกทีวันที่ 24 นี้ ซึ่งเค้าได้ประกาศไว้ว่าจะเอาเช็คเงินชดเชยดังกล่าวมาให้เราไม่ว่าเราจะรับหรือไม่
ดูเหมือนเค้าวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว เราจะทำอย่างไรดีคะ เราไม่อยากให้เป็นการไล่ออกแบบนี้เลย กลัวว่าจะเสียประวัติการทำงานค่ะ เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหัวหน้าต้องทำกับเราขนาดนี้ทั้งที่ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน แต่เค้าบอกเราว่าเค้าแค่ทำให้มันถูกต้องตามกระบวนการ ขอความเห็นใจผู้รู้ช่วยเสนอแนะด้วยค่ะ ว่าเราจะสามารถทำอย่างไรให้หนังสือไล่ออกนี้ไม่เป็นผล ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยค่ะ กลัวอนาคตในการทำงานจะพังเพราะสาเหตุนี้
นายจ้างบอกเลิกจ้างกระทันหัน ยิ่งกว่านั้นออกเป็นหนังสือไล่ออกโดยให้เหตุผลเป็นการใส่ร้าย กลัวจะหางานใหม่ไม่ได้ ทำอย่างไรดี
เรื่องคือเราเป็นลูกจ้างของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งที่มาเปิด representative office ในไทยค่ะ ซึ่งในออฟฟิศ มีเพียงเราเป็นลูกจ้าง และหัวหน้าเป็นผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของASEANเป็นหญิงชาวต่างชาติค่ะ บริษัทมีสาขาในหลายประเทศ แต่ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่อะไรมากมายค่ะ มีพนักงานในสาขาใหญ่ที่สำนักงานแม่ประมาณร้อยคนได้ แต่ในออฟฟิศที่ไทยมีแค่2คน คือเรากับหัวหน้า ดำเนินธุรกิจในไทยและประเทศอื่นๆในASEANโดยการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย เราทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายการสื่อสารและการตลาด
ทีนี้ในระหว่างช่วงทดลองงาน 4 เดือนแรกก็ไม่อะไรมากค่ะ ทำงานผ่านไปด้วยดี ไม่ได้มีการขัดแย้งกันแต่อย่างใด แต่ระหว่างนั้นตัวเราเองได้มีการถามนายจ้างว่ามีการประเมินไหม เพราะจากการทำงานในบริษัทก่อนหน้า จะมีการประเมินผลงานก่อนรับเข้าทำงานจริง ซึ่งหัวหน้าเราแจ้งว่าไม่มี แต่จะประเมินหลังจากทำงานครบ 6 เดือน ซึ่งหลังจากครบช่วง 120 วันแรกของการทำงานแล้ว หัวหน้าก็แจ้งปากเปล่าว่าผ่านงาน ซึ่งเราก็ยังถามอีกว่าคุณมีแบบฟอร์มการประเมินอะไรไหม นายจ้างก็ยังแจ้งว่าไว้หลังจากครบ 6 เดือนก่อน เราจึงขอหนังสือแจ้งผ่านการทดลองงาน ซึ่งทีแรกนายจ้างไม่ทำให้เพราะไม่เคยทำ ขอปรึกษาบริษัทกฏหมายก่อน แต่เราแจ้งว่า เราต้องการ โดยอ้างว่าเราจะทำเรื่องผ่อนคอนโด หลังจากนั้นนายจ้างจึงออกให้
พอผ่านช่วงโปรไม่นาน หัวหน้าเอาแบบฟอร์มประเมินมาให้เรา แต่แจ้งแค่ว่าอยากให้ดูว่าเห็นด้วยกับเนื้อความไหม ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงไปในบางส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทีแรกหัวหน้าก็ไม่แก้ให้ นอกจากนั้น ฟอร์มนั้น มันมีช่วงว่างตารางอีกเยอะแยะที่ยังไม่มีเนื้อความ และหัวหน้าพยายามให้เราเซ็นไปก่อนโดยบอกว่า แค่เซ็นรับรู้เนื้อหาของฟอร์ม แต่เราอ่านตรงลายเซ็นแล้วก็คือการรับรองเอกสารฉบับนี้นั่นเอง เราจึงไม่ยอมเซ็น แต่หัวหน้ายังพยายามให้เราเซ็น โดยปรับเปลี่ยนเนื้อหานิดหน่อย แต่ก็ยังมีส่วนที่ว่างเป็นตารางเปล่าๆที่สามารถเติมข้อความได้อีกเหมือนเดิม แล้วบอกให้เซ็นก่อน แล้วหลัง 6 เดือนก็คือจะประเมินโดยใช้ฟอร์มนี้อีกที เราก็ไม่ยอมเซ็น มีการเถียงการหลายครั้ง หัวหน้าพยายามจะต่อว่าเราว่าเป็นคนที่ยึดกะตัวเอกสารเกินไป แต่ยังไงเราก็ยังไม่ยอมเซ็น
ลืมบอกไปว่า ตลอดเวลาตั้งแต่ทำงาน นายจ้างมักอ้างเสมอว่าตนเองเป็นคนต่างชาติ ไม่รู้เรื่องกฏหมายและไม่สามารถเข้าใจภาษาไทย ทุกเรื่องเลยปรึกษาบริษัทกฏหมายในไทย (ซึ่งเป็นบริษัทกฏหมายจากต่างชาติที่เป็นสัญชาติเดียวกับหัวหน้าเรา) รวมถึงสัญญาจ้างงานที่เซ็นกันก่อนเริ่มงานด้วย และบริษัทกฏหมายนี้ยังคงเป็นคนทำบัญชีให้ออฟฟิศเราด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีสัญญาณใดๆที่จะเห็นว่าหัวหน้าจะไล่เราออก อาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่โต ไม่มีการเกรี้ยวกราดด่าทอใดๆ และระหว่างการทำงานที่ผ่านมา เรายังมีทำกับข้าว ซื้อขนมต่างๆไปฝากนายจ้างบ่อยครั้ง
ทีนี้ เดือนนี้กำลังจะเป็นเดือนที่เราทำงานครบ 6 เดือน จู่ๆ วันที่ 18 เดือนนี้ หัวหน้าเราก็บอกว่าไม่อยากให้เราทำงานที่นี่แล้ว เนื่องจากไม่พอใจในผลงานของเรา ซึ่งเราก็ตกใจ หลังตั้งสติได้ก็พยายามถามว่ามันเป็นเหตุรุนแรงให้ถึงขนาดไล่ออกเลยหรือ เราไม่เคยทำให้บริษัทเสียทรัพย์หรือเสียชื่อเสียงมาก่อน อาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ในทุกครั้งที่มอบหมายงานเราก็ส่งงานทุกครั้ง มีเพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่เราส่งล่าช้าไป แต่บริษัทก็ไม่ได้เสียหายไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือชื่อเสียง เพราะสิ่งที่เราส่งล่าช้าเป็นเพียงเอกสารทั่วไปที่ไม่ได้มีความสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม หัวหน้าก็ยืนยันจะให้เราออกอยู่ดี แต่จะจ่ายเงินชดเชยให้ตามนี้ เงินเดือนของเดือนนี้ ซึ่งเงินเดือนเราจะออกทุกวันที่ 25 และให้เงินเดือนเดือนพย. และธ.ค. แต่เราไม่ต้องมาทำงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันกระทันหันมาก เราพยายามต่อรองบอกเค้าว่าขอเวลาในการหางานถึงเดือนธ.ค.แล้วเราจะเขียนเป็นใบลาออกให้เอง แต่หัวหน้าไม่ยอมท่าเดียวบอกว่า เค้าไม่แฮปปี้ที่จะทำงานกับเรา เราทำงานไม่น่าพอใจ เราก็บอกเค้าว่าคุณมีอะไรพิสูจน์ได้ไหม เพราะตลอดมาฉันทำงานให้คุณได้ตลอด ไม่เคยทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์เลย หัวหน้าแจ้งว่า เค้ารู้ว่าเราไม่ได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง แต่เค้าว่าเราทำงานเข้ากันไม่ได้ แล้วเอาหนังสือลาออกมาให้เรา บอกให้เซ็นแล้วก็รับเงินชดเชยดังกล่าวไปซะ เพราะเค้าปรึกษาบริษัทกฏหมายแล้ว เค้าทำถูกต้องทุกประการ ถ้าไม่งั้นก็เขียนใบลาออกวันนี้แล้วเค้าจะให้เงินเดือนพย.เดือนเดียว
จริงๆเราก็ไม่ได้จะยื้ออะไร เพราะถ้าเค้าทำขนาดนี้แล้วทำงานกันต่อไปก็คงไม่พ้นหาเรื่องมาแกล้งให้เราออกได้อีก แต่ปัญหาคือ เนื้อความในหนังสือไล่ออกแจกแจงเหตุผลซึ่งมันร้ายแรง และเราไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงขนาดนั้น เช่น เรามีการทำผิดพลาดซ้ำซาก เราทำตัวให้เป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ และอื่นๆอีกหลายข้อ เรากังวลจะส่งผลต่อประวัติการทำงาน หากบริษัทที่เราสมัครงานใหม่เช็คเจอประวัติการทำงานโดนไล่ออกด้วยเหตุผลแบบนี้ เราคงไม่สามารถหางานดีๆที่ไหนได้อีก ถ้าเราเซ็นก็เท่ากับเป็นการยอมรับ แม้เรายืนยันจะไม่เซ็น แต่หัวหน้าก็บอกว่าเค้าจะส่งไปทางไปรษณีย์ ซึ่งก็เท่ากับเอกสารนี้เป็นผลเหมือนกัน
เรากังวลใจมากเลยค่ะ แล้วตามหนังสือไล่ออกนี้ จะมีผลวันที่ 24 เดือนนี้แล้ว / หลังจากวันที่ 18 ที่เค้าแจ้งเราเรื่องไล่ออกพร้อมยื่นหนังสือแต่เราไม่เซ็น / วันที่ 19 เราก็เข้าออฟฟิศปกติหวังว่าจะได้คุยเจรจาต่อรอง แต่หัวหน้าดันไม่มา ซึ่งปกติเค้าจะลงในcalendarเค้าทุกวันถ้าวันไหนจะหยุด / 20-21 ก็เป็นวันหยุดเสาอาทิต / วันที่ 22 พรุ่งนี้เค้ามีลง calendar ไว้ว่าจะหยุดแต่ไม่ได้แจ้งเหตุผล / และวันที่ 23 เดือนนี้เป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นเราอาจจะได้พบเค้าอีกทีวันที่ 24 นี้ ซึ่งเค้าได้ประกาศไว้ว่าจะเอาเช็คเงินชดเชยดังกล่าวมาให้เราไม่ว่าเราจะรับหรือไม่
ดูเหมือนเค้าวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว เราจะทำอย่างไรดีคะ เราไม่อยากให้เป็นการไล่ออกแบบนี้เลย กลัวว่าจะเสียประวัติการทำงานค่ะ เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหัวหน้าต้องทำกับเราขนาดนี้ทั้งที่ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน แต่เค้าบอกเราว่าเค้าแค่ทำให้มันถูกต้องตามกระบวนการ ขอความเห็นใจผู้รู้ช่วยเสนอแนะด้วยค่ะ ว่าเราจะสามารถทำอย่างไรให้หนังสือไล่ออกนี้ไม่เป็นผล ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยค่ะ กลัวอนาคตในการทำงานจะพังเพราะสาเหตุนี้