First Man (2018)
กำกับโดย: Damien Chazelle
เขียนบทโดย: Josh Singer
นักแสดงนำ: Ryan Gosling, Claire Foy, Jason Clarke
ประเภทหนัง: Biography, Drama, History
หลังจากกำกับหนังเกี่ยวกับดนตรีไปแล้วสองเรื่อง ปีนี้ผู้กำกับอย่าง Damien Chazelle ได้กลับมากำกับหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง เป็นประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติต้องจากรึก นั่นก็คือเรื่องราวของ นีล อาร์มสตรอง ชายผู้เป็นก้าวแรกของมนุษยชาติที่ได้เหยียบบนดวงจันทร์ โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชาเซลไม่ได้เขียนบทเอง แต่จะทำหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ โดยจะได้ Josh Singer ผู้เขียนบทหนังระดับออสการ์อย่าง Spotlight มารับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้
ในภารกิจเสี่ยงตายเพื่อที่จะไปเหยียบดวงจันทร์ของมนุษย์ นีล (Ryan Gosling) ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม นำทีมขึ้นยานเพื่อที่จะทำภารกิจที่แสนอันตรายเพื่อที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่อเมริกา ในขณะเดียวกันทางด้านลูกๆและภรรยาของนีลก็ต้องคอยลุ้นว่าพ่อหรือสามีจะรอดปลอดภัยหรือเปล่า นี่ไม่ใช่เพียงภารกิจเพื่ออเมริกา แต่เป็นภาระของคนเป็นพ่อที่จะต้องกลับมาหาครอบครัวให้ได้
ตัวหนังของ First Man จะเน้นเล่าไปที่ดราม่าของตัวละคร มากกว่าจะไปเจาะลึกถึงรายละเอียดของภารกิจในการเหยียบดวงจันทร์ ซึ่งผมชอบบทของหนังที่มีความเป็นมนุษย์สูงมากๆ หนังไม่มีความเล่นใหญ่เลย แต่จะเล่าไปที่บรรยากาศของนักบินในยาน ให้เห็นถึงความอึดอัดและความยากลำบาก และจะไม่ให้เห็นในเชิงประวัติศาสตร์ แต่จะเป็นเรื่องราวชีวิตของเหล่านักบินที่ต้องรับหน้าที่เสี่ยงตาย โดยมีครอบครัวต้องคอยทำใจว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้กลับบ้าน หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่เดินเรื่องด้วยไดอาล็อกค่อนข้างเยอะ แต่เป็นไดอาล็อกที่มีความเป็นคน ที่ออกมาจากเรื่องราวทางครอบครัวและในส่วนของหน้าที่นักบินซึ่งเรื่องนี้จะมีมุมกล้อง POV และ Close Up ที่เยอะอยู่พอสมควร คือมันจะเป็นมุมมองของสายตาตัวละคร และการโคลสอัพหน้าตัวละคร เพื่อให้เห็นความอึดอัดและความกดดันภายในยาน ผมชอบมากมันเป็นการใช้มุมกล้องทั่งสองมุมสื่อความหมายได้ดี หนังค่อนข้างเดินเรื่องไปเรื่อยๆเนือยๆ ไม่มีจุดพีค และจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องที่เป็นตอนเหยียบดวงจันทร์นั้น ผมชอบมาก คือมันจะเงียบแต่หนังใช้อารมณ์และมุมกล้องสื่อออกมาได้สุดยอดมากๆ
หนังเรื่องนี่ค่อนข้างจะท้าทายการแสดงและค่อนข้างจะเหมาะกับตัว Ryan Gosling มากๆ ผมมองว่าบทเขาจะดูนิ่งๆและคูลๆ แต่เรื่องนี้จะนิ่งๆแต่มีความจริงจังกับทุกเรื่อง บวกกับเรื่องราวที่ต้องถาโถมมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง มันยิ่งส่งผลให้ตัวละครนีลในเรื่อง เป็นตัวละครที่ต้องรับกับความรู้สึกที่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นไม่ได้ คือเรื่องนี่เราจะเห็นกอสลิ่งพูดน้อยแต่แสดงอารมณ์บ่อยมาก เป็นการแสดงผ่านสีหน้าและแววตาที่ผมว่าอาจจะดีกว่าเรื่อง Drive เลยก็ว่าได้ ซึ่งผมมองว่ามันอาจจะต่างกันนิดหน่อย แต่ผมชอบพอๆกันเลย ส่วน Claire Foy ที่รับบทเป็น เจเน็ต อาร์มสตรอง หรือภรรยาของนีล ผมว่าเธอเล่นได้ดีมาก เธอเป็นตัวละครที่ออกมาไม่มาก แต่ความรู้สึก การแสดง น้ำเสียง ทุกอย่างมันออกมายอดเยี่ยม คือผมว่าเธอได้รับบทที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าตัวละครนี้เล่นไม่ดี คนดูจะไม่สามารถเข้าถึงความดราม่าของครอบครัวนี้ได้เลย และที่ผมว่าตัวละครในเรื่องนี้ทำออกมาได้ดี ก็เพราะว่าหนังได้ให้ความสำคัญกับการปูความสัมพันธ์มากๆ มันเป็นการใช้เวลาที่ไม่สูญปล่าวจริงๆ มันสร้างความอิมแพคให้กับเรามากๆ ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะไม่ได้โชว์วิชวลเจ๋งๆหรือซีจีอะไรมากตอนเหยียบดวงจันทร์ แต่เสียงนี่ผมยกให้มันเป็นที่สุดของเรื่องเลย หนังมีการสร้างเสียงตอนยานขึ้นได้สมจริงมากๆ และตอนลงจอดไม่ว่าจะบนโลกหรือดวงจันทร์ เสียงที่ออกมามันดูสมจริงมากๆ
มันอาจไม่ใช่หนังที่ดีเทียบเท่ากับ La La Land หรือ Whiplash (ในความคิดผม) แต่สำหรับหนังเรื่อง First Man เรื่องนี้ ได้สร้างความสมจริงผ่านบริบทตัวละครที่ออกมาได้เข้าถึงอารมณ์มากๆ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่นีลทำได้ แต่มันจะให้เราเห็นถึงสิ่งที่นีลได้ทำให้กับครอบครัวมากกว่าโดยในตอนจบเราจะพบว่าหนังไม่มีไดอาล็อกอะไรเลย เพียงแต่ให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดูแล้วอบอุ่นมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นคือฉากบนดวงจันทร์ ที่นีลได้ทำสำเร็จ หนังได้แสดงให้เราเห็นภาพของครอบครัวและคนรักของเขา ที่มันเป็นภาพที่ไม่ต้องมีไดอาล็อกเช่นกัน แต่มันทำให้เรามองย้อนไปว่าเรากำลังทำเพื่ออเมริกา แต่ใจจริงแล้วเรากำลังทำเพื่อใครบางคนที่เขาอาจจะไม่ได้เห็นมันก็ได้
ซึ่งผมจะให้หนังเรื่องนี้อยู่ที่ 8.5/10
เขียนโดย Movie Nowhere
ฝากเพจด้วยครับ
https://www.facebook.com/MovieNowhere/
[CR] รีวิว First Man
First Man (2018)
กำกับโดย: Damien Chazelle
เขียนบทโดย: Josh Singer
นักแสดงนำ: Ryan Gosling, Claire Foy, Jason Clarke
ประเภทหนัง: Biography, Drama, History
หลังจากกำกับหนังเกี่ยวกับดนตรีไปแล้วสองเรื่อง ปีนี้ผู้กำกับอย่าง Damien Chazelle ได้กลับมากำกับหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง เป็นประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติต้องจากรึก นั่นก็คือเรื่องราวของ นีล อาร์มสตรอง ชายผู้เป็นก้าวแรกของมนุษยชาติที่ได้เหยียบบนดวงจันทร์ โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชาเซลไม่ได้เขียนบทเอง แต่จะทำหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ โดยจะได้ Josh Singer ผู้เขียนบทหนังระดับออสการ์อย่าง Spotlight มารับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้
ในภารกิจเสี่ยงตายเพื่อที่จะไปเหยียบดวงจันทร์ของมนุษย์ นีล (Ryan Gosling) ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม นำทีมขึ้นยานเพื่อที่จะทำภารกิจที่แสนอันตรายเพื่อที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่อเมริกา ในขณะเดียวกันทางด้านลูกๆและภรรยาของนีลก็ต้องคอยลุ้นว่าพ่อหรือสามีจะรอดปลอดภัยหรือเปล่า นี่ไม่ใช่เพียงภารกิจเพื่ออเมริกา แต่เป็นภาระของคนเป็นพ่อที่จะต้องกลับมาหาครอบครัวให้ได้
ตัวหนังของ First Man จะเน้นเล่าไปที่ดราม่าของตัวละคร มากกว่าจะไปเจาะลึกถึงรายละเอียดของภารกิจในการเหยียบดวงจันทร์ ซึ่งผมชอบบทของหนังที่มีความเป็นมนุษย์สูงมากๆ หนังไม่มีความเล่นใหญ่เลย แต่จะเล่าไปที่บรรยากาศของนักบินในยาน ให้เห็นถึงความอึดอัดและความยากลำบาก และจะไม่ให้เห็นในเชิงประวัติศาสตร์ แต่จะเป็นเรื่องราวชีวิตของเหล่านักบินที่ต้องรับหน้าที่เสี่ยงตาย โดยมีครอบครัวต้องคอยทำใจว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้กลับบ้าน หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่เดินเรื่องด้วยไดอาล็อกค่อนข้างเยอะ แต่เป็นไดอาล็อกที่มีความเป็นคน ที่ออกมาจากเรื่องราวทางครอบครัวและในส่วนของหน้าที่นักบินซึ่งเรื่องนี้จะมีมุมกล้อง POV และ Close Up ที่เยอะอยู่พอสมควร คือมันจะเป็นมุมมองของสายตาตัวละคร และการโคลสอัพหน้าตัวละคร เพื่อให้เห็นความอึดอัดและความกดดันภายในยาน ผมชอบมากมันเป็นการใช้มุมกล้องทั่งสองมุมสื่อความหมายได้ดี หนังค่อนข้างเดินเรื่องไปเรื่อยๆเนือยๆ ไม่มีจุดพีค และจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องที่เป็นตอนเหยียบดวงจันทร์นั้น ผมชอบมาก คือมันจะเงียบแต่หนังใช้อารมณ์และมุมกล้องสื่อออกมาได้สุดยอดมากๆ
หนังเรื่องนี่ค่อนข้างจะท้าทายการแสดงและค่อนข้างจะเหมาะกับตัว Ryan Gosling มากๆ ผมมองว่าบทเขาจะดูนิ่งๆและคูลๆ แต่เรื่องนี้จะนิ่งๆแต่มีความจริงจังกับทุกเรื่อง บวกกับเรื่องราวที่ต้องถาโถมมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง มันยิ่งส่งผลให้ตัวละครนีลในเรื่อง เป็นตัวละครที่ต้องรับกับความรู้สึกที่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นไม่ได้ คือเรื่องนี่เราจะเห็นกอสลิ่งพูดน้อยแต่แสดงอารมณ์บ่อยมาก เป็นการแสดงผ่านสีหน้าและแววตาที่ผมว่าอาจจะดีกว่าเรื่อง Drive เลยก็ว่าได้ ซึ่งผมมองว่ามันอาจจะต่างกันนิดหน่อย แต่ผมชอบพอๆกันเลย ส่วน Claire Foy ที่รับบทเป็น เจเน็ต อาร์มสตรอง หรือภรรยาของนีล ผมว่าเธอเล่นได้ดีมาก เธอเป็นตัวละครที่ออกมาไม่มาก แต่ความรู้สึก การแสดง น้ำเสียง ทุกอย่างมันออกมายอดเยี่ยม คือผมว่าเธอได้รับบทที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าตัวละครนี้เล่นไม่ดี คนดูจะไม่สามารถเข้าถึงความดราม่าของครอบครัวนี้ได้เลย และที่ผมว่าตัวละครในเรื่องนี้ทำออกมาได้ดี ก็เพราะว่าหนังได้ให้ความสำคัญกับการปูความสัมพันธ์มากๆ มันเป็นการใช้เวลาที่ไม่สูญปล่าวจริงๆ มันสร้างความอิมแพคให้กับเรามากๆ ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะไม่ได้โชว์วิชวลเจ๋งๆหรือซีจีอะไรมากตอนเหยียบดวงจันทร์ แต่เสียงนี่ผมยกให้มันเป็นที่สุดของเรื่องเลย หนังมีการสร้างเสียงตอนยานขึ้นได้สมจริงมากๆ และตอนลงจอดไม่ว่าจะบนโลกหรือดวงจันทร์ เสียงที่ออกมามันดูสมจริงมากๆ
มันอาจไม่ใช่หนังที่ดีเทียบเท่ากับ La La Land หรือ Whiplash (ในความคิดผม) แต่สำหรับหนังเรื่อง First Man เรื่องนี้ ได้สร้างความสมจริงผ่านบริบทตัวละครที่ออกมาได้เข้าถึงอารมณ์มากๆ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่นีลทำได้ แต่มันจะให้เราเห็นถึงสิ่งที่นีลได้ทำให้กับครอบครัวมากกว่าโดยในตอนจบเราจะพบว่าหนังไม่มีไดอาล็อกอะไรเลย เพียงแต่ให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดูแล้วอบอุ่นมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นคือฉากบนดวงจันทร์ ที่นีลได้ทำสำเร็จ หนังได้แสดงให้เราเห็นภาพของครอบครัวและคนรักของเขา ที่มันเป็นภาพที่ไม่ต้องมีไดอาล็อกเช่นกัน แต่มันทำให้เรามองย้อนไปว่าเรากำลังทำเพื่ออเมริกา แต่ใจจริงแล้วเรากำลังทำเพื่อใครบางคนที่เขาอาจจะไม่ได้เห็นมันก็ได้
ซึ่งผมจะให้หนังเรื่องนี้อยู่ที่ 8.5/10
เขียนโดย Movie Nowhere
ฝากเพจด้วยครับ https://www.facebook.com/MovieNowhere/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้