สำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ผมและเพื่อนได้รับโอกาสจากเวปไซด์พันทิพและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ร่วมทริปท่องเที่ยวจังหวัดภาคกลางในกิจกรรมนุ่งโจงห่มสไบ ในจังหวัดลพบุรี-สิงห์บุรี-อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา
โดยใช้เวลาท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน และแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อแยกกันท่องเที่ยวตามโปรแกรมของแต่ละจังหวัด โดยในวันแรกของทุกคนจะเริ่มที่จังหวัดลพบุรี ก่อนที่จะพักค้างคืนเพื่อวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะแยกย้ายท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมของตนเองครับ
รายละเอียดของกิจกรรมครั้งนี้และเส้นทางทั้งหมดดูได้ที่ลิงค์นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/38145031
สำหรับผมขอรีวิวโดยอ้างอิงจากละครดังจนสร้างกระเเสให้คนไทยหันมาแต่งชุดไทยกันทั้งบ้านทั้งเมืองและพึ่งจะจบไปอย่างละครบุพเพสันนิวาสครับ
เริ่มต้นที่จังหวัดลพบุรีซึ่งในละครบุเพสันนิวาสมีกล่าวถึงว่าจังหวัดลพบุรีเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระนารายณ์ซึ่งพระองค์ทรงโปรดที่จะไปประทับที่จังหวัดลพบุรีมากกว่าจังหวัดอยุธยา
โดยคณะของเราเริ่มต้นจากศาลพระกาฬ ใครผ่านมาก็ต้องเข้ามากราบไหว้ เพราะถือว่าเป็นเทพารักษ์ประจำเมืองลพบุรี ตัวเทวสถานสร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนมีฐานที่สูงชันขึ้นมา ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลสูง ลักษณะตัวศาลจะออกแบบสไตล์ศิลปะเก่าแก่ของขอม ภายในมี เจ้าพ่อพระกาฬ ประทับอยู่ แต่เริ่มเดิมทีเจ้าพ่อพระกาฬจะมีสีดำทั้งองค์ แต่ไม่มีพระเศียร และไม่มีพระกร จากนั้นก็ได้มีชาวบ้านที่ศรัทธามาทำนุบำรุง และปิดทองจนมีสีทองอร่ามทั้งองค์ดังที่เห็นในรูป คนส่วนใหญ่คนที่เข้ามาขอพรก็จะขอเกี่ยวกับเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง ใครอยากเลื่อนตำแหน่งก็ลองมากันดูนะครับ
ท่านที่อยากมาขอพรเจ้าพ่อพระกาฬก็สามารถเดินทางมาสักการะได้ทุกวัน
เปิดตั้งแต่ 5.30 น. - 17.45 น. เลยครับ จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปนิดเดียวก็จะถึงที่ตั้งของพระปรางค์สามยอด ซึ่งในละครจะมีฉากที่พี่หมื่นขี่ม้าพาแม่การะเกดเที่ยวชมเมืองลพบุรีและชมความสวยงามของพระปรางค์สามยอด
โดยลักษณะของพระปรางค์จะคล้ายฝักข้าวโพด ทำจากศิลาแลงหินทรายตามสไตล์ขอมแบบบายน ภายในมีพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนต้นประดิษฐานอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นสภาพองค์ที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนองค์กลางเป็นพระพุทธรูปนาคปรก (ปราสาทประธาน) ,องค์ซ้าย รูปปารมิตา (ปราสาททิศเหนือ) และองค์ขวารูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (ปราสาททิศใต้)
สามารถแวะเข้ามาเที่ยวได้ทุกวัน เปิด 6.00 น. – 18.00 น .
แน่นอนเมื่อมาเที่ยวลพบุรีจะต้องเจอกับเจ้าถิ่นอย่างน้องลิงจ๋อที่มีมากมาย เดินไปเดินมาและเล่นกันอย่างสนุกสนานครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ ตลาดโบราณบ้านไทย 4 ภาค เพื่อฟังคำแนะนำดีๆ จากคุณ อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ co-founding ppantip.com มาให้คำแนะนำในการเขียนรีวิว พร้อมบอกเทคนิคเขียนให้ถูกใจ SEO อีกด้วย
และอีกหนึ่งท่านที่ทุกคนต่างรอคอย นั่นก็คือ คุณ กิจจา ลาโพธิ์ หัวหน้าฝ่ายเครื่องแต่งกายละครบุพเพสันนิวาส หรือ คุณสาลี่ (ชื่อในละคร)
จบคำแนะนำดีๆ ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยง ท้องเริ่มร้อง คณะของเราก็เดินทางกันต่อไปที่ ร้านอาหารฉัตรนารา ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 น. - 22.00 น. เลยจ้า
ในมื้ออร่อยนี้ เราได้ทานเมนู…
1.ชุดออเดิร์ฟ (ไก่จ๊อรมควัน ถุงทอง ปอเปี๊ยะกุ้ง)
2.เป็ดร่อนฉัตรนารา
3.ข้าวผัดปู (จานใหญ่)
4.ยำถั่วพู
5.ปลากะพงทอดน้ำปลา
6.ต้มยำทะเล
7.กุ้งหลน
8.ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
9.ไข่เจียวหมูสับ
10.ผลไม้รวม
หลังอิ่มท้องพวกเราก็เที่ยวตามรอยละครกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของวันนี้ครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณถนนสรศักดิ์
เปิดให้เข้าชม วันพุธ - วันอาทิตย์ (หยุด วันจันทร์ - อังคาร และวันหยุดชดเชย)
สำนักงาน เปิดตั้งแต่ 8.30 น. - 16.30 น.
ส่วนอาคารจัดแสดง เปิดเวลา 9.00 น. - 16.00 น.
ค่าเข้าชม ท่านละ 30 บาท (ชาวต่างชาติ 150 บาท)
แต่สำหรับ นักเรียน นักศึกษา พระภิษุ-สามเณร ในเครื่องแบบ รวมถึงผู้สูงอายุ (60ปีขึ้นไป) เข้าฟรี
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Tel. 0-3641-1458
ในการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้เราได้เจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์ มากล่าวต้อนรับ และแนะนำสถานที่ด้วยครับ
สิ่งก่อสร้าง ตัวโบราณสถานต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งเป็น 3 เขต คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำ ,สิบสองท้องพระคลัง ,ตึกเลี้ยงรับแขกเมือง ,ตึกพระเจ้าเหา ,โรงช้างข้าหลวง 10 โรง ถัดมาเป็น เขตพระราชฐานชั้นกลาง ซึ่งประกอบด้วย พระที่นั่งจันทรพิศาล ,พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท และลำดับสุดท้าย เขตพระราชฐานชั้นใน คือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์
ตรงนี้คือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2231 เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รอบด้านจะมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ตรงมุมมีสระน้ำ 4 สระ แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีระบบน้ำใช้แล้ว โดยลำเลียงน้ำผ่านท่อน้ำที่ทำขึ้นจากดินเหนียวฝังอยู่บริเวณใต้ดิน นับว่าทันสมัยมากๆเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์ทิ้งไว้ให้เราได้ชมอีกมากมาย เล่าวันเดียวก็คงไม่หมด ถ้าหากใครอยากเข้ามาสัมผัสก็สามารถมาได้เลย ในวันพุธถึงวันอาทิตย์นะ
สำหรับคำว่า “พระเจ้าเหา” ซึ่งเป็นชื่อมาจากตึกหรืออาคารโบราณสถานตั้งอยู่ในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่สำคัญที่ใครต่อใครต้องเดินทางไปดูให้เห็นกับตา เพื่อตามอย่างละครบุพเพสันนิวาส คราวที่แม่การะเกดเธอทำตาโตบอกคุณพี่หมื่น ว่าอยากเห็นตึกพระเจ้าเหา คนโบราณเมื่อตีความก็มีทางออกหลายทาง หนึ่ง-เหา มาจากคำว่า “House” ที่ฝรั่งอาจเรียกหอพระว่า God’s House อีกทางคือ หมายถึงชื่อพระพุทธรูปสำคัญที่ประดิษฐานบนฐานชุกชีที่อยู่ในตึก และเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงประชวรหนัก สมเด็จพระเพทราชาได้ใช้ตึกนี้เป็นที่ประชุมขุนนาง และประกาศยึดอำนาจ
มีฉากที่ปรากฎในหน้าประวัติศาสตร์มีภาพวาดอยู่จนถึงปัจจุบัน คือ ฉากราชทูตฝรั่งเศส เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ผู้แทนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 เข้า เฝ้าและถวายพระราชสาส์นแด่สมเด็จพระนารายร์มหาราช ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยาโดยในภาพมีออกญาวิชเยนทร์ (ฟอลคอน) หมอบและส่งสัญญาณมือให้ราชทูตฝรั่งเศสยื่นวถายสาส์น ในขณะที่บรรดาข้าหลวงไทยหมอบจนสุดตัว เนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัตินั้นไม่เหมือนกัน โดยสถานที่ซึ่งระบุไว้ว่า พระที่นั่งสรรเพชรญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยา นั้นปัจจุบันสถานที่จริงแทบไม่เหลือ มีเพียงซากปรักหักพัง แต่พระที่นั่งอีกที่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันและยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน คือ สีหบัญชร พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ลพบุรี ซึ่งพบว่ายังคงเกือบสมบูรณ์ เป็นลักษณะท้องพระโรง มีพระที่นั่ง โดยปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ โดยภาพดังกล่าวปรากฏอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ตั้งอยู่ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรีด้วย
หลังได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์กันเต็มที่แล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก สำหรับกลุ่มของผมได้เข้าพักที่โรงแรมโอทู เป็นโรงแรมที่พึ่งเปิดไม่นาน ยังดูใหม่มาก สวยงามน่าพักมากครับ
เข้าที่พัก O2
โรงแรมโอทู ลพบุรี ราคา 1,100 บาท/คืน
มีอ่างอาบน้ำทุกห้อง
ห้องกว้างงงงงงมาก
ประตูคีย์การ์ด
พื้นที่โรงแรมกว้างขวางมากกว่า 16 ไร่
อยู่ไกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
พร้อมอาหารเช้า
จองห้องพักติดต่อ : 064-967-7474
อยู่ตรงข้าม 7-11 โรงเรียนพระนารายณ์ สามารถค้นหาใน google ว่า "โรงแรมโอทู ลพบุรี" จะเจอแผนที่ครับ
แต่งชุดไทยทานอาหารเรือนไทย 4 ภาค
หลังจากเข้าที่พักกันแล้วก็มาถึงไฮไลท์สำคัญของวันตามสโลแกนของกิจกรรมครั้งนี้คือนุ่งโจงห่มสไบ เที่ยวไทยภาคกลาง
ทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ต้องแต่งกายด้วยชุดไทยเพื่อมาร่วมงานรับประทานอาหารเย็นที่หมู่บ้านเรือนไทย 4 ภาค โดยอาหารในงานจะเป็นอาหารไทย เช่น ผัดไทย ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเมนูหมูโสร่ง และยังมีเมนูอาหารอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกทานกันอย่างเต็มอิ่ม ภายในงานยังมีกิจกรรมเล่นเกมแจกของรางวัลจากทาง ททท และ เวปไซด์พันทิพ สุดท้ายคือการประกาศผลการแต่งกายชุดไทยถูกใจกรรมการครับ
หลังจบงานก็แยกย้ายกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวท่องเที่ยวแยกย้ายตามเส้นทางของตนเองครับ
เที่ยวภาคกลาง ตามรอยละคร ไปกับพี่หมื่นและแม่การะเกด ขี่ม้าชมเมืองลพบุรี ในกิจกรรม‘นุ่งโจงห่มสไบ’ กับ PANTIP และ ททท
https://ppantip.com/topic/38170161
วันที่สามเที่ยวอยุธยา
https://ppantip.com/topic/38170238
สำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ผมและเพื่อนได้รับโอกาสจากเวปไซด์พันทิพและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ร่วมทริปท่องเที่ยวจังหวัดภาคกลางในกิจกรรมนุ่งโจงห่มสไบ ในจังหวัดลพบุรี-สิงห์บุรี-อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา
โดยใช้เวลาท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน และแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อแยกกันท่องเที่ยวตามโปรแกรมของแต่ละจังหวัด โดยในวันแรกของทุกคนจะเริ่มที่จังหวัดลพบุรี ก่อนที่จะพักค้างคืนเพื่อวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะแยกย้ายท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมของตนเองครับ
รายละเอียดของกิจกรรมครั้งนี้และเส้นทางทั้งหมดดูได้ที่ลิงค์นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/38145031
สำหรับผมขอรีวิวโดยอ้างอิงจากละครดังจนสร้างกระเเสให้คนไทยหันมาแต่งชุดไทยกันทั้งบ้านทั้งเมืองและพึ่งจะจบไปอย่างละครบุพเพสันนิวาสครับ
เริ่มต้นที่จังหวัดลพบุรีซึ่งในละครบุเพสันนิวาสมีกล่าวถึงว่าจังหวัดลพบุรีเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระนารายณ์ซึ่งพระองค์ทรงโปรดที่จะไปประทับที่จังหวัดลพบุรีมากกว่าจังหวัดอยุธยา
โดยคณะของเราเริ่มต้นจากศาลพระกาฬ ใครผ่านมาก็ต้องเข้ามากราบไหว้ เพราะถือว่าเป็นเทพารักษ์ประจำเมืองลพบุรี ตัวเทวสถานสร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนมีฐานที่สูงชันขึ้นมา ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ศาลสูง ลักษณะตัวศาลจะออกแบบสไตล์ศิลปะเก่าแก่ของขอม ภายในมี เจ้าพ่อพระกาฬ ประทับอยู่ แต่เริ่มเดิมทีเจ้าพ่อพระกาฬจะมีสีดำทั้งองค์ แต่ไม่มีพระเศียร และไม่มีพระกร จากนั้นก็ได้มีชาวบ้านที่ศรัทธามาทำนุบำรุง และปิดทองจนมีสีทองอร่ามทั้งองค์ดังที่เห็นในรูป คนส่วนใหญ่คนที่เข้ามาขอพรก็จะขอเกี่ยวกับเรื่องยศ เรื่องตำแหน่ง ใครอยากเลื่อนตำแหน่งก็ลองมากันดูนะครับ
ท่านที่อยากมาขอพรเจ้าพ่อพระกาฬก็สามารถเดินทางมาสักการะได้ทุกวัน
เปิดตั้งแต่ 5.30 น. - 17.45 น. เลยครับ จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปนิดเดียวก็จะถึงที่ตั้งของพระปรางค์สามยอด ซึ่งในละครจะมีฉากที่พี่หมื่นขี่ม้าพาแม่การะเกดเที่ยวชมเมืองลพบุรีและชมความสวยงามของพระปรางค์สามยอด
โดยลักษณะของพระปรางค์จะคล้ายฝักข้าวโพด ทำจากศิลาแลงหินทรายตามสไตล์ขอมแบบบายน ภายในมีพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนต้นประดิษฐานอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นสภาพองค์ที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนองค์กลางเป็นพระพุทธรูปนาคปรก (ปราสาทประธาน) ,องค์ซ้าย รูปปารมิตา (ปราสาททิศเหนือ) และองค์ขวารูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (ปราสาททิศใต้)
สามารถแวะเข้ามาเที่ยวได้ทุกวัน เปิด 6.00 น. – 18.00 น .
แน่นอนเมื่อมาเที่ยวลพบุรีจะต้องเจอกับเจ้าถิ่นอย่างน้องลิงจ๋อที่มีมากมาย เดินไปเดินมาและเล่นกันอย่างสนุกสนานครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ ตลาดโบราณบ้านไทย 4 ภาค เพื่อฟังคำแนะนำดีๆ จากคุณ อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ co-founding ppantip.com มาให้คำแนะนำในการเขียนรีวิว พร้อมบอกเทคนิคเขียนให้ถูกใจ SEO อีกด้วย
และอีกหนึ่งท่านที่ทุกคนต่างรอคอย นั่นก็คือ คุณ กิจจา ลาโพธิ์ หัวหน้าฝ่ายเครื่องแต่งกายละครบุพเพสันนิวาส หรือ คุณสาลี่ (ชื่อในละคร)
จบคำแนะนำดีๆ ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยง ท้องเริ่มร้อง คณะของเราก็เดินทางกันต่อไปที่ ร้านอาหารฉัตรนารา ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 น. - 22.00 น. เลยจ้า
ในมื้ออร่อยนี้ เราได้ทานเมนู…
1.ชุดออเดิร์ฟ (ไก่จ๊อรมควัน ถุงทอง ปอเปี๊ยะกุ้ง)
2.เป็ดร่อนฉัตรนารา
3.ข้าวผัดปู (จานใหญ่)
4.ยำถั่วพู
5.ปลากะพงทอดน้ำปลา
6.ต้มยำทะเล
7.กุ้งหลน
8.ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
9.ไข่เจียวหมูสับ
10.ผลไม้รวม
หลังอิ่มท้องพวกเราก็เที่ยวตามรอยละครกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของวันนี้ครับ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณถนนสรศักดิ์
เปิดให้เข้าชม วันพุธ - วันอาทิตย์ (หยุด วันจันทร์ - อังคาร และวันหยุดชดเชย)
สำนักงาน เปิดตั้งแต่ 8.30 น. - 16.30 น.
ส่วนอาคารจัดแสดง เปิดเวลา 9.00 น. - 16.00 น.
ค่าเข้าชม ท่านละ 30 บาท (ชาวต่างชาติ 150 บาท)
แต่สำหรับ นักเรียน นักศึกษา พระภิษุ-สามเณร ในเครื่องแบบ รวมถึงผู้สูงอายุ (60ปีขึ้นไป) เข้าฟรี
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Tel. 0-3641-1458
ในการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้เราได้เจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์ มากล่าวต้อนรับ และแนะนำสถานที่ด้วยครับ
สิ่งก่อสร้าง ตัวโบราณสถานต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งเป็น 3 เขต คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำ ,สิบสองท้องพระคลัง ,ตึกเลี้ยงรับแขกเมือง ,ตึกพระเจ้าเหา ,โรงช้างข้าหลวง 10 โรง ถัดมาเป็น เขตพระราชฐานชั้นกลาง ซึ่งประกอบด้วย พระที่นั่งจันทรพิศาล ,พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท และลำดับสุดท้าย เขตพระราชฐานชั้นใน คือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์
ตรงนี้คือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2231 เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รอบด้านจะมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ตรงมุมมีสระน้ำ 4 สระ แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีระบบน้ำใช้แล้ว โดยลำเลียงน้ำผ่านท่อน้ำที่ทำขึ้นจากดินเหนียวฝังอยู่บริเวณใต้ดิน นับว่าทันสมัยมากๆเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์ทิ้งไว้ให้เราได้ชมอีกมากมาย เล่าวันเดียวก็คงไม่หมด ถ้าหากใครอยากเข้ามาสัมผัสก็สามารถมาได้เลย ในวันพุธถึงวันอาทิตย์นะ
สำหรับคำว่า “พระเจ้าเหา” ซึ่งเป็นชื่อมาจากตึกหรืออาคารโบราณสถานตั้งอยู่ในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่สำคัญที่ใครต่อใครต้องเดินทางไปดูให้เห็นกับตา เพื่อตามอย่างละครบุพเพสันนิวาส คราวที่แม่การะเกดเธอทำตาโตบอกคุณพี่หมื่น ว่าอยากเห็นตึกพระเจ้าเหา คนโบราณเมื่อตีความก็มีทางออกหลายทาง หนึ่ง-เหา มาจากคำว่า “House” ที่ฝรั่งอาจเรียกหอพระว่า God’s House อีกทางคือ หมายถึงชื่อพระพุทธรูปสำคัญที่ประดิษฐานบนฐานชุกชีที่อยู่ในตึก และเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงประชวรหนัก สมเด็จพระเพทราชาได้ใช้ตึกนี้เป็นที่ประชุมขุนนาง และประกาศยึดอำนาจ
มีฉากที่ปรากฎในหน้าประวัติศาสตร์มีภาพวาดอยู่จนถึงปัจจุบัน คือ ฉากราชทูตฝรั่งเศส เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ผู้แทนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 เข้า เฝ้าและถวายพระราชสาส์นแด่สมเด็จพระนารายร์มหาราช ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยาโดยในภาพมีออกญาวิชเยนทร์ (ฟอลคอน) หมอบและส่งสัญญาณมือให้ราชทูตฝรั่งเศสยื่นวถายสาส์น ในขณะที่บรรดาข้าหลวงไทยหมอบจนสุดตัว เนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัตินั้นไม่เหมือนกัน โดยสถานที่ซึ่งระบุไว้ว่า พระที่นั่งสรรเพชรญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยา นั้นปัจจุบันสถานที่จริงแทบไม่เหลือ มีเพียงซากปรักหักพัง แต่พระที่นั่งอีกที่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันและยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน คือ สีหบัญชร พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ลพบุรี ซึ่งพบว่ายังคงเกือบสมบูรณ์ เป็นลักษณะท้องพระโรง มีพระที่นั่ง โดยปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าไปกราบไหว้ได้ โดยภาพดังกล่าวปรากฏอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ตั้งอยู่ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรีด้วย
หลังได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์กันเต็มที่แล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก สำหรับกลุ่มของผมได้เข้าพักที่โรงแรมโอทู เป็นโรงแรมที่พึ่งเปิดไม่นาน ยังดูใหม่มาก สวยงามน่าพักมากครับ
เข้าที่พัก O2
โรงแรมโอทู ลพบุรี ราคา 1,100 บาท/คืน
มีอ่างอาบน้ำทุกห้อง
ห้องกว้างงงงงงมาก
ประตูคีย์การ์ด
พื้นที่โรงแรมกว้างขวางมากกว่า 16 ไร่
อยู่ไกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
พร้อมอาหารเช้า
จองห้องพักติดต่อ : 064-967-7474
อยู่ตรงข้าม 7-11 โรงเรียนพระนารายณ์ สามารถค้นหาใน google ว่า "โรงแรมโอทู ลพบุรี" จะเจอแผนที่ครับ
แต่งชุดไทยทานอาหารเรือนไทย 4 ภาค
หลังจากเข้าที่พักกันแล้วก็มาถึงไฮไลท์สำคัญของวันตามสโลแกนของกิจกรรมครั้งนี้คือนุ่งโจงห่มสไบ เที่ยวไทยภาคกลาง
ทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ต้องแต่งกายด้วยชุดไทยเพื่อมาร่วมงานรับประทานอาหารเย็นที่หมู่บ้านเรือนไทย 4 ภาค โดยอาหารในงานจะเป็นอาหารไทย เช่น ผัดไทย ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเมนูหมูโสร่ง และยังมีเมนูอาหารอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกทานกันอย่างเต็มอิ่ม ภายในงานยังมีกิจกรรมเล่นเกมแจกของรางวัลจากทาง ททท และ เวปไซด์พันทิพ สุดท้ายคือการประกาศผลการแต่งกายชุดไทยถูกใจกรรมการครับ
หลังจบงานก็แยกย้ายกลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวท่องเที่ยวแยกย้ายตามเส้นทางของตนเองครับ