วันที่สองหลังจากรับประทานอาหารเช้าของโรงแรมพวกเราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมกันตั้งแต่เช้า เพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านดินมดแดง เพื่อทำกิจกรรมปั้นดิน ทางเข้าจะเป็นตลาดชุมชนโคกตูม เป็นตลาดที่ขายสินค้าในชุมชนไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ขนมและอื่นให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝากและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน
เริ่มต้นจะมีเจ้าหน้าที่จากบ้านดินมดแดงมากล่าวต้อนรับพร้อมกับพาพวกเราไปทำกิจกรรมปั้นดิน
โดยขั้นตอนการปั้นดินคือ นำดินมาหนึ่งก้อน ปั้นเป็นเส้นจะเล็กแค่ไหนยาวเท่าไรก็ตามใจเลย จากนั้นนำดินที่ปั้นเป็นเส้นแล้วมาขดเป็นวงเหมือนขดยากันยุง อันแรกควรจะใหญ่หน่อยเพื่อนำมาเป็นฐาน จากนั้นก้อนำดินแต่ละเส้นมาวางทับหรือจะทำเป็นขดแล้วนำมาประกอบกับฐานเพื่อทำเป็นขอบก็ได้ครับ ตามแต่จินตนาการเลย
หลังจากปั้นดินเสร็จแล้วทางเจ้าหน้าหน้าที่จะนำไปตากแดดประมาณ 5 วันแล้วแล้วนำไปอบให้แข็งตัวอีกครั้งครับ
บ้านดินมดแดงตั้งอยู่ที่ 98/2 หมู่ 5 ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัด ลพบุรี เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาแลสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ลพบุรี และยังมีศูนย์เรียนรู้การผลิตเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้มาเรียนอย่างไม่ขาดสาย และยังถือเป็นสถานที่แวะพักริมทาง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือน
ภายในบ้านดินมดแดง ถูกตกแต่งเครื่องปั้นดินเผามากมาย จัดเรียงไว้อย่างสวยงาม มีตั้งแต่กระถางต้นไม้ เตา หม้อดิน ไห ไปจนถึงประติมากรรมจากดิน อย่างรูปปั้นที่มีทั้งเทวรูป ตัวการ์ตูน สัตว์ ที่มีความสวยงามและความหลากหลายให้เลือกมองได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังมีบ้านสร้างจากดิน ที่สะท้อนความพอเพียง ตกแต่งในบรรยากาศที่ร่มรื่น
เวลาเปิด/ปิด :
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
การเดินทาง :
จากตัวเมืองลพบุรี มุ่งหน้าไปทางโคกตูม บ้านดินมดแดง อยู่ถัดจากสถานีตำรวจภูธรโคกตูม
หลังปั้นดินเสร็จพวกเราก็ไปช้อปปิ้งและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานครับ หลังจากปลดปล่อยจินตนาการกันแล้วก็ถือเวลาอาหารกลางวันที่ร้านทองชุบครับ
เดินทางกันต่อมารับประทานอาหารกลางวัน กันที่ร้านกุ้งเผาทองชุบ
ที่ตั้ง ตลาดตราชู ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
เวลาเปิด09.00น.-19.00น.
โทรจองโต๊ะ 036-599256 ไม่รับสั่งอาหารล่วงหน้า
ร้านนี่เปิดมากว่า30ปี อยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศเย็นสบายครับ
เมนูแนะนำ กุ้งเผา ราคากิโลกรัมละ1500บาท เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด
กุ้งเป็นกุ้งไซส์3ตัวโล ราคาตกตัวละประมาณ500บาท
เมนูอาหารมื้อนี้มี ยำชะอมทอดกรอบ ขนมจีบหมู หมูแดดเดียว ทอดมัน ต้มยำลูกชิ้นหม้อไฟ และแน่นอนพระเอกของมื้อนี้กุ้งเผาครับ ได้คนละตัวกันไปเลยครับ อร่อยที่ซู้ดดดด
ออกเดินทางกันต่อ ไปทำขนมตาลพับที่บ้านป้าแอ๋ว หรือคุณนงนุช พิลาปกัน ป้าทำขนมตาล ขนมกล้วย ขนมใส่ไส้ ไปขายที่ตลาดวิเศษชัยชาญมานานกว่า30ปีแล้ว มาถึงป้าก็นำขนมตาลที่ทำเสร็จแล้วให้พวกเราได้ชิมก่อนเลย พิสูจน์ความอร่อยกัน
สาเหตุของความหอม มาจากใบตาลที่ใช้ห่อ ต้องเลือกแบบอ่อนๆ ไม่ใช่ใบแก่ ป้าแอ๋วบอกเล่าถึงสูตรการทำขนมตาล รวมถึงเทคนิค และเปิดโอกาสให้พวกเราลองห่อขนมกัน แต่ละคนห่อใหญ่บ้างเล็กบ้างสนุกสนานกันไป ห่อเบาๆ เดี๋ยวขนมไม่ฟู นี่คือเคล็ดลับที่ป้าแอ๋วบอกครับ
หลังจากอิ่มอร่อยกับขนมตาลป้าแอ๋วกันแล้ว ออกเดินทางเพียงแค่ไม่ถึง5นาท จากบ้านป้าแอ๋ว พวกเราก็มาถึงวัดม่วง สักการะหลวงพ่อใหญ่ หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ระยะเวลาในการสร้างราวๆ16ปี
ที่ตั้ง ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
โครงการสร้างพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ นั้นก่อสร้างเป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นชั้น ๆ แบบโครงสร้างตึกสูง 32 ชั้น ก่ออิฐถือปูนฉาบทาสีทองตลอดทั้งองค์
“พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คณะลูกศิษย์หลวงพ่อเกษม ได้พร้อมใจรวมพลัง ช่วยกันสร้างร่วมกับ ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาด้วย จนการก่อสร้างองค์พระเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ 16 ปี และวัดหน้าตักองค์พระได้ 63.05 เมตร ความสูงจากฐานองค์พระถึงยอดเกศา วัดได้ 95 เมตร ใช้งบประมาณไปกว่า 100 ล้านบาท
วัดม่วงตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหัวสะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอ่างทอง ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 8 กิโลเมตร ถ้าตั้งต้นจาก กรุงเทพ ไปตามถนนสายเอเชีย แล้วเข้าตัวเมืองอ่างทอง ผ่านตลาดแล้วเลี้ยวขวา ผ่านหน้าเรือนจำ เจอทางแยกเลี้ยวซ้าย (ไปสุพรรณบุรี) ไปตามเส้นทางสาย โพธิ์พระยาท่าเรือ วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เห็นพระพุทธรูปแต่ไกล
และที่พลาดไม่ได้คือต้องมากราบหลวงพ่อเงิน ที่พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล และที่นี่ยังมีพระอุโบสถล้อมรอบด้วยกลีบบัวใหญ่ที่สุดในโลก ภายใยมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ มีแดนเทพเจ้าไทย แดนนรก แดนสวรรค์ และแดนเทพเจ้สจีน มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ มีรูปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่า ที่เมืองวิเศษชัยชาญ
เดินทางต่อไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมแคนทารี แอนด์เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ อยุธยา โรงแรมระดับ4ดาว ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเตียงคู่ขนาดใหญ่ โซฟา อ่างอาบน้ำ โต้ะเครื่องแป้งอุปกรณ์ทำครัวและอื่นๆ พร้อมบริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ และมีบริการสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสสำหรับออกกำลังกายด้วยครับ ที่ตั้ง168 หมู่1 ถนนรจนา ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบอร์โทร 035-337177
หลังเก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งกันที่ตลาดกรุงศรี หรือตลาดอยุธยา Night Market'
ประวัติความเป็นมา ตลาดกรุงศรี ตั้งอยู่บริเวณคูน้ำข้างตลาดกรุงศรี หลังศาลากลางหลังเก่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (Ayutthaya Tourist Center) สถานที่เที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ของอยุธยา แบบชิวๆ เป็นกันเองถนนคนเดินกรุงศรี ชม ช๊อป ชิม กลางเมืองมรดกโลก ภายใต้บรรยากาศย้อนยุคและกิจกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่น หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่าเป็นพื้นที่รองรับการรื้อย้ายแผงร้านค้า ที่บุกรุกจากหลังวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตรรวมถึงเป็นจุดแลนด์มาร์ทแห่งใหม่ของจังหวัด ศูนย์กลางที่จอดรถของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะรถบัสทัวร์ สินค้าที่ซื้อขาย : บุฟเฟ่ต์อาหารไทย ขนมไทย และของใช้ที่เป็นสินค้าโอทอปของชุมชนคนอยุธยา
หลังจากช้อปปิ้งที่ตลาดกรุงศรีกันแล้วก็ไปทานมื้อเย็นกันที่ เดอ ริว่า อโยธยา ร้านอาหารบรรยากาศดี มีดนตรีสด ร้านอยู่ริมน้ำ สามารถมองเห็นโบสถ์ยอแซฟที่เปิดไฟในเวลากลางคืนได้ครับ
เรือนอาหารเดอ ริว่า อโยธยา สวนอาหารบรรยากาศดี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำเป็นโบสถ์คริสต์ เซนท์ยอแซฟ เปิดไฟงดงามยามเย็น ชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกฟากฝั่งของสายนที
เมนูอาหารมี
1.หลนกุ้ง
2.ต้มยำกุ้ง
3.กะหล่ำผัดน้ำปลา
4.ปลากระพงสามรส
5.ห่อหมกกุ้งมะพร้าวอ่อน และอีกเมนูผมก็ไม่ทราบว่าอะไร แต่ก็อร่อยกรุบๆ ดีครับ ไม่ใช่กระเพราหมูสับนะครับ 5555
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้นครับ
เที่ยวภาคกลาง ปั้นดิน กินกุ้งเผา ไหว้พระใหญ่วิเศษชัยชาญ เมืองอ่างทอง ในกิจกรรม‘นุ่งโจงห่มสไบ’ กับ PANTIP และ ททท
https://ppantip.com/topic/38170016
https://ppantip.com/topic/38170238
วันที่สองหลังจากรับประทานอาหารเช้าของโรงแรมพวกเราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมกันตั้งแต่เช้า เพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านดินมดแดง เพื่อทำกิจกรรมปั้นดิน ทางเข้าจะเป็นตลาดชุมชนโคกตูม เป็นตลาดที่ขายสินค้าในชุมชนไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ขนมและอื่นให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝากและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน
เริ่มต้นจะมีเจ้าหน้าที่จากบ้านดินมดแดงมากล่าวต้อนรับพร้อมกับพาพวกเราไปทำกิจกรรมปั้นดิน
โดยขั้นตอนการปั้นดินคือ นำดินมาหนึ่งก้อน ปั้นเป็นเส้นจะเล็กแค่ไหนยาวเท่าไรก็ตามใจเลย จากนั้นนำดินที่ปั้นเป็นเส้นแล้วมาขดเป็นวงเหมือนขดยากันยุง อันแรกควรจะใหญ่หน่อยเพื่อนำมาเป็นฐาน จากนั้นก้อนำดินแต่ละเส้นมาวางทับหรือจะทำเป็นขดแล้วนำมาประกอบกับฐานเพื่อทำเป็นขอบก็ได้ครับ ตามแต่จินตนาการเลย
หลังจากปั้นดินเสร็จแล้วทางเจ้าหน้าหน้าที่จะนำไปตากแดดประมาณ 5 วันแล้วแล้วนำไปอบให้แข็งตัวอีกครั้งครับ
บ้านดินมดแดงตั้งอยู่ที่ 98/2 หมู่ 5 ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัด ลพบุรี เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาแลสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ลพบุรี และยังมีศูนย์เรียนรู้การผลิตเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้มาเรียนอย่างไม่ขาดสาย และยังถือเป็นสถานที่แวะพักริมทาง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือน
ภายในบ้านดินมดแดง ถูกตกแต่งเครื่องปั้นดินเผามากมาย จัดเรียงไว้อย่างสวยงาม มีตั้งแต่กระถางต้นไม้ เตา หม้อดิน ไห ไปจนถึงประติมากรรมจากดิน อย่างรูปปั้นที่มีทั้งเทวรูป ตัวการ์ตูน สัตว์ ที่มีความสวยงามและความหลากหลายให้เลือกมองได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังมีบ้านสร้างจากดิน ที่สะท้อนความพอเพียง ตกแต่งในบรรยากาศที่ร่มรื่น
เวลาเปิด/ปิด :
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
การเดินทาง :
จากตัวเมืองลพบุรี มุ่งหน้าไปทางโคกตูม บ้านดินมดแดง อยู่ถัดจากสถานีตำรวจภูธรโคกตูม
หลังปั้นดินเสร็จพวกเราก็ไปช้อปปิ้งและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานครับ หลังจากปลดปล่อยจินตนาการกันแล้วก็ถือเวลาอาหารกลางวันที่ร้านทองชุบครับ
เดินทางกันต่อมารับประทานอาหารกลางวัน กันที่ร้านกุ้งเผาทองชุบ
ที่ตั้ง ตลาดตราชู ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
เวลาเปิด09.00น.-19.00น.
โทรจองโต๊ะ 036-599256 ไม่รับสั่งอาหารล่วงหน้า
ร้านนี่เปิดมากว่า30ปี อยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศเย็นสบายครับ
เมนูแนะนำ กุ้งเผา ราคากิโลกรัมละ1500บาท เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด
กุ้งเป็นกุ้งไซส์3ตัวโล ราคาตกตัวละประมาณ500บาท
เมนูอาหารมื้อนี้มี ยำชะอมทอดกรอบ ขนมจีบหมู หมูแดดเดียว ทอดมัน ต้มยำลูกชิ้นหม้อไฟ และแน่นอนพระเอกของมื้อนี้กุ้งเผาครับ ได้คนละตัวกันไปเลยครับ อร่อยที่ซู้ดดดด
ออกเดินทางกันต่อ ไปทำขนมตาลพับที่บ้านป้าแอ๋ว หรือคุณนงนุช พิลาปกัน ป้าทำขนมตาล ขนมกล้วย ขนมใส่ไส้ ไปขายที่ตลาดวิเศษชัยชาญมานานกว่า30ปีแล้ว มาถึงป้าก็นำขนมตาลที่ทำเสร็จแล้วให้พวกเราได้ชิมก่อนเลย พิสูจน์ความอร่อยกัน
สาเหตุของความหอม มาจากใบตาลที่ใช้ห่อ ต้องเลือกแบบอ่อนๆ ไม่ใช่ใบแก่ ป้าแอ๋วบอกเล่าถึงสูตรการทำขนมตาล รวมถึงเทคนิค และเปิดโอกาสให้พวกเราลองห่อขนมกัน แต่ละคนห่อใหญ่บ้างเล็กบ้างสนุกสนานกันไป ห่อเบาๆ เดี๋ยวขนมไม่ฟู นี่คือเคล็ดลับที่ป้าแอ๋วบอกครับ
หลังจากอิ่มอร่อยกับขนมตาลป้าแอ๋วกันแล้ว ออกเดินทางเพียงแค่ไม่ถึง5นาท จากบ้านป้าแอ๋ว พวกเราก็มาถึงวัดม่วง สักการะหลวงพ่อใหญ่ หรือพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้ระยะเวลาในการสร้างราวๆ16ปี
ที่ตั้ง ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
โครงการสร้างพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ นั้นก่อสร้างเป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นชั้น ๆ แบบโครงสร้างตึกสูง 32 ชั้น ก่ออิฐถือปูนฉาบทาสีทองตลอดทั้งองค์
“พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คณะลูกศิษย์หลวงพ่อเกษม ได้พร้อมใจรวมพลัง ช่วยกันสร้างร่วมกับ ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาด้วย จนการก่อสร้างองค์พระเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ 16 ปี และวัดหน้าตักองค์พระได้ 63.05 เมตร ความสูงจากฐานองค์พระถึงยอดเกศา วัดได้ 95 เมตร ใช้งบประมาณไปกว่า 100 ล้านบาท
วัดม่วงตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหัวสะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอ่างทอง ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 8 กิโลเมตร ถ้าตั้งต้นจาก กรุงเทพ ไปตามถนนสายเอเชีย แล้วเข้าตัวเมืองอ่างทอง ผ่านตลาดแล้วเลี้ยวขวา ผ่านหน้าเรือนจำ เจอทางแยกเลี้ยวซ้าย (ไปสุพรรณบุรี) ไปตามเส้นทางสาย โพธิ์พระยาท่าเรือ วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เห็นพระพุทธรูปแต่ไกล
และที่พลาดไม่ได้คือต้องมากราบหลวงพ่อเงิน ที่พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล และที่นี่ยังมีพระอุโบสถล้อมรอบด้วยกลีบบัวใหญ่ที่สุดในโลก ภายใยมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ มีแดนเทพเจ้าไทย แดนนรก แดนสวรรค์ และแดนเทพเจ้สจีน มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ มีรูปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่า ที่เมืองวิเศษชัยชาญ
เดินทางต่อไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมแคนทารี แอนด์เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ อยุธยา โรงแรมระดับ4ดาว ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเตียงคู่ขนาดใหญ่ โซฟา อ่างอาบน้ำ โต้ะเครื่องแป้งอุปกรณ์ทำครัวและอื่นๆ พร้อมบริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ และมีบริการสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสสำหรับออกกำลังกายด้วยครับ ที่ตั้ง168 หมู่1 ถนนรจนา ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบอร์โทร 035-337177
หลังเก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งกันที่ตลาดกรุงศรี หรือตลาดอยุธยา Night Market'
ประวัติความเป็นมา ตลาดกรุงศรี ตั้งอยู่บริเวณคูน้ำข้างตลาดกรุงศรี หลังศาลากลางหลังเก่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา (Ayutthaya Tourist Center) สถานที่เที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ของอยุธยา แบบชิวๆ เป็นกันเองถนนคนเดินกรุงศรี ชม ช๊อป ชิม กลางเมืองมรดกโลก ภายใต้บรรยากาศย้อนยุคและกิจกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่น หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดหลังเก่าเป็นพื้นที่รองรับการรื้อย้ายแผงร้านค้า ที่บุกรุกจากหลังวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตรรวมถึงเป็นจุดแลนด์มาร์ทแห่งใหม่ของจังหวัด ศูนย์กลางที่จอดรถของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะรถบัสทัวร์ สินค้าที่ซื้อขาย : บุฟเฟ่ต์อาหารไทย ขนมไทย และของใช้ที่เป็นสินค้าโอทอปของชุมชนคนอยุธยา
หลังจากช้อปปิ้งที่ตลาดกรุงศรีกันแล้วก็ไปทานมื้อเย็นกันที่ เดอ ริว่า อโยธยา ร้านอาหารบรรยากาศดี มีดนตรีสด ร้านอยู่ริมน้ำ สามารถมองเห็นโบสถ์ยอแซฟที่เปิดไฟในเวลากลางคืนได้ครับ
เรือนอาหารเดอ ริว่า อโยธยา สวนอาหารบรรยากาศดี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำเป็นโบสถ์คริสต์ เซนท์ยอแซฟ เปิดไฟงดงามยามเย็น ชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกฟากฝั่งของสายนที
เมนูอาหารมี
1.หลนกุ้ง
2.ต้มยำกุ้ง
3.กะหล่ำผัดน้ำปลา
4.ปลากระพงสามรส
5.ห่อหมกกุ้งมะพร้าวอ่อน และอีกเมนูผมก็ไม่ทราบว่าอะไร แต่ก็อร่อยกรุบๆ ดีครับ ไม่ใช่กระเพราหมูสับนะครับ 5555
หลังจากอิ่มท้องแล้วก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้นครับ