B P J O U R N E Y
สวีดัสสวัสดีพี่ๆเพื่อนๆกันอีกเช่นเคยนะครับวันนี้บาสกับพิมพ์จะชวนไปทำบุญไม่ไกลจากกรุงเทพของเราเป็นทริปที่นึกกันปุ๊ปไปกันปั๊ปไม่ถามสุขภาพซ๊ากกกคำ
ถ้าเอ่ยชื่อ วัดม่วง หลายๆคนคงรู้จักกันดีเพราะวัดนี้เป็นวัดที่มีพระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ เป็นพระพุทธรูปที่มีข้อมูลว่าใหญ่ที่สุดในโลกใครขับรถหรือผ่านไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ (ทางหลวงหมายเลข 3195) ต้องตะลึงกับความงดงามของพระพุทธรูปที่วัดแห่งนี้อย่างแน่นอน ถึงขนาดเขาเล่าว่าใครที่มาจังหวัดอ่างทองแล้ว ไม่ได้เข้ามาสักการะ
หลวงพ่อใหญ่ ที่วัดม่วงแห่งนี้แล้วเหมือนกับคุณมาไม่ถึงอ่างทองกันเลยที่เดียว555555
อย่างที่บอกทริปนี้เป็นทริปด่วนทริปชวนกันมาทำบุญไม่ได้มีแผนการล่วงหน้า พูดง่ายๆไปตายเอาดาบหน้ากันเอาครับเพราะสำหรับพวกเราแล้วแผนที่ที่ดีที่สุดก็คือ ปาก ของพวกเรานั่นเอง
วัดม่วง ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ ประมาณ 8 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ (ทางหลวงหมายเลข 3195) กิโลเมตรที่ 29 เข้าไป 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ ภายในวัดมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น พระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วิหารแก้ว ชั้นล่าง เป็นพิพิธภัณฑ์วัตถุมงคลและวัตถุโบราณภายในมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ ชั้นบน ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เนื้อเงินแท้ องค์แรกองค์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี บริเวณวัดมีรูปปั้นแสดง แดนนรก แดนสวรรค์ แดนเทพเจ้าไทย และแดนเทพเจ้าจีนซึ่งมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ มีรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญ ด้านหลังมีวังมัจฉา และสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของดีเมืองอ่างทองทั้งของกินของใช้มีหมดเลยจร้า
ประวัติโดยสังเขป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดิมวัดม่วงเป็นวัดร้างเก่าแก่สมัยอยุธยา เมื่อครั้งพม่ายกทัพมาตีไทยและได้จุดไฟเผาเสียหายมาก พม่าได้กวาดต้อนคนไทยไปเป็นเชลย วัดม่วงก็ได้ถูกพม่าเผาทำลาย เสนาสนะเสียหายจนหมดสิ้น คงเหลือแต่เนินและพระพุทธรูปหินศิลาแลงปรักหักพัง พระพุทธรูปหินศิลาแลงเนื้อหินสีขาวองค์นี้มีนามว่า "ขาว" มีลักษณะอยู่ครึ่งองค์ที่โผล่อยู่เหนือเนินดิน หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้หล่อปั้นด้วยเนื้อปูนหุ้มให้เต็มองค์ เนื้อศิลาแลงสีขาวนั้นไว้ข้างใน มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งอยู่คู่กับวัดม่วงนี้มาตลอด หลวงพ่อเกษมได้เล่าให้ฟังว่า ที่หลวงพ่อเกษมมาบูรณะวัดม่วงที่นี่เพราะเมื่อครั้งหลวงพ่อเกษมได้ธุดงค์ไปจังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้าไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ในถ้ำ ญาณหลวงพ่อขาวได้มาบอกกับหลวงพ่อเกษมว่า "ให้มาสร้างวัดม่วงอยู่ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ชื่อว่าวัดม่วง หลวงพ่อเกษมได้ตอบด้วยญาณว่า "กระผมยังเป็นพระที่ไม่มีสมณศักดิ์ อายุพรรษายังน้อย" หลวงพ่อขาวตอบว่า "ไม่เป็นไร ไปเถอะ ถึงกาลเวลาแล้วที่เจ้าของวัดม่วงเขาได้มาเกิดกันแล้ว เขาจะมาช่วยสร้างวัด แล้วจะสำเร็จ" ญาณหลวงพ่อขาวก็จางหายไป เมื่อครบกำหนดที่หลวงพ่อเกษมปฏิบัติธรรมในถ้ำได้ตามที่ตั้งใจ ก็ออกจากถ้ำ ธุดงค์มาตามที่หลวงพ่อขาวบอกสถานที่ไว้เมื่อมาถึงสถานที่หลวงพ่อขาวบอกไว้ ไม่พบว่าเป็นวัดเลย เป็นป่าต้นไม้ปกคลุมไปหมด หลวงพ่อเกษมเดินเลยไปได้ยินเสียงเรียกว่า "ลูก ลูก พ่ออยู่ตรงนี้" หลวงพ่อเกษมเดินย้อนกลับมาที่เดิม ได้เอาร่มที่หลวงพ่อถือมากวาดแหวกพงหญ้าที่ขึ้นรกเต็มไปทั่ว ก็พบพวกสัตว์มีพิษ เช่นแมลงป่องตัวใหญ่ ตะขาบ งู หันมาจะต่อสู้ หลวงพ่อเกษมจึงพนมมือ ตั้งจิตอธิษฐานว่า "มาที่นี่ตั้งใจจะมาสร้างและบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ตามคำบอกของหลวงพ่อขาว" พออธิษฐานจบ หลวงพ่อเกษมเดินฝ่าดงสัตว์มีพิษเข้าไป โดยพวกสัตว์นั้นไม่ทำอันตรายเลย หลวงพ่อเกษมมีเสื่อติดมาด้วย จึงกางปูแล้วนั่งสมาธิ จึงพบว่าที่นี่เดิมเป็นวัดจริงๆ มีพระพุทธรูปหินศิลาแลงสีขาว มีลักษณะเพียงครึ่งองค์ หลวงพ่อเกษมจึงออกจากที่วัดเข้าไปแจ้งแก่เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัดให้ทราบว่าจะมาขออนุญาตสร้างและบูรณะวัดม่วงที่จมหายไปนานแล้ว ให้ขึ้นมาเป็นวัดดังเดิม ก็ได้รับอนุญาต หลวงพ่อเกษมได้ชาวบ้านบางคนละแวกนั้นที่รู้ว่าจะมาสร้างเป็นวัดมาช่วยถางหญ้าที่รกจึงเหลือแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่เก่าแก่ท้งนั้น พื้นที่รกกลับโล่งเตียน ทำให้เห็นสภาพพื้นที่เดิมว่าเป็นวัด เพราะมีเนินดินสูง มีพระพุทธรูปศิลาแลงสีขาวครี่งองค์ตระหง่านอยู่กลางเนินดินนั้น มีอิฐก้อนวางเรียงก่อสูงกว่าพื้นดินก้อนอิฐมีลักษณะถูกเผาไหม้เกรียม สภาพเก่าๆ ยังคงหลงเหลือในยามนั้น หลวงพ่อเกษมก็ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างศาลาครอบบนเนินดิน ยกองค์พระพุทธรูปศิลาแลงสีขาวประดิษฐานอยู่ในศาลานั้น พระพุทธรูปมีนามว่า "หลวงพ่อขาว" ตามที่เรียกขนานนามเดิม
หลวงพ่อเกษมได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อแจ้งกรมการศาสนาในการขอสร้างและบูรณะ พร้อมกันนี้ขอดูสมุดประวัติหรือเรียกสมุดที่เก่าแก่อีกนามว่า สมุดข่อย กรมการศาสนาได้หยิบสมุดข่อยเล่มใหญ่เก่าแก่มากมาให้เปิดดู พบว่ามีชื่อวัดม่วง ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง จริง มีเนื้อที่ดินประมาณ 70 กว่าไร่ แต่ยามนั้นมีเนื้อที่ดินเหลืออยู่น้อย มีชาวบ้านมาทำไร่ไถนาเต็มไปหมด หลวงพ่อเกษมจึงขอติดต่อซื้อที่ดินคืนจากชาวบ้าน มีชาวบ้านแถวนั้นบางคนไม่ค่อยพอใจหลวงพ่อเกษมนัก ที่มาขอซื้อที่ดินคืน ซึ่งเขาเคยทำไร่นาอยู่ แต่ต้องจำยอมขายให้ในราคาที่ทางการกำหนดเพราะพื้นที่เดิมเป็นของวัดจริงๆ ระยะเริ่มแรกที่หลวงพ่อเกษมสร้างหลวงพ่อพระสีวลีก่อน สร้างกุฎิของท่านเองเป็นสังกะสีเก่าๆ ใต้ต้นโพธิ์ (ปัจจุบันต้นโพธิ์อยู่ด้านหน้าศาลาบำเพ็ญบุญ) และสร้างศาลาสังกะสีบนเนินดินเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาว (ปัจจุบันคือวิหารแก้ว)
BP Journey สะพายเป้ ถือกล้อง ท่องเที่ยวอ่างทอง@วัดม่วง พร้อมแล้ว Let Go...
ทริปนี้เรานั่งรถตู้จากรังสิตสาย วิเศษชัยชาญ-สุพรรณบุรี ถามเขาเขาบอกว่าผ่านหน้าวัดม่วงเลยครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 น.
พี่รถตู้จะขับมาจอดให้เราลงปากทางเข้าวัดม่วง โดยเราจะต้องเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ครับ
ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็ถ่ายรูปไปเรื่อยครับ
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ องค์ใหญ่มากมองเห็นตั้งไกล
ทางเข้าจากปากทางไปยังวัดม่วงครับ
เดินมาแปปเดียวก็ถึงแล้วครับ ถึงปุ๊ปเชคอินปั๊ป5555 แต่ต้องเดินไปอีกนิดนึงนะครับประตูทางเข้าวัดอยู่โน่นนนน
ถึงแล้ว เอ้ากลับ!! จะบ้าหราาาา
หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ คือผู้ที่บุกเบิกสร้างและบูรณะวัดม่วงที่จมหายไปนานแล้ว ให้ขึ้นมาเป็นวัดดังเดิมและเป็นผู้ที่วางศิลาฤกษ์หลวงพ่อใหญ่ รวมถึงท่านยังเป็นคนตั้งนามองค์พระใหญ่ว่า "
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณีศรีวิเศษชัยชาญ "
เข้ามาถึงก็ต้องสดุดตากับความงดงามของ อุโบสถฐานบัวรอบ ( พระอุโบสถกลางดอกบัว )
อุโบสถหลังนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของวัดม่วง ฐานของอุโบสถสร้างเป็นดอกบัวโดยรอบ กลีบของบัวแต่ละกลีบใหญ่กว่าตัวคนมีขนาดใหญ่มาก และเป็นพระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยครับ
บริเวณรอบอุโบสถ ตามกลีบบัวด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆได้แก่ พระประจำวัน และรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ต่างๆ แม้แต่ฐานของเสมาก็เป็นดอกบัวทั้งหมดอีกด้วยครับ
ภายในอุโบสถประดิษฐาน
พระประธานพระพุทธชินราช พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้าย-ขวา ภาพเขียนพระพุทธประวัติสีสันสดใสรอบอุโบสถ
พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วิหารแก้ว ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ติดกระจกแก้วภายในและภายนอกทั้งหลัง ได้ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2540 ขนาดกว้าง 16 เมตร ยาว 50 เมตร บันไดทางขึ้นพระวิหารแก้ว ใช้ศิลปะแบบผสมไทย-จีน มีพญานาคเลื้อยที่ราวบันได แล้วเมื่อขึ้นไปถึงหน้าประตูจะมีมังกรพันหลัก เป็นมังกรเงิน-มังกรทอง ส่วนพระวิหารแก้วนั้นประดับด้วยแก้วชิ้นเล็กๆ จำนวนมากช่างงดงามจริงๆครับ
ภายในวิหารจะรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศอยู่โดยรอบผนังของวิหาร
แม้แต่ภายในของวิหารแก้วก็ประดับด้วยวิธีการติดกระจกสะท้อนเงาของผู้ที่มาสักการะบูชาพระพุทธรูปในวิหารได้อย่างชัดเจนทั้งส่วนผนังและเพดาน
หลวงพ่อเงิน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยเนื้อเงินแท้องค์แรกของประเทศไทยอีกด้วย
สังขารของหลวงพ่อเกษมผู้บุกเบิกวัดม่วง ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2544 เวลา 16.54 น. มีอายุได้ 54 ปี 6 เดือน 7 วัน หลวงพ่อเกษมได้สั่งลูกศิษย์ไว้ก่อนว่า ถ้าท่านมรณภาพให้นำร่างของท่านลงโลงแก้วประดับมุก ที่ท่านได้เตรียมไว้นานแล้ว เพราะท่านได้ญาณรู้ว่าท่านมีอายุไม่ยืน และสั่งไม่ให้เผา เก็บไว้ให้เป็นอนุสรณ์ตลอดชั่วกาลนาน ปัจจุบันเก็บไว้ในวิหารแก้วแห่งนี้
พระโพธิสัตว์กวนอิม อยู่ตรงข้ามกับวิหารแก้วมีวิหารเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือที่มีลักษณะงดงามอย่างมากเลยครับ
จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเพื่อจะไปสักการะบูชาหลวงพ่อพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ (หลวงพ่อใหญ่) กันครับ
ดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ตามกำลังศรัทธาได้เลยครับ
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ เป็นพระพุทธรูปที่มีข้อมูลว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2534 แรม 9 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย โดยพระครูวิบูลย์ อาจารย์คุณ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง เป็นประธานการก่อสร้างหาทุนพร้อมด้วย นายอานนท์ สุวรรณปาล คณะครู นักเรียน โรงเรียนพานิชยการจำนงค์ ดินแดง กรุงเทพฯ แล้วเสร็จเมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคม 2552 งบประมาณ 50,000,000 บาท มีองค์จำลองประดิษฐานไว้ด้านล่างเพื่อให้จุดเทียนธูปบูชาพระพุทธรูป ด้านหน้าทำเป็นบันไดสูงมีพญานาคเลื้อยเป็นราวบันไดตรงกลาง และด้านซ้ายและขวาของบันได
องค์จำลองหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ
[CR] BP Journey ทริปนี้ที่อ่างทอง : ทริปนี้ทริปด่วนทริปชวนกันมาทำบุญ@วัดม่วง&วัดสังกระต่าย วัด UnseenTH(แบบไม่มีรถส่วนตัว)
สวีดัสสวัสดีพี่ๆเพื่อนๆกันอีกเช่นเคยนะครับวันนี้บาสกับพิมพ์จะชวนไปทำบุญไม่ไกลจากกรุงเทพของเราเป็นทริปที่นึกกันปุ๊ปไปกันปั๊ปไม่ถามสุขภาพซ๊ากกกคำ ถ้าเอ่ยชื่อ วัดม่วง หลายๆคนคงรู้จักกันดีเพราะวัดนี้เป็นวัดที่มีพระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ เป็นพระพุทธรูปที่มีข้อมูลว่าใหญ่ที่สุดในโลกใครขับรถหรือผ่านไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ (ทางหลวงหมายเลข 3195) ต้องตะลึงกับความงดงามของพระพุทธรูปที่วัดแห่งนี้อย่างแน่นอน ถึงขนาดเขาเล่าว่าใครที่มาจังหวัดอ่างทองแล้ว ไม่ได้เข้ามาสักการะ หลวงพ่อใหญ่ ที่วัดม่วงแห่งนี้แล้วเหมือนกับคุณมาไม่ถึงอ่างทองกันเลยที่เดียว555555
อย่างที่บอกทริปนี้เป็นทริปด่วนทริปชวนกันมาทำบุญไม่ได้มีแผนการล่วงหน้า พูดง่ายๆไปตายเอาดาบหน้ากันเอาครับเพราะสำหรับพวกเราแล้วแผนที่ที่ดีที่สุดก็คือ ปาก ของพวกเรานั่นเอง
วัดม่วง ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ ประมาณ 8 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ (ทางหลวงหมายเลข 3195) กิโลเมตรที่ 29 เข้าไป 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ ภายในวัดมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น พระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วิหารแก้ว ชั้นล่าง เป็นพิพิธภัณฑ์วัตถุมงคลและวัตถุโบราณภายในมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ ชั้นบน ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เนื้อเงินแท้ องค์แรกองค์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี บริเวณวัดมีรูปปั้นแสดง แดนนรก แดนสวรรค์ แดนเทพเจ้าไทย และแดนเทพเจ้าจีนซึ่งมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ มีรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญ ด้านหลังมีวังมัจฉา และสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของดีเมืองอ่างทองทั้งของกินของใช้มีหมดเลยจร้า
ประวัติโดยสังเขป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
BP Journey สะพายเป้ ถือกล้อง ท่องเที่ยวอ่างทอง@วัดม่วง พร้อมแล้ว Let Go...
ทริปนี้เรานั่งรถตู้จากรังสิตสาย วิเศษชัยชาญ-สุพรรณบุรี ถามเขาเขาบอกว่าผ่านหน้าวัดม่วงเลยครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 น.
พี่รถตู้จะขับมาจอดให้เราลงปากทางเข้าวัดม่วง โดยเราจะต้องเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ครับ
ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็ถ่ายรูปไปเรื่อยครับ
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ องค์ใหญ่มากมองเห็นตั้งไกล
ทางเข้าจากปากทางไปยังวัดม่วงครับ
เดินมาแปปเดียวก็ถึงแล้วครับ ถึงปุ๊ปเชคอินปั๊ป5555 แต่ต้องเดินไปอีกนิดนึงนะครับประตูทางเข้าวัดอยู่โน่นนนน
ถึงแล้ว เอ้ากลับ!! จะบ้าหราาาา
หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ คือผู้ที่บุกเบิกสร้างและบูรณะวัดม่วงที่จมหายไปนานแล้ว ให้ขึ้นมาเป็นวัดดังเดิมและเป็นผู้ที่วางศิลาฤกษ์หลวงพ่อใหญ่ รวมถึงท่านยังเป็นคนตั้งนามองค์พระใหญ่ว่า " พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณีศรีวิเศษชัยชาญ "
เข้ามาถึงก็ต้องสดุดตากับความงดงามของ อุโบสถฐานบัวรอบ ( พระอุโบสถกลางดอกบัว )
อุโบสถหลังนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของวัดม่วง ฐานของอุโบสถสร้างเป็นดอกบัวโดยรอบ กลีบของบัวแต่ละกลีบใหญ่กว่าตัวคนมีขนาดใหญ่มาก และเป็นพระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยครับ
บริเวณรอบอุโบสถ ตามกลีบบัวด้านในประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆได้แก่ พระประจำวัน และรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ต่างๆ แม้แต่ฐานของเสมาก็เป็นดอกบัวทั้งหมดอีกด้วยครับ
ภายในอุโบสถประดิษฐาน พระประธานพระพุทธชินราช พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้าย-ขวา ภาพเขียนพระพุทธประวัติสีสันสดใสรอบอุโบสถ
พระวิหารแก้วรัตนพราหมณ์-สุวรรณปาล วิหารแก้ว ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ติดกระจกแก้วภายในและภายนอกทั้งหลัง ได้ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2540 ขนาดกว้าง 16 เมตร ยาว 50 เมตร บันไดทางขึ้นพระวิหารแก้ว ใช้ศิลปะแบบผสมไทย-จีน มีพญานาคเลื้อยที่ราวบันได แล้วเมื่อขึ้นไปถึงหน้าประตูจะมีมังกรพันหลัก เป็นมังกรเงิน-มังกรทอง ส่วนพระวิหารแก้วนั้นประดับด้วยแก้วชิ้นเล็กๆ จำนวนมากช่างงดงามจริงๆครับ
ภายในวิหารจะรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศอยู่โดยรอบผนังของวิหาร
แม้แต่ภายในของวิหารแก้วก็ประดับด้วยวิธีการติดกระจกสะท้อนเงาของผู้ที่มาสักการะบูชาพระพุทธรูปในวิหารได้อย่างชัดเจนทั้งส่วนผนังและเพดาน
หลวงพ่อเงิน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยเนื้อเงินแท้องค์แรกของประเทศไทยอีกด้วย
สังขารของหลวงพ่อเกษมผู้บุกเบิกวัดม่วง ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2544 เวลา 16.54 น. มีอายุได้ 54 ปี 6 เดือน 7 วัน หลวงพ่อเกษมได้สั่งลูกศิษย์ไว้ก่อนว่า ถ้าท่านมรณภาพให้นำร่างของท่านลงโลงแก้วประดับมุก ที่ท่านได้เตรียมไว้นานแล้ว เพราะท่านได้ญาณรู้ว่าท่านมีอายุไม่ยืน และสั่งไม่ให้เผา เก็บไว้ให้เป็นอนุสรณ์ตลอดชั่วกาลนาน ปัจจุบันเก็บไว้ในวิหารแก้วแห่งนี้
พระโพธิสัตว์กวนอิม อยู่ตรงข้ามกับวิหารแก้วมีวิหารเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือที่มีลักษณะงดงามอย่างมากเลยครับ
จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเพื่อจะไปสักการะบูชาหลวงพ่อพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ (หลวงพ่อใหญ่) กันครับ
ดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ตามกำลังศรัทธาได้เลยครับ
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ เป็นพระพุทธรูปที่มีข้อมูลว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2534 แรม 9 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย โดยพระครูวิบูลย์ อาจารย์คุณ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง เป็นประธานการก่อสร้างหาทุนพร้อมด้วย นายอานนท์ สุวรรณปาล คณะครู นักเรียน โรงเรียนพานิชยการจำนงค์ ดินแดง กรุงเทพฯ แล้วเสร็จเมื่อ วันที่ 27 กรกฎาคม 2552 งบประมาณ 50,000,000 บาท มีองค์จำลองประดิษฐานไว้ด้านล่างเพื่อให้จุดเทียนธูปบูชาพระพุทธรูป ด้านหน้าทำเป็นบันไดสูงมีพญานาคเลื้อยเป็นราวบันไดตรงกลาง และด้านซ้ายและขวาของบันได
องค์จำลองหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธมหานวมินทรศากยมุณี ศรีวิเศษชัยชาญ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น