ปิยรูป สาตรูปนี้ ยก รูป ขึ้นมาอย่างเดียว
แต่ความหมายนั้นมิได้มีความหมายจำเพาะรูปที่เป็นวัตถุ
แต่หมายถึงกระบวนของจิตใจทุกข้อทุกบททุกอย่าง
ทั้งที่เป็นรูป และทั้งที่มิใช่รูป เพราะฉะนั้น
จึงมักจะแปลกันว่า สิ่ง หรือแปลรวมๆ ว่า ที่ เช่น
ตัณหาเกิดขึ้นในปิยรูปสาตรูป
ก็แปลกันว่าเกิดใน ที่ เป็นที่รักใน
ที่ เป็น ที่ ชอบใจสำราญใจ
เอาคำว่า ที่ มาใช้ หรืออาจจะแปลว่า
สิ่ง ปิยรูปสิ่งเป็นที่รัก สาตรูปสิ่งเป็นที่ชอบใจสำราญใจ
ฉะนั้น จึงต้องทำความเข้าใจถ้อยคำดั่งนี้ คือใช้คำว่า
รูป ก็จริง ว่าปิยรูปสาตรูปก็จริง
แต่ก็มิใช่หมายความว่าจำเพาะรูปที่เป็นวัตถุซึ่งใช้ในที่ทั้งปวง
แต่หมายถึงทั้งรูปทั้งเสียงทั้งกลิ่นทั้งรสทั้งโผฏฐัพพะทั้งธรรมะคือเรื่องราว
และทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจทั้งหมด
ทั้งวิญญาณ ทั้งสัมผัส ทั้งเวทนา ทั้งสัญญา ทั้งสัญเจตนา
ทั้งตัณหาเอง และทั้งวิตก ทั้งวิจารเป็นรูปหมด เป็นปิยรูปสาตรูปหมด
คือเป็นที่ตั้งนั้นเอง อันเป็นที่รักเป็นที่ชอบใจสำราญใจ
ซึ่งตัณหาเกิดขึ้นตั้งอยู่ในปิยรูปและสาตรูปทั้งปวงนี้ จึงเป็นทุกขสมุทัยขึ้น
ปิยรูป สาตรูปนี้ ยก รูป ขึ้นมาอย่างเดียว
แต่ความหมายนั้นมิได้มีความหมายจำเพาะรูปที่เป็นวัตถุ
แต่หมายถึงกระบวนของจิตใจทุกข้อทุกบททุกอย่าง
ทั้งที่เป็นรูป และทั้งที่มิใช่รูป เพราะฉะนั้น
จึงมักจะแปลกันว่า สิ่ง หรือแปลรวมๆ ว่า ที่ เช่น
ตัณหาเกิดขึ้นในปิยรูปสาตรูป
ก็แปลกันว่าเกิดใน ที่ เป็นที่รักใน
ที่ เป็น ที่ ชอบใจสำราญใจ
เอาคำว่า ที่ มาใช้ หรืออาจจะแปลว่า
สิ่ง ปิยรูปสิ่งเป็นที่รัก สาตรูปสิ่งเป็นที่ชอบใจสำราญใจ
ฉะนั้น จึงต้องทำความเข้าใจถ้อยคำดั่งนี้ คือใช้คำว่า
รูป ก็จริง ว่าปิยรูปสาตรูปก็จริง
แต่ก็มิใช่หมายความว่าจำเพาะรูปที่เป็นวัตถุซึ่งใช้ในที่ทั้งปวง
แต่หมายถึงทั้งรูปทั้งเสียงทั้งกลิ่นทั้งรสทั้งโผฏฐัพพะทั้งธรรมะคือเรื่องราว
และทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจทั้งหมด
ทั้งวิญญาณ ทั้งสัมผัส ทั้งเวทนา ทั้งสัญญา ทั้งสัญเจตนา
ทั้งตัณหาเอง และทั้งวิตก ทั้งวิจารเป็นรูปหมด เป็นปิยรูปสาตรูปหมด
คือเป็นที่ตั้งนั้นเอง อันเป็นที่รักเป็นที่ชอบใจสำราญใจ
ซึ่งตัณหาเกิดขึ้นตั้งอยู่ในปิยรูปและสาตรูปทั้งปวงนี้ จึงเป็นทุกขสมุทัยขึ้น