ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่สองครับ (รอบหนึ่งวางเรื่องเดียวก่อนเพราะยังมีไม่มาก ไม่เหมือนกวี ที่ยังรอคนแต่งส่งมายังมีอยู่ครับ)
เรื่องนี้ มาแนว "ผจญภัยในป่า" ครับ เริ่มด้วยคนไทย 6 คนไปเที่ยวในเมียนมาร์ หรือที่เราเรียกกันว่า "พม่า" และ จขถม. คนแต่งก่อนก็บอกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในยุคที่พม่าเขายังไม่ได้ใช้ชื่อประเทศว่า "เมียนมาร์" ก็คือยังเป็น BURMA อยู่...คนไทยทั้ง 6 ข้ามไปฝั่งโน้นแล้วจ้างพรานป่าเจ้าถิ่นพาลุยป่า ไปถึงกลางป่า ตกเย็นตั้งแค้มป์กางเต็นท์กันเสร็จสรรพก็ไปหาปลามาทำอาหารกินกัน ตกกลางคืนกินเหล้ากันไป เมาได้ที่ก็มีคนหนึ่งทะลึ่งชวนเพื่อนเล่นผีถ้วยแก้ว มีการท้าทาย แล้วก็เจอดีเข้าให้!
เหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างไร จะจบอีท่าไหน ไปอ่านกันเลยครับ
จบแล้วตัดเกรดให้ จขถม.ทั้งคู่ด้วยเน้อ แล้วค่อยมาช่วยกันเมียงมอง ว่าทั้งสอง คือใครกับใคร...
ณ ป่าดงดิบแห่งหนึ่ง ในเขตชายแดนฝั่งพม่า สมัยก่อนที่จะใช้ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า "เมียนมาร์"
หนุ่มชาวไทย 6 คน ออกเดินทางข้ามจากฝั่งไทยเข้ามาท่องเที่ยว โดยมีอุปกรณ์ตั้งแคมป์เตรียมมาเสร็จสรรพ โดยมี วินอู่ พรานวัยกลางคนชาวพม่าเป็นมัคคุเทศก์นำทาง คนทั้ง 7 เริ่มเดินทางจากท่าขี้เหล็กขึ้นเหนือตั้งแต่ตอนบ่าย จนถึงราวบ่ายสามโมงก็เข้าสู่เขตป่าดงดิบ และลึกเข้าไปเรื่อย ๆ
การเดินป่านี้ มีเพียงพรานวินอู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีปืนไรเฟิลไปด้วย นอกนั้น สำหรับหนุ่มไทยทั้ง 6 ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน ดังนั้น ชีวิตของคนไทยทั้ง 6 จึงฝากไว้กับพรานวินอู่แต่เพียงผู้เดียว
ตกเย็นประมาณ 5 โมงกว่า ตะวันเริ่มคล้อยใกล้จะตกดิน ทั้งคณะก็ถึงกลางป่าดงดิบ รอบตัวของทุกคนคือต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ แหงนดูบนฟ้า นกกาทั้งหลายเริ่มพากันบินกลับรัง
"เราหยุดตั้งแคมป์กันตรงนี้แหละนะครับ" พรานวินอู่บอกกับทุกคน
"พี่วิน เย็นนี้ เราจะกินอะไรกันดี" หนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งถามขณะที่กำลังปลดเป้ออกจากหลัง
"เดี๋ยวไปหาปลาที่ลำธาร ห่างจากตรงนี้ไม่ไกลครับคุณเกี๊ยก เดินไปแค่ห้านาทีก็ถึง" พรานพม่าวัยกลางคนตอบ เขาพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วทีเดียว "ตอนนี้พวกเราช่วยกันตั้งเต็นท์กันก่อนนะครับ"
หลักจากช่วยกันตั้งเต็นท์สามหลังห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยมีกองฟืนเตรียมไว้เป็นกองไฟอยู่ตรงกลางเสร็จแล้ว พรานวินอู่ก็ชักชวน "ลูกทัวร์" ไปตกปลาที่ลำธาร มีสามคนตกลงใจไปด้วย อีกสามคนอยู่รอ เริ่มก่อไฟ ต้มน้ำ
"พี่วิน มีปืนพกให้พวกเรายืมบ้างไหม ซักกระบอกสองกระบอก" หนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งซึ่งไม่ไปด้วยถาม
"ทำไมครับ คุณอู๊ด กลัวเหรอ ?"
"โธ่ กลัวสิพี่วิน เกิดมี ส.."
"อย่าพูด!" พรานวินอู่ร้องห้าม "เข้าป่ามาแล้ว ห้ามพูดถึงสัตว์ร้ายหรืออะไรอย่างอื่นครับ พูดถึงแล้วอาจจะเจอ! เอ้า นี่ ปืนสั้น สองกระบอก" เขาล้วงปืนสองกระบอกซึ่งมองดูเหมือนปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ออกมาจากถุงย่ามสีเทาเก่ามาก แสดงว่ามันถูกใช้งานมานานยื่นให้อู๊ดและเกี๊ยกคนละกระบอก แล้วสั่งกำชับ
"จำไว้ อย่ายิงอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากเห็นสัตว์ร้ายเข้าจริง ๆ ถึงค่อยยิง แต่ผมว่าไม่น่าจะมีหรอก เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน"
"ถึงยังไง มีปืนไว้ย่อมอุ่นใจกว่าครับ พี่วิน" หนุ่มร่างผอมผิวขาวซึ่งอยู่ระหว่างอู๊ดและเกี๊ยกว่า "กลับมากันไว ๆ นะครับ"
"ได้ครับคุณก้อง ไม่นานหรอก ได้ปลาซักห้าหกตัวก็พอ ถ้าโชคดีก็อาจจะได้อย่างอื่นเพิ่ม ไปก่อนนะครับ" พรานวินอู่ตอบ ยิ้มให้สามหนุ่ม อู๊ด เกี๊ยก และก้องซึ่งนั่งอยู่หน้ากองฟืน แล้วหันไปพยักหน้ากับอีกสามหนุ่มที่เหลือซึ่งยืนรออยู่ข้างเต็นท์หลังหนึ่ง "ไปครับ คุณโอ๋ คุณกิต คุณนนท์"
สามหนุ่มไทยพยักหน้าตอบ แล้วเดินตามหลังพรานชาวพม่าไปยังลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกล
ประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้ง 4 คนก็กลับมาพร้อมด้วยปลาช่อนตัวโต 7 ตัว ครบจำนวนคนพอดี พรานวินอู่จัดการกับปลาเหล่านั้นโดยปิ้งบ้าง ต้มบ้าง เป็นอาหารและกับแกล้มให้กับหนุ่มไทยทั้ง 6 อย่างอร่อยลิ้น
ทุกคนกินปลาแกล้มเหล้ากันไป พูดคุยกันไป เหล้าที่เอามากันมีทั้งเหล้าขาวและเหล้าโรง จนดึกดื่น ถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า โอ๋ หนุ่มร่างเตี้ยมะขามข้อเดียวเกิดนึกสนุกขึ้นมา จึงออกปากชักชวนเพื่อน ๆ
"เฮ้ย พวกเรา เล่นอะไรหนุก ๆ กันไหม ?"
"เล่นอะไรวะ ไอ้โอ๋ ?" นนท์ หนุ่มหล่อหน้าตาดีกว่าเพื่อนถาม
"วีจา บอร์ด!" โอ๋กล่าวและยักคิ้วข้างซ้ายทีหนึ่ง ฉีกยิ้มทำหน้าทะเล้น
"เฮ้ย บ้า! กลางป่าเนี่ยนะ แล้วไม่ใช่บ้านเราด้วย" กิต หนุ่มทรงผมเกรียนเพราะเพิ่งลาสิกขามาไม่นานร้องปราม "อย่าเล่นเลย ไม่ดีหรอกว่ะ!"
"เอ เราว่า น่าสนุกดีนะ!" เกี๊ยกกลับอยากเล่นเลยสนับสนุนโอ๋ "ลองดูซักหน่อยไม่เป็นไรมั้ง"
"ถ้าจะเล่น ขอให้เรียกวิญญาณของสัตว์มาก็แล้วกันนะครับ อย่าเรียกที่เป็นคน!" พรานวินอู่กล่าวเตือน "เพราะวิญญาณสัตว์จะไม่อันตรายมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมก็พอเอาอยู่!"
"โอเคครับพี่วิน เอาตามพี่วินว่า" โอ๋ยิ้มให้พรานชาวพม่า แล้วหยิบกระดานผีถ้วยแก้วที่เตรียมมาด้วยออกมาจากกระเป๋าเป้
"เฮ้ย! นี่นายเตรียมมาด้วยหรือเนี่ย ?" กิตร้องถามแล้วอ้าปากค้าง
"เออสิวะ! มาตั้งแค้มป์ในป่าทั้งที มันก็ต้องมีกิจกรรมสนุก ๆ กัน ว่าไหม ?"
โอ๋กางแผ่นกระดานผีถ้วยแก้วนั้นออก แผ่นกระดานนี้เขาทำมาเองกับมือ แล้วหยิบแก้วเหล้าใบเล็กหนาเตอะใบหนึ่งออกมาวางคว่ำไว้ตรงกลางกระดาน
"มาเพื่อน ๆ" โอ๋มองหน้าเพื่อนทีละคน ๆ "เอานิ้วชี้แตะบนก้นแก้วนี้ แตะเฉย ๆ ไม่ต้องกดนะ"
"ผมไม่เล่นนะครับ" พรานวินอู่กล่าวแล้วถอยออกไปยืนดูห่าง ๆ
"เราก็ขอตัวว่ะ ไม่อยากเล่น" กิตถอยออกมาอีกคน ยืนดูอยู่ข้าง ๆ พรานวินอู่
"โอเคเพื่อน ไม่เป็นไร เล่นห้าคนก็ได้ โธ่...ปอดแหกไปได้" โอ๋กล่าว แล้วพยักเพยิดกับเพื่อนอีก 4 คน แล้วทั้ง 5 คนคือ เขาผู้ริเริ่มชวนเล่น อู๊ด เกี๊ยก ก้อง และนนท์ ก็วางนิ้วชี้แตะบนก้นแก้ว
"ขอเชิญ ดวงวิญญาณของสัตว์ที่ตายไปแล้ว ตัวไหนก็ได้ มาสถิตอยู่ที่แก้วใบนี้" โอ๋เริ่มกล่าวคำอัญเชิญ
"และถ้ามาแล้ว ให้แก้วเดินไปที่คำว่า ใช่"
แล้วทุกคนก็เงียบ
บรรยากาศรอบตัว มีแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรจักจั่นร้องแข่งกันดังเซ็งแซ่ไปหมด และเสียงร้องของค้างคาวและนกแสกดังเป็นครั้งคราว แต่จนแล้วจนรอด แก้วก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
เพื่อนตัวดีที่เจ้ากี้เจ้าการชวนคนอื่นเล่น ส่ายหน้า และด้วยความเมา จึงพูดประโยคที่ทำให้กิตกับพรานวินอู่สะดุ้งเฮือกและขนลุก
"เฮ้อ...ไม่ได้เรื่อง ๆ สัตว์มันไม่มีวิญญาณหรอกมั้ง
ขอเป็นวิญญาณคนแทนละกัน ผีป่าผีดอยก็ได้ ผีพม่าก็เอา! มาเลย...มาแล้ว เดินแก้วไปที่คำว่าใช่นะคร้าบบ"
"เฮ้ย...ไอ้โอ๋ ไอ้บ้า ปากหรือนั่น" กิตร้องด่า
"คุณโอ๋ครับ...เล่นก็เล่นดี ๆ ครับ อย่าท้าทายแบบนั้น ของพม่าแรงนะครับ!" พรานวินอู่กล่าวเตือน
"ครับ ๆ ๆ พี่วิน ขอโทษครับ" โอ๋รีบกล่าวขอโทษแล้วยกมือไหว้ไปทั่วทุกสารทิศ
แล้วแก้วเหล้าใบเล็กหนาเตอะใบนั้นก็ขยับ! พานิ้วของทั้งห้าคนเคลื่อนไปที่คำว่า "ใช่" !!
"เฮ้ย ใครดันแก้วหรือเปล่าวะ" โอ๋ร้องถามและมองหน้าเพื่อนรอบวง
"กูเปล่านะ" เกี๊ยกปฏิเสธก่อนใคร ๆ
"กูก็เปล่า" ก้องสั่นหัว ปฏิเสธตามมา
"กูก็ไม่ได้ดัน แตะเฉย ๆ นิ้วเกือบหลุดตอนมันเดิน" อู๊ดส่ายหน้าปฏิเสธเป็นคนที่สาม
"เราก็ไม่ได้ดันเหมือนกันเพื่อน" นนท์ซึ่งหล่อที่สุดและพูดจาสุภาพที่สุดสมกับเป็นคนหล่อปฏิเสธเป็นคนสุดท้าย
"จริงเร้อ เพื่อน ๆ ไม่ได้อำกันแน่นา ?" โอ๋ถามย้ำ ทุกคนส่ายหัวดิกกันเป็นแถว
"โอเค..ได้!" หนุ่มผู้อยากลองของเพราะฤทธิ์สุราเอ่ยขึ้นดัง ๆ
"ขอถามผู้ที่มาว่า ท่าน พอใจหรือไม่ ที่พวกเราอัญเชิญท่าน ? ถ้าพอใจ ก็ไม่ต้องย้ายไปไหน ถ้าไม่พอใจ ให้ไปที่คำว่า ไม่"
แก้วเคลื่อนไปที่คำว่า "ไม่" ทันที !
"เวรแล้ว!" กิตซึ่งยืนดูกับพรานวินอู่ร้องครางเสียงสั่น กลืนน้ำลายเอื๊อก ส่วนพรานชาวพม่ายืนดูด้วยสีหน้าเครียด
โอ๋เองก็เริ่มหวาดหวั่น แต่ยังทำใจดีสู้เสือ ขบกรามคิดแล้วระเบิดคำถามสุดท้าย
"ท่าน ต้องการอะไร ?"
ทันทีที่สิ้นคำถามนั้น แก้วก็เคลื่อนไปหาอักษรทีละตัว รวมทั้งหมด 5 ตัว ...ทุกคนในวง อ่านอักษรนั้น ทีละตัว...
"ช ช้าง...สระ อี...ว แหวน...สระ อิ " ถึงตรงนี้ทุกคนตาเหลือกขนลุกเกรียวและเส้นผมบนศรีษะตั้งเมื่อถึงอักษรตัวสุดท้าย
"ต เต่า...ชะ ชีวิต !!"
"ไม่ต้องถามอะไรต่อแล้วโอ๋!!" นนท์ร้องบอก "เชิญเขาออกเถอะเพื่อน ทุกคนอย่าเพิ่งเอามือออกจากก้นแก้วนะ"
โอ๋ร้องตะโกนลั่น "ขอเชิญท่าน ออกไป และกลับไปยังที่ที่ท่านมาได้แล้วครับ!!" แล้วเขาก็มองหน้าเพื่อน ๆ ในวงแต่ละคน "เพื่อน ๆ เรานับสามนะ แล้วถอนนิ้วออกพร้อมกัน"
ทั้ง 4 คนพยักหน้า ด้วยทั้งความเครียดและความหวาดกลัว
โอ๋เริ่มนับ อย่างช้า ๆ "หนึ่ง....สอง....สาม! ดึงนิ้วออก!!"
ทั้งห้าหนุ่มสยาม ถอนนิ้วออกจากก้นแก้วพร้อมกัน!
และทันทีนั้น แก้วเหล้าใบเล็กซึ่งมีความหนา ยากที่อะไรจะทำให้แตกได้ง่าย ๆ ก็ระเบิดแตกกระจาย
เปรี๊ยะ !!!
"โอ๊ยย.."
"เฮ้ยย...!! "
(จบตอนแรก โดย "ถุงมือ พรานป่า" ครับ)
💥🐯🔥THE GLOVES FINAL 2018 ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่ 2 "ถุงมือพรานป่า"+"ถุงมือนราไพร" ตอน "เขี้ยวเสือไฟ"🔥🐯💥
ถุงมือเรื่องสั้น คู่ที่สองครับ (รอบหนึ่งวางเรื่องเดียวก่อนเพราะยังมีไม่มาก ไม่เหมือนกวี ที่ยังรอคนแต่งส่งมายังมีอยู่ครับ)
เรื่องนี้ มาแนว "ผจญภัยในป่า" ครับ เริ่มด้วยคนไทย 6 คนไปเที่ยวในเมียนมาร์ หรือที่เราเรียกกันว่า "พม่า" และ จขถม. คนแต่งก่อนก็บอกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในยุคที่พม่าเขายังไม่ได้ใช้ชื่อประเทศว่า "เมียนมาร์" ก็คือยังเป็น BURMA อยู่...คนไทยทั้ง 6 ข้ามไปฝั่งโน้นแล้วจ้างพรานป่าเจ้าถิ่นพาลุยป่า ไปถึงกลางป่า ตกเย็นตั้งแค้มป์กางเต็นท์กันเสร็จสรรพก็ไปหาปลามาทำอาหารกินกัน ตกกลางคืนกินเหล้ากันไป เมาได้ที่ก็มีคนหนึ่งทะลึ่งชวนเพื่อนเล่นผีถ้วยแก้ว มีการท้าทาย แล้วก็เจอดีเข้าให้!
เหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างไร จะจบอีท่าไหน ไปอ่านกันเลยครับ
จบแล้วตัดเกรดให้ จขถม.ทั้งคู่ด้วยเน้อ แล้วค่อยมาช่วยกันเมียงมอง ว่าทั้งสอง คือใครกับใคร...
ณ ป่าดงดิบแห่งหนึ่ง ในเขตชายแดนฝั่งพม่า สมัยก่อนที่จะใช้ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า "เมียนมาร์"
หนุ่มชาวไทย 6 คน ออกเดินทางข้ามจากฝั่งไทยเข้ามาท่องเที่ยว โดยมีอุปกรณ์ตั้งแคมป์เตรียมมาเสร็จสรรพ โดยมี วินอู่ พรานวัยกลางคนชาวพม่าเป็นมัคคุเทศก์นำทาง คนทั้ง 7 เริ่มเดินทางจากท่าขี้เหล็กขึ้นเหนือตั้งแต่ตอนบ่าย จนถึงราวบ่ายสามโมงก็เข้าสู่เขตป่าดงดิบ และลึกเข้าไปเรื่อย ๆ
การเดินป่านี้ มีเพียงพรานวินอู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีปืนไรเฟิลไปด้วย นอกนั้น สำหรับหนุ่มไทยทั้ง 6 ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน ดังนั้น ชีวิตของคนไทยทั้ง 6 จึงฝากไว้กับพรานวินอู่แต่เพียงผู้เดียว
ตกเย็นประมาณ 5 โมงกว่า ตะวันเริ่มคล้อยใกล้จะตกดิน ทั้งคณะก็ถึงกลางป่าดงดิบ รอบตัวของทุกคนคือต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ แหงนดูบนฟ้า นกกาทั้งหลายเริ่มพากันบินกลับรัง
"เราหยุดตั้งแคมป์กันตรงนี้แหละนะครับ" พรานวินอู่บอกกับทุกคน
"พี่วิน เย็นนี้ เราจะกินอะไรกันดี" หนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งถามขณะที่กำลังปลดเป้ออกจากหลัง
"เดี๋ยวไปหาปลาที่ลำธาร ห่างจากตรงนี้ไม่ไกลครับคุณเกี๊ยก เดินไปแค่ห้านาทีก็ถึง" พรานพม่าวัยกลางคนตอบ เขาพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วทีเดียว "ตอนนี้พวกเราช่วยกันตั้งเต็นท์กันก่อนนะครับ"
หลักจากช่วยกันตั้งเต็นท์สามหลังห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยมีกองฟืนเตรียมไว้เป็นกองไฟอยู่ตรงกลางเสร็จแล้ว พรานวินอู่ก็ชักชวน "ลูกทัวร์" ไปตกปลาที่ลำธาร มีสามคนตกลงใจไปด้วย อีกสามคนอยู่รอ เริ่มก่อไฟ ต้มน้ำ
"พี่วิน มีปืนพกให้พวกเรายืมบ้างไหม ซักกระบอกสองกระบอก" หนุ่มร่างท้วมคนหนึ่งซึ่งไม่ไปด้วยถาม
"ทำไมครับ คุณอู๊ด กลัวเหรอ ?"
"โธ่ กลัวสิพี่วิน เกิดมี ส.."
"อย่าพูด!" พรานวินอู่ร้องห้าม "เข้าป่ามาแล้ว ห้ามพูดถึงสัตว์ร้ายหรืออะไรอย่างอื่นครับ พูดถึงแล้วอาจจะเจอ! เอ้า นี่ ปืนสั้น สองกระบอก" เขาล้วงปืนสองกระบอกซึ่งมองดูเหมือนปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ออกมาจากถุงย่ามสีเทาเก่ามาก แสดงว่ามันถูกใช้งานมานานยื่นให้อู๊ดและเกี๊ยกคนละกระบอก แล้วสั่งกำชับ
"จำไว้ อย่ายิงอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากเห็นสัตว์ร้ายเข้าจริง ๆ ถึงค่อยยิง แต่ผมว่าไม่น่าจะมีหรอก เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน"
"ถึงยังไง มีปืนไว้ย่อมอุ่นใจกว่าครับ พี่วิน" หนุ่มร่างผอมผิวขาวซึ่งอยู่ระหว่างอู๊ดและเกี๊ยกว่า "กลับมากันไว ๆ นะครับ"
"ได้ครับคุณก้อง ไม่นานหรอก ได้ปลาซักห้าหกตัวก็พอ ถ้าโชคดีก็อาจจะได้อย่างอื่นเพิ่ม ไปก่อนนะครับ" พรานวินอู่ตอบ ยิ้มให้สามหนุ่ม อู๊ด เกี๊ยก และก้องซึ่งนั่งอยู่หน้ากองฟืน แล้วหันไปพยักหน้ากับอีกสามหนุ่มที่เหลือซึ่งยืนรออยู่ข้างเต็นท์หลังหนึ่ง "ไปครับ คุณโอ๋ คุณกิต คุณนนท์"
สามหนุ่มไทยพยักหน้าตอบ แล้วเดินตามหลังพรานชาวพม่าไปยังลำธารซึ่งอยู่ไม่ไกล
ประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้ง 4 คนก็กลับมาพร้อมด้วยปลาช่อนตัวโต 7 ตัว ครบจำนวนคนพอดี พรานวินอู่จัดการกับปลาเหล่านั้นโดยปิ้งบ้าง ต้มบ้าง เป็นอาหารและกับแกล้มให้กับหนุ่มไทยทั้ง 6 อย่างอร่อยลิ้น
ทุกคนกินปลาแกล้มเหล้ากันไป พูดคุยกันไป เหล้าที่เอามากันมีทั้งเหล้าขาวและเหล้าโรง จนดึกดื่น ถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า โอ๋ หนุ่มร่างเตี้ยมะขามข้อเดียวเกิดนึกสนุกขึ้นมา จึงออกปากชักชวนเพื่อน ๆ
"เฮ้ย พวกเรา เล่นอะไรหนุก ๆ กันไหม ?"
"เล่นอะไรวะ ไอ้โอ๋ ?" นนท์ หนุ่มหล่อหน้าตาดีกว่าเพื่อนถาม
"วีจา บอร์ด!" โอ๋กล่าวและยักคิ้วข้างซ้ายทีหนึ่ง ฉีกยิ้มทำหน้าทะเล้น
"เฮ้ย บ้า! กลางป่าเนี่ยนะ แล้วไม่ใช่บ้านเราด้วย" กิต หนุ่มทรงผมเกรียนเพราะเพิ่งลาสิกขามาไม่นานร้องปราม "อย่าเล่นเลย ไม่ดีหรอกว่ะ!"
"เอ เราว่า น่าสนุกดีนะ!" เกี๊ยกกลับอยากเล่นเลยสนับสนุนโอ๋ "ลองดูซักหน่อยไม่เป็นไรมั้ง"
"ถ้าจะเล่น ขอให้เรียกวิญญาณของสัตว์มาก็แล้วกันนะครับ อย่าเรียกที่เป็นคน!" พรานวินอู่กล่าวเตือน "เพราะวิญญาณสัตว์จะไม่อันตรายมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมก็พอเอาอยู่!"
"โอเคครับพี่วิน เอาตามพี่วินว่า" โอ๋ยิ้มให้พรานชาวพม่า แล้วหยิบกระดานผีถ้วยแก้วที่เตรียมมาด้วยออกมาจากกระเป๋าเป้
"เฮ้ย! นี่นายเตรียมมาด้วยหรือเนี่ย ?" กิตร้องถามแล้วอ้าปากค้าง
"เออสิวะ! มาตั้งแค้มป์ในป่าทั้งที มันก็ต้องมีกิจกรรมสนุก ๆ กัน ว่าไหม ?"
โอ๋กางแผ่นกระดานผีถ้วยแก้วนั้นออก แผ่นกระดานนี้เขาทำมาเองกับมือ แล้วหยิบแก้วเหล้าใบเล็กหนาเตอะใบหนึ่งออกมาวางคว่ำไว้ตรงกลางกระดาน
"มาเพื่อน ๆ" โอ๋มองหน้าเพื่อนทีละคน ๆ "เอานิ้วชี้แตะบนก้นแก้วนี้ แตะเฉย ๆ ไม่ต้องกดนะ"
"ผมไม่เล่นนะครับ" พรานวินอู่กล่าวแล้วถอยออกไปยืนดูห่าง ๆ
"เราก็ขอตัวว่ะ ไม่อยากเล่น" กิตถอยออกมาอีกคน ยืนดูอยู่ข้าง ๆ พรานวินอู่
"โอเคเพื่อน ไม่เป็นไร เล่นห้าคนก็ได้ โธ่...ปอดแหกไปได้" โอ๋กล่าว แล้วพยักเพยิดกับเพื่อนอีก 4 คน แล้วทั้ง 5 คนคือ เขาผู้ริเริ่มชวนเล่น อู๊ด เกี๊ยก ก้อง และนนท์ ก็วางนิ้วชี้แตะบนก้นแก้ว
"ขอเชิญ ดวงวิญญาณของสัตว์ที่ตายไปแล้ว ตัวไหนก็ได้ มาสถิตอยู่ที่แก้วใบนี้" โอ๋เริ่มกล่าวคำอัญเชิญ "และถ้ามาแล้ว ให้แก้วเดินไปที่คำว่า ใช่"
แล้วทุกคนก็เงียบ
บรรยากาศรอบตัว มีแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรจักจั่นร้องแข่งกันดังเซ็งแซ่ไปหมด และเสียงร้องของค้างคาวและนกแสกดังเป็นครั้งคราว แต่จนแล้วจนรอด แก้วก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
เพื่อนตัวดีที่เจ้ากี้เจ้าการชวนคนอื่นเล่น ส่ายหน้า และด้วยความเมา จึงพูดประโยคที่ทำให้กิตกับพรานวินอู่สะดุ้งเฮือกและขนลุก
"เฮ้อ...ไม่ได้เรื่อง ๆ สัตว์มันไม่มีวิญญาณหรอกมั้ง ขอเป็นวิญญาณคนแทนละกัน ผีป่าผีดอยก็ได้ ผีพม่าก็เอา! มาเลย...มาแล้ว เดินแก้วไปที่คำว่าใช่นะคร้าบบ"
"เฮ้ย...ไอ้โอ๋ ไอ้บ้า ปากหรือนั่น" กิตร้องด่า
"คุณโอ๋ครับ...เล่นก็เล่นดี ๆ ครับ อย่าท้าทายแบบนั้น ของพม่าแรงนะครับ!" พรานวินอู่กล่าวเตือน
"ครับ ๆ ๆ พี่วิน ขอโทษครับ" โอ๋รีบกล่าวขอโทษแล้วยกมือไหว้ไปทั่วทุกสารทิศ
แล้วแก้วเหล้าใบเล็กหนาเตอะใบนั้นก็ขยับ! พานิ้วของทั้งห้าคนเคลื่อนไปที่คำว่า "ใช่" !!
"เฮ้ย ใครดันแก้วหรือเปล่าวะ" โอ๋ร้องถามและมองหน้าเพื่อนรอบวง
"กูเปล่านะ" เกี๊ยกปฏิเสธก่อนใคร ๆ
"กูก็เปล่า" ก้องสั่นหัว ปฏิเสธตามมา
"กูก็ไม่ได้ดัน แตะเฉย ๆ นิ้วเกือบหลุดตอนมันเดิน" อู๊ดส่ายหน้าปฏิเสธเป็นคนที่สาม
"เราก็ไม่ได้ดันเหมือนกันเพื่อน" นนท์ซึ่งหล่อที่สุดและพูดจาสุภาพที่สุดสมกับเป็นคนหล่อปฏิเสธเป็นคนสุดท้าย
"จริงเร้อ เพื่อน ๆ ไม่ได้อำกันแน่นา ?" โอ๋ถามย้ำ ทุกคนส่ายหัวดิกกันเป็นแถว
"โอเค..ได้!" หนุ่มผู้อยากลองของเพราะฤทธิ์สุราเอ่ยขึ้นดัง ๆ "ขอถามผู้ที่มาว่า ท่าน พอใจหรือไม่ ที่พวกเราอัญเชิญท่าน ? ถ้าพอใจ ก็ไม่ต้องย้ายไปไหน ถ้าไม่พอใจ ให้ไปที่คำว่า ไม่"
แก้วเคลื่อนไปที่คำว่า "ไม่" ทันที !
"เวรแล้ว!" กิตซึ่งยืนดูกับพรานวินอู่ร้องครางเสียงสั่น กลืนน้ำลายเอื๊อก ส่วนพรานชาวพม่ายืนดูด้วยสีหน้าเครียด
โอ๋เองก็เริ่มหวาดหวั่น แต่ยังทำใจดีสู้เสือ ขบกรามคิดแล้วระเบิดคำถามสุดท้าย
"ท่าน ต้องการอะไร ?"
ทันทีที่สิ้นคำถามนั้น แก้วก็เคลื่อนไปหาอักษรทีละตัว รวมทั้งหมด 5 ตัว ...ทุกคนในวง อ่านอักษรนั้น ทีละตัว...
"ช ช้าง...สระ อี...ว แหวน...สระ อิ " ถึงตรงนี้ทุกคนตาเหลือกขนลุกเกรียวและเส้นผมบนศรีษะตั้งเมื่อถึงอักษรตัวสุดท้าย "ต เต่า...ชะ ชีวิต !!"
"ไม่ต้องถามอะไรต่อแล้วโอ๋!!" นนท์ร้องบอก "เชิญเขาออกเถอะเพื่อน ทุกคนอย่าเพิ่งเอามือออกจากก้นแก้วนะ"
โอ๋ร้องตะโกนลั่น "ขอเชิญท่าน ออกไป และกลับไปยังที่ที่ท่านมาได้แล้วครับ!!" แล้วเขาก็มองหน้าเพื่อน ๆ ในวงแต่ละคน "เพื่อน ๆ เรานับสามนะ แล้วถอนนิ้วออกพร้อมกัน"
ทั้ง 4 คนพยักหน้า ด้วยทั้งความเครียดและความหวาดกลัว
โอ๋เริ่มนับ อย่างช้า ๆ "หนึ่ง....สอง....สาม! ดึงนิ้วออก!!"
ทั้งห้าหนุ่มสยาม ถอนนิ้วออกจากก้นแก้วพร้อมกัน!
และทันทีนั้น แก้วเหล้าใบเล็กซึ่งมีความหนา ยากที่อะไรจะทำให้แตกได้ง่าย ๆ ก็ระเบิดแตกกระจาย
เปรี๊ยะ !!!
"โอ๊ยย.."
"เฮ้ยย...!! "
(จบตอนแรก โดย "ถุงมือ พรานป่า" ครับ)