อิทธิฤทธิ์เจ้าแม่ป่าตะเคียน
ล. วิลิศมาหรา
บ้านมีกฎของบ้าน ป่าก็มีกฎของป่า ดังนั้นอย่าล้ำเส้นกัน....
ครูมานพมาบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนติดกับชายป่าใกล้เขตแดนพม่าแห่งหนึ่ง หลังเลิกจากการสอนในตอนเย็นแล้ว เพชร เด็กหนุ่มในหมู่บ้านได้มาเที่ยวหาครูหนุ่มที่บ้านพักครู เพราะมีความคุ้นเคยกันอยู่ ครูมานพจึงชักชวนให้เพชรไปเข้าป่าล่าสัตว์ในวันหยุดนี้กับตน เพราะเพชรมีพ่อเป็นนายพราน ชื่อพรานแสง แต่ได้ล้างมือจากการเป็นนายพรานไปแล้ว และบวชเป็นพระจำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน นัยว่าเพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลในการปฏิบัติธรรมไปให้แก่สรรพสัตว์ที่เคยล่า สมัยเป็นนายพราน
“ครูเพิ่งไปซื้อปืนยาวมากระบอกหนึ่ง อยากจะลองความแม่นของมันดู” ครูหนุ่มพูดขึ้นอย่างครึ้มใจ เพชรฟังแล้วกลับมองหน้าครู แล้วแย้งว่า
“แต่ครูครับ เวลาเข้าป่าไป ต้องเคารพกฎของป่าด้วยนะครับ มีข้อห้ามของนายพรานเวลาเข้าป่าล่าสัตว์อยู่หลายอย่าง ถ้าไม่ปฏิบัติตามมักจะมีอันตราย หลัก ๆ ก็คือ เขาห้ามยิงสัตว์ดะไปเรื่อยเพื่อความสนุก ไม่ยิงสัตว์ที่ตั้งท้องหรือมีลูกอ่อน พูดจาก็ห้ามไม่ให้พูดคำหยาบ จะถ่ายหนักถ่ายเบาต้องขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน”
“กฎของป่าแต่มนุษย์เป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเองนี่นา ครูรู้แล้วน่า เพชรไปเตรียมตัวเถอะ มะรืนนี้เราจะได้ท่องป่าให้สนุก”
ครูมานพพูดยิ้ม ๆ เขาไม่เคยเข้าป่าแบบจริงจังมาก่อน เพราะพื้นเพเป็นคนในเมือง มาบรรจุเป็นครูในโรงเรียนของหมู่บ้านติดชายป่าแบบนี้ จึงรู้สึกคึกคะนองเป็นพิเศษ เงินเดือน ๆ แรกที่ได้มา ก็เอาไปซื้อปืนยาวเพื่อใช้ล่าสัตว์ เขาหยิบปืนออกมาขัดถูราวกับมีความกระหายที่จะได้ใช้มัน เพชรไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นท่าทางของครูที่ไม่ค่อยเชื่อในกฎข้อห้ามของป่า ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เพราะมันเป็นสิ่งที่พ่อพร่ำบอกมาตลอด พรานป่าทุกคนมักยึดถือเป็นหลักประจำใจ เมื่อยามต้องเข้าป่าไปล่าสัตว์ แต่ด้วยความเกรงใจในตัวครูหนุ่ม เขาจึงกลับไปบ้าน และตระเตรียมสิ่งของหลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครู ไม่ลืมนำสร้อยห้อยล็อกเก็ตแผ่นหนังเสือไฟมาคล้องคอเอาไว้ด้วย
เมื่อถึงวันเข้าป่า เพชรก็พาครูมานพเดินทางเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น ก่อนเข้าป่าไป เพชรได้ทำพิธีข่มป่า ด้วยการไหว้เจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขา เสียก่อน เซ่นไหว้ด้วยข้าว ยาเส้น และหมากพลูที่เตรียมไป เสร็จแล้วถึงค่อยออกเดินทาง แต่เดินป่ามากว่าครึ่งวัน ก็ไม่เจอสัตว์ให้ยิงเลยสักตัว ครูมานพเริ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
“ป่าบ้าอะไรวะเนี่ย ไม่เห็นมีสัตว์สักตัว สงสัยป่ามันคงไม่น่าอยู่ สัตว์มันเลยหนีไปหมด เดินมาตั้งนานไม่เห็นแม้แต่ชะมดกระรอกสักตัว” บ่นพลางเหวี่ยงเท้าเตะไปตามพุ่มไม้ข้างทางอย่างเซ็ง ๆ เพชรมองท่าทางของครูหนุ่มแล้วเอ่ยเตือนว่า
“ก็ตอนเข้าป่ามาเราอธิษฐานขอยิงสัตว์อย่างเก้งกวาง เพื่อเอาไปทำอาหารนี่ครับครู อย่าเตะพุ่มไม้เสียงดังไปสิครับ สัตว์ได้ยินก็หายหมด มันจะกระสากลิ่นเราด้วย” เพชรแย้งเสียงอ่อน รู้ว่าครูหนุ่มกำลังหงุดหงิด จึงไม่ได้ตำหนิสิ่งที่เขาทำแรงนัก
จนมาหยุดพักที่ริมลำห้วยแห่งหนึ่ง สองฟากของลำห้วยเป็นดงไม้ตะเคียนยืนต้นสูงทะมึน ขณะนั่งพักอยู่ ครูมานพที่คันไม้คันมือ อยากจะทดสอบปืนกระบอกใหม่เป็นกำลัง แต่ผ่านไปครึ่งวันก็ยังไม่มีสัตว์ที่ต้องการจะยิง ผ่านมาให้ยิงสักตัว เขาจึงเอาเป้ากระดาษไปติดไว้ที่ต้นตะเคียนใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฟากของลำห้วย เดินกลับมาที่เดิม กระชากลูกเลื่อนแล้วประทับปืนเล็งยิง ปัง! กระสุนถากต้นไม้ไป เขาเล็งยิงเป้าอีกหลายนัด ยิงเข้าเป้าบ้าง พลาดไปบ้าง แค่นั้นยังไม่หนำใจ เขาเปลี่ยนไปเล็งยิงกิ้งก่าที่เกาะบนต้นตะเคียนใหญ่ แต่ยิงพลาดอีก ยิงไปถูกเปลือกไม้ฉีกกระจุย เมื่อยิงไม่ถูกก็หันปลายกระบอกปืนขึ้นไปบนยอดไม้ ยิงนกตัวเล็ก ๆ ที่บินผ่านไปมาเล่น เหลือบตาเห็นลิงตัวหนึ่งมีลูกอ่อนเกาะอก กำลังห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ก็ลั่นกระสุนเข้าใส่อีก ลิงตัวนั้นร้องเจี๊ยก! แล้วกระโจนโหนต้นไม้หนีไป
เพชรมองดูครูหนุ่มด้วยความไม่สบายใจ ท้วงขึ้นอีกว่า
“ครูครับกฎของป่าข้อหนึ่ง เขาห้ามยิงสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเล่น สัตว์ที่ตั้งท้องหรือมีลูกอ่อนเขาก็ห้ามไม่ให้ยิงนะครับ”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ยิงนกยิงกิ้งก่าเล่นจะเป็นไรไป เจ้าที่เขาไม่ขี้เหนียวหรอก สัตว์ในป่ามีตั้งเยอะแยะ ลิงตัวนั้นครูก็แค่ยิงเฉี่ยวมันเล่น”
(มีต่อ)
อิทธิฤทธิ์เจ้าแม่ป่าตะเคียน
ล. วิลิศมาหรา
บ้านมีกฎของบ้าน ป่าก็มีกฎของป่า ดังนั้นอย่าล้ำเส้นกัน....
ครูมานพมาบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนติดกับชายป่าใกล้เขตแดนพม่าแห่งหนึ่ง หลังเลิกจากการสอนในตอนเย็นแล้ว เพชร เด็กหนุ่มในหมู่บ้านได้มาเที่ยวหาครูหนุ่มที่บ้านพักครู เพราะมีความคุ้นเคยกันอยู่ ครูมานพจึงชักชวนให้เพชรไปเข้าป่าล่าสัตว์ในวันหยุดนี้กับตน เพราะเพชรมีพ่อเป็นนายพราน ชื่อพรานแสง แต่ได้ล้างมือจากการเป็นนายพรานไปแล้ว และบวชเป็นพระจำพรรษาอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน นัยว่าเพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลในการปฏิบัติธรรมไปให้แก่สรรพสัตว์ที่เคยล่า สมัยเป็นนายพราน
“ครูเพิ่งไปซื้อปืนยาวมากระบอกหนึ่ง อยากจะลองความแม่นของมันดู” ครูหนุ่มพูดขึ้นอย่างครึ้มใจ เพชรฟังแล้วกลับมองหน้าครู แล้วแย้งว่า
“แต่ครูครับ เวลาเข้าป่าไป ต้องเคารพกฎของป่าด้วยนะครับ มีข้อห้ามของนายพรานเวลาเข้าป่าล่าสัตว์อยู่หลายอย่าง ถ้าไม่ปฏิบัติตามมักจะมีอันตราย หลัก ๆ ก็คือ เขาห้ามยิงสัตว์ดะไปเรื่อยเพื่อความสนุก ไม่ยิงสัตว์ที่ตั้งท้องหรือมีลูกอ่อน พูดจาก็ห้ามไม่ให้พูดคำหยาบ จะถ่ายหนักถ่ายเบาต้องขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน”
“กฎของป่าแต่มนุษย์เป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเองนี่นา ครูรู้แล้วน่า เพชรไปเตรียมตัวเถอะ มะรืนนี้เราจะได้ท่องป่าให้สนุก”
ครูมานพพูดยิ้ม ๆ เขาไม่เคยเข้าป่าแบบจริงจังมาก่อน เพราะพื้นเพเป็นคนในเมือง มาบรรจุเป็นครูในโรงเรียนของหมู่บ้านติดชายป่าแบบนี้ จึงรู้สึกคึกคะนองเป็นพิเศษ เงินเดือน ๆ แรกที่ได้มา ก็เอาไปซื้อปืนยาวเพื่อใช้ล่าสัตว์ เขาหยิบปืนออกมาขัดถูราวกับมีความกระหายที่จะได้ใช้มัน เพชรไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นท่าทางของครูที่ไม่ค่อยเชื่อในกฎข้อห้ามของป่า ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เพราะมันเป็นสิ่งที่พ่อพร่ำบอกมาตลอด พรานป่าทุกคนมักยึดถือเป็นหลักประจำใจ เมื่อยามต้องเข้าป่าไปล่าสัตว์ แต่ด้วยความเกรงใจในตัวครูหนุ่ม เขาจึงกลับไปบ้าน และตระเตรียมสิ่งของหลายอย่าง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครู ไม่ลืมนำสร้อยห้อยล็อกเก็ตแผ่นหนังเสือไฟมาคล้องคอเอาไว้ด้วย
เมื่อถึงวันเข้าป่า เพชรก็พาครูมานพเดินทางเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น ก่อนเข้าป่าไป เพชรได้ทำพิธีข่มป่า ด้วยการไหว้เจ้าที่ เจ้าป่า เจ้าเขา เสียก่อน เซ่นไหว้ด้วยข้าว ยาเส้น และหมากพลูที่เตรียมไป เสร็จแล้วถึงค่อยออกเดินทาง แต่เดินป่ามากว่าครึ่งวัน ก็ไม่เจอสัตว์ให้ยิงเลยสักตัว ครูมานพเริ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
“ป่าบ้าอะไรวะเนี่ย ไม่เห็นมีสัตว์สักตัว สงสัยป่ามันคงไม่น่าอยู่ สัตว์มันเลยหนีไปหมด เดินมาตั้งนานไม่เห็นแม้แต่ชะมดกระรอกสักตัว” บ่นพลางเหวี่ยงเท้าเตะไปตามพุ่มไม้ข้างทางอย่างเซ็ง ๆ เพชรมองท่าทางของครูหนุ่มแล้วเอ่ยเตือนว่า
“ก็ตอนเข้าป่ามาเราอธิษฐานขอยิงสัตว์อย่างเก้งกวาง เพื่อเอาไปทำอาหารนี่ครับครู อย่าเตะพุ่มไม้เสียงดังไปสิครับ สัตว์ได้ยินก็หายหมด มันจะกระสากลิ่นเราด้วย” เพชรแย้งเสียงอ่อน รู้ว่าครูหนุ่มกำลังหงุดหงิด จึงไม่ได้ตำหนิสิ่งที่เขาทำแรงนัก
จนมาหยุดพักที่ริมลำห้วยแห่งหนึ่ง สองฟากของลำห้วยเป็นดงไม้ตะเคียนยืนต้นสูงทะมึน ขณะนั่งพักอยู่ ครูมานพที่คันไม้คันมือ อยากจะทดสอบปืนกระบอกใหม่เป็นกำลัง แต่ผ่านไปครึ่งวันก็ยังไม่มีสัตว์ที่ต้องการจะยิง ผ่านมาให้ยิงสักตัว เขาจึงเอาเป้ากระดาษไปติดไว้ที่ต้นตะเคียนใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฟากของลำห้วย เดินกลับมาที่เดิม กระชากลูกเลื่อนแล้วประทับปืนเล็งยิง ปัง! กระสุนถากต้นไม้ไป เขาเล็งยิงเป้าอีกหลายนัด ยิงเข้าเป้าบ้าง พลาดไปบ้าง แค่นั้นยังไม่หนำใจ เขาเปลี่ยนไปเล็งยิงกิ้งก่าที่เกาะบนต้นตะเคียนใหญ่ แต่ยิงพลาดอีก ยิงไปถูกเปลือกไม้ฉีกกระจุย เมื่อยิงไม่ถูกก็หันปลายกระบอกปืนขึ้นไปบนยอดไม้ ยิงนกตัวเล็ก ๆ ที่บินผ่านไปมาเล่น เหลือบตาเห็นลิงตัวหนึ่งมีลูกอ่อนเกาะอก กำลังห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ก็ลั่นกระสุนเข้าใส่อีก ลิงตัวนั้นร้องเจี๊ยก! แล้วกระโจนโหนต้นไม้หนีไป
เพชรมองดูครูหนุ่มด้วยความไม่สบายใจ ท้วงขึ้นอีกว่า
“ครูครับกฎของป่าข้อหนึ่ง เขาห้ามยิงสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเล่น สัตว์ที่ตั้งท้องหรือมีลูกอ่อนเขาก็ห้ามไม่ให้ยิงนะครับ”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ยิงนกยิงกิ้งก่าเล่นจะเป็นไรไป เจ้าที่เขาไม่ขี้เหนียวหรอก สัตว์ในป่ามีตั้งเยอะแยะ ลิงตัวนั้นครูก็แค่ยิงเฉี่ยวมันเล่น”
(มีต่อ)