เข้าป่าเพื่อเที่ยวป่า ระวังอย่างยิงสัตว์สุ่มสี่สุ่มห้า โดยเฉพาะยิงสัตว์เล่นเพื่อความสนุกสนาน ทุกชีวิตต่างรักชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อสัตว์ตัวนั้นไม่ใข่แค่สัตว์ธรรมดา
หุ่นอาถรรพ์ของคนมีวิชา บางครั้งก็สร้างขึ้นมาเพื่อตาต่อตาฟันต่อฟัน
แมวดำพยาบาท
ล. วิลิศมาหรา
พวกเราลงจากรถมานั่งกินข้าวกันที่ในเพิง พร้อมดื่มเหล้าสรวลเสเฮฮากันเป็นที่ครึกครื้น หน้าแดงก่ำกันทุกคน ความสุขชนิดนี้หาไม่ได้จากในเมือง จวบจนแสงสว่างลำสุดท้ายหายลับไปจากขอบฟ้า อากาศเริ่มเย็นลง ความมืดคืบคลานเข้ามาแทนที่ เสียงของยามราตรีดังเซ็งแซ่อยู่รอบตัว เราอิ่มแปล้กันทุกคน ก็ได้เวลาออกไปส่องไฟล่าสัตว์
“ส่องไฟไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวคงเจอเก้งให้ยิงกันสักตัว”
ธวัชบอก ผมคว้าไรเฟิลของตัวเองขึ้นนั่งประจำที่ ชาญชัยขึ้นรถตามมา แล้วธวัชก็เคลื่อนรถออกไป
“ป่าเดี๋ยวนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน ดูสิ โดนทำลายลงมากจนกลายเป็นป่าซาก สัตว์ป่าก็พากันหายไปหมด ถ้าไม่ได้เก้ง ได้ชะมดหรือกระต่ายสักตัวก็ยังดี”
ชาญชัยเปรยขึ้นมา
“เฮ้ย! เข้าป่ามาทั้งที อย่างน้อย ๆ ต้องได้ยิงสัตว์ใหญ่บ้างสิ อย่างเก้งหรือหมูป่าเอามาผัดเผ็ดกิน จะมายิงแค่ชะมดกับอีเห็นมันไม่สมศักดิ์ศรี” ธวัชบ่นมาจากหลังพวงมาลัย
ผมเองไม่ได้ว่าอะไร แค่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศของพงไพร ได้นั่งกินข้าวกลางแสงไฟวอมแวม มีลมเย็น ๆ พัดมาพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
ชาญชัยทำหน้าที่ส่องไฟ มีเรมิงตันใส่ลูกปรายเป็นอาวุธ ลูกซองห้านัดของธวัชวางอยู่ข้างตัว เขาขับรถไปช้า ๆ ขณะชาญชัยส่องสปอร์ตไล้ท์กราดไปมา ลมเย็นพัดมาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่น ผมมองไปทางหน้ารถ แสงไฟหน้ารถส่องกระทบต้นไม้ยืนทะมึนอยู่สองข้างทาง บางครั้งต้องก้มหัวหลบกิ่งไม้ที่ระลงมาจนจะโดนหัวเรา
ขับรถมาเป็นระยะทางพอประมาณ ธวัชก็บ่นอีก เมื่อไม่ได้ยิงสัตว์อะไรเลยแม้แต่ตัวเดียว
“คืนนี้มันเป็นไงวะ ป่าถึงได้เงียบยังกะป่าช้า”
“ไอ้บ้าวัช!” ชาญชัยหันมาด่าคนขับทันที
“พูดจาไม่ระวังปาก เดี๋ยวก็โดนดีเข้าให้หรอก” เขาบ่นเพื่อนที่พูดไม่ระวังปาก ตอนเข้าป่ามา พรานป่าเขาถือกันมาก ไม่ให้พูดถึงสิ่งที่เป็นลาง ธวัชเงียบเสียงลง แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เสียงเก้ง!” ชาญชัยทำตาโต พวกเราล้วนได้ยินกันทุกคน มันเป็นเสียงร้องกะโป้ก ๆ ของเก้ง
ธวัชเร่งเครื่องรถตามเสียงมันไปทันที แต่พอขับรถเข้าไปใกล้ เสียงร้องของมันก็ห่างออกไป พอขับตามไป เสียงร้องก็ห่างออกไปอีก เหมือนมันมาล้อเล่นกับพวกเรา
“อุบ๊ะ! เสียงหายไปไหนแล้ว ลงรถตามไปยิงมันดีไหมวะ”
ธวัชหยุดรถแล้วหันมาถามพรรคพวก
“ลองตามไปก็ดีเหมือนกัน คืนนี้กูต้องได้ยิงสัตว์สักตัวให้ได้”
ชาญชัยเอาด้วย ผมพยักหน้า มาถึงในป่ากันแล้วจะกลับไปมือเปล่าก็ใช่ที่ กระต่ายสักตัวก็ยังดี จากนั้นพวกเราจึงลงรถไปพร้อมกับอาวุธ ธวัชถือไฟฉายนำหน้า พาเราไปทางเสียงร้องของเก้ง ผมอดหันมองไปรอบตัวอย่างหวาดเสียวไม่ได้ รอบข้างมีแต่ความมืดมิด เราเดินมาจนจะถึงลำห้วยเส้นที่ว่า เสียงร้องของเก้งก็หายไปโดยสิ้นเชิง มีแต่เสียงนกแสกบินผ่านหัวเราไป มันกรีดเสียงร้องบาดหัวใจคนฟัง กับเสียงอึ่งอ่างร้องกันงึมงำ เหมือนเสียงคนแก่
ผมเพ่งสายตามองไปตามแสงไฟฉาย เห็นดวงตาแวววาวของสัตว์ตัวหนึ่ง ชาญชัยไม่รอช้า เล็งปืนยิงอย่างคันมือเต็มที
เปรี้ยง!
พวกของคุณผมทั้งสามไปเจอกับอะไรในป่าซาก ตามไปดูพวกเขาได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
https://youtu.be/b-Kw-sggUiY
เรื่องที่สองเป็นเรื่องหุ่นพยนต์ที่รีไร้ท์ใหม่เพื่ออ่านลงยูทูปโดยเฉพาะค่ะ
แมวดำพยาบาท+หุ่นผีอาฆาต
หุ่นอาถรรพ์ของคนมีวิชา บางครั้งก็สร้างขึ้นมาเพื่อตาต่อตาฟันต่อฟัน
ล. วิลิศมาหรา
พวกเราลงจากรถมานั่งกินข้าวกันที่ในเพิง พร้อมดื่มเหล้าสรวลเสเฮฮากันเป็นที่ครึกครื้น หน้าแดงก่ำกันทุกคน ความสุขชนิดนี้หาไม่ได้จากในเมือง จวบจนแสงสว่างลำสุดท้ายหายลับไปจากขอบฟ้า อากาศเริ่มเย็นลง ความมืดคืบคลานเข้ามาแทนที่ เสียงของยามราตรีดังเซ็งแซ่อยู่รอบตัว เราอิ่มแปล้กันทุกคน ก็ได้เวลาออกไปส่องไฟล่าสัตว์
“ส่องไฟไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวคงเจอเก้งให้ยิงกันสักตัว”
ธวัชบอก ผมคว้าไรเฟิลของตัวเองขึ้นนั่งประจำที่ ชาญชัยขึ้นรถตามมา แล้วธวัชก็เคลื่อนรถออกไป
“ป่าเดี๋ยวนี้ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน ดูสิ โดนทำลายลงมากจนกลายเป็นป่าซาก สัตว์ป่าก็พากันหายไปหมด ถ้าไม่ได้เก้ง ได้ชะมดหรือกระต่ายสักตัวก็ยังดี”
ชาญชัยเปรยขึ้นมา
“เฮ้ย! เข้าป่ามาทั้งที อย่างน้อย ๆ ต้องได้ยิงสัตว์ใหญ่บ้างสิ อย่างเก้งหรือหมูป่าเอามาผัดเผ็ดกิน จะมายิงแค่ชะมดกับอีเห็นมันไม่สมศักดิ์ศรี” ธวัชบ่นมาจากหลังพวงมาลัย
ผมเองไม่ได้ว่าอะไร แค่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศของพงไพร ได้นั่งกินข้าวกลางแสงไฟวอมแวม มีลมเย็น ๆ พัดมาพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
ชาญชัยทำหน้าที่ส่องไฟ มีเรมิงตันใส่ลูกปรายเป็นอาวุธ ลูกซองห้านัดของธวัชวางอยู่ข้างตัว เขาขับรถไปช้า ๆ ขณะชาญชัยส่องสปอร์ตไล้ท์กราดไปมา ลมเย็นพัดมาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่น ผมมองไปทางหน้ารถ แสงไฟหน้ารถส่องกระทบต้นไม้ยืนทะมึนอยู่สองข้างทาง บางครั้งต้องก้มหัวหลบกิ่งไม้ที่ระลงมาจนจะโดนหัวเรา
ขับรถมาเป็นระยะทางพอประมาณ ธวัชก็บ่นอีก เมื่อไม่ได้ยิงสัตว์อะไรเลยแม้แต่ตัวเดียว
“คืนนี้มันเป็นไงวะ ป่าถึงได้เงียบยังกะป่าช้า”
“ไอ้บ้าวัช!” ชาญชัยหันมาด่าคนขับทันที
“พูดจาไม่ระวังปาก เดี๋ยวก็โดนดีเข้าให้หรอก” เขาบ่นเพื่อนที่พูดไม่ระวังปาก ตอนเข้าป่ามา พรานป่าเขาถือกันมาก ไม่ให้พูดถึงสิ่งที่เป็นลาง ธวัชเงียบเสียงลง แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เสียงเก้ง!” ชาญชัยทำตาโต พวกเราล้วนได้ยินกันทุกคน มันเป็นเสียงร้องกะโป้ก ๆ ของเก้ง
ธวัชเร่งเครื่องรถตามเสียงมันไปทันที แต่พอขับรถเข้าไปใกล้ เสียงร้องของมันก็ห่างออกไป พอขับตามไป เสียงร้องก็ห่างออกไปอีก เหมือนมันมาล้อเล่นกับพวกเรา
“อุบ๊ะ! เสียงหายไปไหนแล้ว ลงรถตามไปยิงมันดีไหมวะ”
ธวัชหยุดรถแล้วหันมาถามพรรคพวก
“ลองตามไปก็ดีเหมือนกัน คืนนี้กูต้องได้ยิงสัตว์สักตัวให้ได้”
ชาญชัยเอาด้วย ผมพยักหน้า มาถึงในป่ากันแล้วจะกลับไปมือเปล่าก็ใช่ที่ กระต่ายสักตัวก็ยังดี จากนั้นพวกเราจึงลงรถไปพร้อมกับอาวุธ ธวัชถือไฟฉายนำหน้า พาเราไปทางเสียงร้องของเก้ง ผมอดหันมองไปรอบตัวอย่างหวาดเสียวไม่ได้ รอบข้างมีแต่ความมืดมิด เราเดินมาจนจะถึงลำห้วยเส้นที่ว่า เสียงร้องของเก้งก็หายไปโดยสิ้นเชิง มีแต่เสียงนกแสกบินผ่านหัวเราไป มันกรีดเสียงร้องบาดหัวใจคนฟัง กับเสียงอึ่งอ่างร้องกันงึมงำ เหมือนเสียงคนแก่
ผมเพ่งสายตามองไปตามแสงไฟฉาย เห็นดวงตาแวววาวของสัตว์ตัวหนึ่ง ชาญชัยไม่รอช้า เล็งปืนยิงอย่างคันมือเต็มที
เปรี้ยง!
พวกของคุณผมทั้งสามไปเจอกับอะไรในป่าซาก ตามไปดูพวกเขาได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/b-Kw-sggUiY
เรื่องที่สองเป็นเรื่องหุ่นพยนต์ที่รีไร้ท์ใหม่เพื่ออ่านลงยูทูปโดยเฉพาะค่ะ