...เล่าเรื่องเมืองผู้ดี: “ 11 ปีบริหารประเทศโดยไม่มีรัฐสภา ” ลงเอยด้วย??..../วชรน

กระทู้คำถาม
อังกฤษในยุคที่กำลังสร้างปึกแผ่นระบอบประชาธิปไตย   ซึ่งว่าจะตอกหมุดประชาธิปไตยแล้วหยั่งรากมาถึงปัจจุบัน   ต้องอยู่ในภาวะล้มลุกคลุกคลาน  เลือดนองแผ่นดิน  สงครามกลางเมือง ฯลฯ  กินเวลาหลายร้อยปี    หนึ่งในเหตุการณ์ที่กล่าวขวัญกันมากที่สุดที่พลิกประวัติศาสตร์อังกฤษก็คือ   การต่อสู้แย่งอำนาจกันระหว่าง “รัฐสภา” กับ “สถาบัน” ในยุคของพระเจ้าชาร์ลที่๑     

พระเจ้าชาร์ล์ในวัยเด็กเป็นคนพูดติดอ่างและสุขภาพไม่ดีจึงมีปมด้อยชอบเก็บตัว  พระองค์ไม่ได้คิดว่าจะได้ขึ้นครองราชย์   ความจริงการขึ้นครองราชย์ของพระบิดาของพระองค์ถือว่าเป็น “ส้มหล่น”   จากการที่พระนางอลิซาเบธที่๑ไม่ได้แต่งงาน   ตระกูลของพระเจ้าชาร์ลส่วนใหญ่ก็อยู่สายของราชวงศ์ทางเหนือคือสก็อตแลนด์   แต่พระนางอลิซาเบธได้มอบบัลลังก์ให้กับพระเจ้าเจมส์ (บิดาของพระเจ้าชาร์ลที่๑) ก่อนสวรรคต   ตัวพระเจ้าชาร์ลที่๑ ก็มีพระเชษฐาซึ่งสุขภาพดีกว่าเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้ว   ต่อมาพระเชษฐาสิ้นพระชนม์  ตำแหน่งรัชทายาทจึงตกมาที่พระองค์อย่างไม่ได้ตั้งตัว     


พระเจ้าชาร์ลที่๑ ครองราชย์ต่อจากราชบิดาในขณะที่เงินในท้องพระคลังแทบจะไม่เหลือ   พระองค์จึงทรงพยายามที่จะเก็บภาษีแบบโหด   จนชาวเมืองผู้ดีโอดครวญทั่วหย่อมหญ้า   นอกเหนือจากนั้น “คนใกล้ชิด” ของพระองค์คือเอิร์ลแห่ง “บัคกิงแฮม” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าบักกิ้งแฮมเป็น “สายล่อฟ้า”  ซึ่งนำมาซึ่งจุดจบของพระองค์และทั้งตัวบักกิงแฮมด้วย


เอิร์ลแห่งบักกิ้งแฮมท่านนี้เป็นข้าราชบริพารอัศวินเก่าในยุคของพระบิดาของพระเจ้าชาร์ลที่๑ เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของพระบิดา (ที่ลือกันว่าเป็นทั้งคู่รักด้วย)    พระเจ้าชาร์ลที่๑  ทรงไว้พระทัยและปกป้องบักกิ้งแฮมอัศวินคู่ใจคนนี้มาก    ขนาดถึงว่าพระองค์ทรงจะไปสู่ขอเจ้าหญิงจากสเปนมาเป็นมเหสีแต่ก็ล้มเหลว   สาเหตุหลักก็เพราะว่าราชสำนักสเปนไม่พอใจท่าทีที่หยาบกระด้างของบักกิ้งแฮมอัศวินคู่ใจพระเจ้าชาร์ลที่๑    ถึงกับว่ามีการขอจากสเปนอย่างเป็นทางการว่าให้ประหารชีวิตบักกิ้งแฮมเสีย   แต่พระเจ้าชาร์ลที่๑ ไม่สน  แถมต่อมาก็ประกาศสงครามกับสเปนซะเลย  โดยให้บักกิ้งแฮมนั่นแหละเป็นผู้นำทัพ   แต่ก็พ่ายแพ้กลับมาอย่างอดสู


การพ่ายแพ้สงครามต่อสเปน  ทำให้คณะรัฐสภาที่ไม่ชอบขี้หน้าบักกิ้งแฺฮมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเข้ามาไต่สวนเพราะเงินที่รัฐสภาอนุมัติให้ไปทำสงครามนั้นไม่ใช่น้อยๆ  แต่พระเจ้าชาร์ลที่๑ ก็ปกป้องบักกิ้งแฮม  มิหนำซ้ำจับผู้แทนรัฐสภาเข้าคุกไปสองคน   ความบาดหมางระหว่าง “รัฐสภา” กับ “ กษัตริย์” เริ่มก่อตัวขึ้น   และต่อมาบักกิ้งแฮมต้องการทำสงครามอีก   คราวนี้รัฐสภาไม่อนุมัติเงินอุดหนุน   ส่วนตัวพระเจ้าชาร์ลที่๑ เองก็ต้องการเงินใช้จ่ายด้านอื่นด้วย   เมื่อรัฐสภายืนยันว่ายังไม่สามารถอนุมัติได้   พระเจ้าชาร์ลที่๑ ก็ใช้พระราชอำนาจยุบรัฐสภาให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย!!   ยุบไปนานถึง11ปี   


ภาวะการเงินของราชสำนักอังกฤษตอนนั้นถือว่าล้มละลายทีเดียว   ธนาคารในลอนดอนไม่อนุมัติให้พระเจ้าชาร์ลที่๑ ยืมเงิน  บริษัทอีสอินเดียที่ทำการค้าระหว่างอังกฤษกับเอเชียที่มีเงินมากมายก็ปฏิเสธที่จะให้เงินพระเจ้าชาร์ลที่๑   สุดท้ายพระองค์ก็หันมาขูดรีดเอากับประชาชนของพระองค์   นำกฏหมายเก่าเกี่ยวกับเก็บภาษีมาใช้ (พระองค์ออกกฏหมายเองไม่ได้เพราะรัฐสภาถูกยุบไปแล้ว  จึงไม่มีการประชุมรัฐสภาเพื่อออกและตรากฏหมาย)   บักกิ้งแฮมอัศวินคู่ใจก็ทำการรบแพ้กลับมาอีก   แล้วสุดท้ายบักกิ้งแฮมก็ถูกลอบสังหาร  พระเจ้าชาร์ลที่๑ เสียใจร้องไห้เก็บตัวในห้องบรรทมถึงสองวัน


ในระหว่าง 11 ปีที่รัฐสภาถูกยุบไปนั้นประวัติศาสตร์อังกฤษเรียกช่วงนั้นว่า  11 years’ tyranny  หรือบางทีก็เรียกว่า Personal rule    ส่วนอดีตสมาชิกรัฐสภาก็รวมตัวกันพยายามสร้างอำนาจเพื่อคานพระเจ้าชาร์ลที่๑   ตามมุมเมืองต่างๆ  ที่นำโดยนายพลโอลิเวอร์  ครอมพ์เวลส์    มีตั้งกองกำลังทหารขึ้นเป็นของตัวเอง   กล่าวกันว่านี้คือจุดกำเนิดของ “กองทหารราบ” ครั้งแรก  ที่มีการว่าจ้างทหารเข้ามาประจำการแบบเป็นอาชีพ    ส่วนทหารของพระเจ้าชาร์ลที่๑ ก็เรียกว่ากลุ่มรอยัลลิสต์ (หรือโปรเจ้า)  ถึงจุดนี้ “สงครามการเมือง” ระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภาจึงต้องเกิดอย่างเลี่ยงไม่ได้


พระเจ้าชาร์ลที่๑ พ่ายแพ้ต่อกองกำลังของนายพลโอลิเวอร์   และพยายามหลบหนีจากการช่วยเหลือของบาทหลวงขึ้นเหนือไปสก็อตแลนด์ (พระองค์ประสูติที่นั่น) หวังจะสก็อตแลนด์ให้ช่วยภายหลัง  แต่พระองค์ถูกทหารสก็อตแลนด์จับเป็นตัวประกันแล้วเรียกค่าไถ่จากรัฐบาลอังกฤษเป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งแสนปอนด์   ต่อมา   พระองค์ก็ถูกสมาชิกรัฐสภาตัดสินประหารชีวิตฐานทรราชย์!!   เป็นที่น่าสังเกตุว่าคณะสมาชิกรัฐสภาที่เข้าร่วมตัดสินในวันนั้นมีเพียง 68 คน   แทนที่จะเป็น 130 กว่าๆ …...


ต่อมา....โอรสของพระเจ้าชาร์ลที่๑ คือพระเจ้าชาร์ลที่๒ ทวงบัลลังก์คืน   พระองค์ก็ตามไล่ล่าหาตัวสมาชิกรัฐสภาที่ตัดสินประหารพระราชบิดาของพระองค์มาชำระเพื่อแก้แค้น    ไม่เว้นแม้กระทั่งต้องขุดศพคนที่ตายไปแล้วมาตัดคอเป็นการแก้แค้นแทนพระราชบิดา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่