อังกฤษก่อนที่จะมาสู่จุด “แม่แบบประชาธิปไตย” ก็เคยล้มลุกคลุกคลาน บาดเจ็บและล้มตายเลือดนองแผ่นดินมาหลายร้อยปี เมื่อไม่นานมานี้ผมเคยเขียนกระทู้เรื่อง “กว่าจะมาถึงจุดนี้” เรื่องราวประวัติความเป็นมาของระบบรัฐสภาของอังกฤษไว้ที่กระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38084670 โดยคร่าวๆ
แม้ปีคศ.1215 พระเจ้าจอห์นได้ยอมลงพระนามาภิไธยยอมลดอำนาจกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้กฏบัตร “แมคนาคาตาร์” แต่สถานะของกษัตริย์ยังคงมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ถัดมาหลายร้อยปีในยุคพระเจ้าชาร์ลที่๑ พระองค์ทรงใช้อำนาจของพระองค์พยายามลดบทบาทรัฐสภา จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง และท้ายที่สุดตัวพระเจ้าชาร์ลที่๑เองก็ถูกคณะรัฐสภาตัดสินประหารชีวิต นั่นเป็นการขยับสถานะและอำนาจของ “รัฐสภา” ให้เด่นขึ้น หัวหน้าคณะปฏิวัติคือนายพลโอลิเวอร์ขึ้นปกครองแทนโดยเรียกตัวเองว่า "ผู้พิทักษ์" แทนที่จะสถาปนาตัวเองเป็นพระมหากษัตริย์
หลายสิบปีต่อมา...ลูกของพระเจ้าชาร์ลกลับมาทวงบัลลังก์คืนได้และพยายามจะฟื้นฟูระบบของกษัตริย์ให้มีอำนาจเหนือรัฐสภา จนทำให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่งไม่พอใจ แล้วร่างจดหมายเชิญเจ้าชายวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ประเทศฮอลแลนด์นำทหารมาปฏิบัติพระเจ้าเจมส์แห่งอังกฤษ(ซึ่งเป็นพ่อตาของเจ้าชายวิลเลี่ยมนั่นเอง) การนำทหารจากฮอลแลนด์ขึ้นเกาะอังกฤษแล้วทำการปฏิวัติพระเจ้าเจมส์ของเจ้าชายวิลเลี่ยมครั้งนั้น นักประวัติศาสตร์อังกฤษเห็นตรงกันและเรียกการปฏิวัติว่า “การเปลี่ยนแปลงอันรุ่งโรจน์” The glorious revolution (อันนี้ผมแปลเอาเองนะครับ)หลังจากงัดพ่อตาออกจากบัลลังก์ได้แล้ว รัฐสภาอังกฤษก็สถาปนาพระองค์และพระมเหสีของพระองค์ให้ปกครองอังกฤษร่วมกันในนามพระเจ้าวิลเลี่ยมที่๓ และพระนางแมรี่ที่๒ พระองค์ทั้งสองได้ให้คำปฏิญาณต่อหน้าคณะรัฐสภาว่า การตัดสินใดๆ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐสภาก่อน นั่นแหละ....เป็นการตอกเสาหลักของอำนาจที่แท้จริงของรัฐสภา ภาพที่พระเจ้าวิลเลี่ยมที่๓ และพระนางแมรี่ที่๒ ให้คำปฏิญาณ กลายเป็นภาพที่ใช้ประดับในตึกรัฐสภาอังกฤษจำนวนมาก
ความเห็นต่อไป ผมจะเล่ารายละเอียดว่าทำไมรัฐสภาอังกฤษจึงเขียนจดหมายไปเชิญเจ้าชายนักรบแห่งฮอลแลนด์มาทำการปฏิบัติกษัตริย์ของตนเอง
ประวัติศาสตร์อังกฤษ...เมื่อนักรบ/นักปฏิวัติ/นักประชาธิปไตยตกม้าตาย(จริงๆ).../วชรน.
แม้ปีคศ.1215 พระเจ้าจอห์นได้ยอมลงพระนามาภิไธยยอมลดอำนาจกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้กฏบัตร “แมคนาคาตาร์” แต่สถานะของกษัตริย์ยังคงมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ถัดมาหลายร้อยปีในยุคพระเจ้าชาร์ลที่๑ พระองค์ทรงใช้อำนาจของพระองค์พยายามลดบทบาทรัฐสภา จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง และท้ายที่สุดตัวพระเจ้าชาร์ลที่๑เองก็ถูกคณะรัฐสภาตัดสินประหารชีวิต นั่นเป็นการขยับสถานะและอำนาจของ “รัฐสภา” ให้เด่นขึ้น หัวหน้าคณะปฏิวัติคือนายพลโอลิเวอร์ขึ้นปกครองแทนโดยเรียกตัวเองว่า "ผู้พิทักษ์" แทนที่จะสถาปนาตัวเองเป็นพระมหากษัตริย์
หลายสิบปีต่อมา...ลูกของพระเจ้าชาร์ลกลับมาทวงบัลลังก์คืนได้และพยายามจะฟื้นฟูระบบของกษัตริย์ให้มีอำนาจเหนือรัฐสภา จนทำให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่งไม่พอใจ แล้วร่างจดหมายเชิญเจ้าชายวิลเลี่ยมแห่งออเรนจ์ประเทศฮอลแลนด์นำทหารมาปฏิบัติพระเจ้าเจมส์แห่งอังกฤษ(ซึ่งเป็นพ่อตาของเจ้าชายวิลเลี่ยมนั่นเอง) การนำทหารจากฮอลแลนด์ขึ้นเกาะอังกฤษแล้วทำการปฏิวัติพระเจ้าเจมส์ของเจ้าชายวิลเลี่ยมครั้งนั้น นักประวัติศาสตร์อังกฤษเห็นตรงกันและเรียกการปฏิวัติว่า “การเปลี่ยนแปลงอันรุ่งโรจน์” The glorious revolution (อันนี้ผมแปลเอาเองนะครับ)หลังจากงัดพ่อตาออกจากบัลลังก์ได้แล้ว รัฐสภาอังกฤษก็สถาปนาพระองค์และพระมเหสีของพระองค์ให้ปกครองอังกฤษร่วมกันในนามพระเจ้าวิลเลี่ยมที่๓ และพระนางแมรี่ที่๒ พระองค์ทั้งสองได้ให้คำปฏิญาณต่อหน้าคณะรัฐสภาว่า การตัดสินใดๆ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐสภาก่อน นั่นแหละ....เป็นการตอกเสาหลักของอำนาจที่แท้จริงของรัฐสภา ภาพที่พระเจ้าวิลเลี่ยมที่๓ และพระนางแมรี่ที่๒ ให้คำปฏิญาณ กลายเป็นภาพที่ใช้ประดับในตึกรัฐสภาอังกฤษจำนวนมาก
ความเห็นต่อไป ผมจะเล่ารายละเอียดว่าทำไมรัฐสภาอังกฤษจึงเขียนจดหมายไปเชิญเจ้าชายนักรบแห่งฮอลแลนด์มาทำการปฏิบัติกษัตริย์ของตนเอง