กว่าจะมาเป็น “แม่แบบประชาธิปไตย” อย่างประเทศอังกฤษได้ บางช่วงบนเส้นทางอันยาวไกลเส้นนี้โชกไปด้วยเลือดของประชาชน นักบวช ทหาร หรือแม้แต่พระราชาเอง สองวันทีผ่านมา...ผมเขียนจุดเปลี่ยนของอังกฤษจุดใหญ่ที่ทำให้พระเจ้าจอห์นแห่งราชวงศ์แพลนเทนจาเน็ทลงพระนามในกฏบัตรแม็กนาคาตาร์ในการลดอำนาจกษัตริย์ลง และนั่นถือว่าเป็น “หมุดประชาธิปไตย” หมุดแรกในประวัติศาสตร์อังกฤษ (แม้ในรัชสมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้จะมีการพูดถึงรัฐสภาอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างและหลักฐาน) และต่อมามีการก่อตั้งคณะรัฐสภาขึ้น กระนั้น อำนาจหลักๆ ยังอยู่ในราชสำนักและเหล่านักบวช
“หมุดประชาธิปไปตย” หมุดที่สองในประวัติศาสตร์อังกฤษเกิดขึ้นอีก400ปีถัดมาหลังจาก “กฏบัตรแม็กนาคาตาร์” เมื่อนายพลทหารชื่อดังที่โลกรู้จักดี
โอลิเวอร์ ครอมเวล (Oliver Cromwell) ทำรัฐประหารล้มระบบกษัตริย์และล้มระบบรัฐสภา แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “ผู้พิทักษ์”(Lord protector) จะเรียกว่าเป็นการปกครองแบบสาธารณรัฐก็เห็นจะได้โดยมีไอร์แลนด์ และสก็อตแลนด์ อยู่ในอาณัติ
โอลิเวอร์ ครอมเวล เกิดในตระกูลผู้ดีตกยากใกล้เมืองเครมบริดจ์ หลังจากพ่อเสียเขาก็รับภาระทางครอบครัวอันหนักอึ้ง เขาเป็นคนเคร่งศาสนาและนั่นช่วยให้เขาได้โยงใยเข้าสู่การเมือง เริ่มจากการเมืองท้องถิ่นบ้านเกิด แล้วเข้าสู่รัฐสภาเวสมินเตอร์กลางใจกรุงลอนดอน แต่เขาได้เป็นผู้แทนในรัฐสภาไม่กี่สัปดาห์
พระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งก็ใช้พระราชอำนาจล้มเลิกระบบรัฐสภา แล้วนำทัพอังกฤษทำสงครามกับสก็อตแลนด์ ทำให้อังกฤษไม่มีระบบรัฐสภาไปถึง11ปี ก็ต่อเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ตระหนักถึงความสำคัญและอำนาจของรัฐสภาในการออกกฏหมายหรืออนุมัติในบางเรื่อง พระองค์จึงจำใจให้มีการนำระบบรัฐสภาเข้ามาอีก และโอลิเวอร์ ก็ได้กลับมาเป็นผู้แทนอีก ตอนนี้ “รอยปริ” ระหว่างรัฐสภากับราชสำนักเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง โอลิเวอร์ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นทหาร(ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการรบเลย)
สถานะทางทหารของโอลิเวอร์ยามนั้นโดดเด่นกว่าสถานะผู้แทน และสุดท้ายวันหนึ่งขณะที่เขานั่งฟังการอภิปรายอยู่ เขาตัดสินใจนำกำลังทหารกรูเข้ารัฐสภาและยึดอำนาจในรัฐสภาทันที ด้วยว่าเขาเป็นคนเครื่องศาสนามาก ทีแรกเขาตั้งใจจะให้เหล่าบาทหลวงทำหน้าที่เป็นสส. แทนเรียกว่า Saint Parliaments แต่ก็ไปไม่รอด เขาจึงรวบอำนาจมาไว้ในมือเองประกาศตนเป็น
“ผู้พิทักษ์”(Lord Protector) ซึ่งเป็นสามัญชนคนแรกและคนเดียวที่ก้าวขึ้นอำนาจสูงในระบบการปกครองที่ยาวนานของอังกฤษ
แน่นอนว่า ก่อนการประกาศตนเป็นผู้พิทักษ์....เขาและผุ้สนับสนุนได้นำพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งซึ่งตอนนั้นเสด็จลี้ภัยไปอยู่ทีเกาะไอร์อ๊อฟไวท์ทางตอนใต้ของอังกฤษมาพิพากษาที่ลอนดอน คณะลูกขุนซึ่งมีโอลิเวอร์รวมอยู่ด้วยได้ตัดสินประหารชีวิตพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งโดยไม่มีฏีกาไม่มีอุธรณ์ ด้วยขัติยะมานะกษัตริย์ พระเจ้าชาร์ลส์ทรงตรัสบริภาษคณะลูกขุนเหล่านั้นว่าไม่มีอำนาจอะไรจะทำเช่นนั้น แล้วทรงใช้ไม้กระทุ้งใส่หน้าอกลูกขุนคนหนึ่งอย่างแรง จนโลหะที่ติดอยู่หัวไม้เท้านั้นหล่นลงพื้น ทุกคนรวมทั้งข้าราชบริพารในที่นั้น มองหัวโลหะนั้นกลิ้งลงพื้นอย่างไม่แยแส.....ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ใครต่อใครก็ต้องกุลีกุจอก้มลงไปเก็บทูลถวายให้พระองค์ ณ นาทีนั้น พระองค์ตระหนักว่าอำนาจของพระองค์สิ้นสุดลงไปแล้ว จึงยอมรับชะตากรรม.......และพระองค์ถูกนำมาลานประหารในสองสัปดาห์ต่อมาคือวันที่ 30 /01/1649 ซึ่งน่าจะตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ของอุยธยา
เรื่องยังไม่จบแค่นี้!! ในระหว่างที่ความวุ่นวายเกิดขึ้นนั้น พระราชโอรสของพระเจ้าชาร์ล์ส์ที่หนึ่งก็ได้เสด็จหนีภัยไปเนเธอแลนด์ หลังจากโอลิเวอร์ตายไป(โรคไตและพิษไข้มาลาเรีย) ศพของโอลิเวอร์ถูกฝังในไว้ในบริเวณตึกรัฐสภาเวสมินเตอร์ ลูกชายของเขาสืบอำนาจเป็น “ผู้พิทักษ์” ต่อ แต่ก็อ่อนแอ ทำให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่สองราชโอรสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งกลับมาปราบและรื้อฟื้นระบบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ และด้วยความแค้นที่มีต่อโอลิเวอร์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่สองสั่งให้ทหารไปขุดร่างของโอลิเวอร์ขึ้นมาพิพากษาประหารชีวิต โดยนำศพนั้นไปแขวน แล้วนำลงมาตัดประจาน!!
หมุดที่ชี้จุดที่ฝังศพของศพของโอลิเวอร์ ครอมเวล
credit: http://www.traveldarkly.com/oliver-cromwell-charles-i-london-execution-sites/
หากเอ่ยถึงนักรบ นักการเมืองระดับโลกชื่อของโอลิเวอร์ ครอมเวล ย่อมจะปรากฏอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน จากสามัญชนคนธรรมดาที่เป็นชาวนา(Farmer) แล้วก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยาก เขาจะไม่ยิ่งใหญ่เท่า “จูหยวนจาง” ที่ไต่เต้าจากสามัญชนขึ้นสถาปนาเป็นปฐมจักรพรรดิ์แห่งราชวงหมิงก็ตาม แต่เขาคือหนึ่งผู้ที่สร้างสีสันและจุดประกายให้กับระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษ
หัวนี้เชื่อว่าเป็นหัวจริงของโอลิเวอร์ ครอมเวล
credit: http://www.traveldarkly.com/oliver-cromwell-charles-i-london-execution-sites/
....ขุดศพขึ้นมาพิพากษา ตัดสินแขวนคอแล้วตัดหัวประจาน....เส้นทางประชาธิปไตยในอังกฤษ.../วัชรานนท์
“หมุดประชาธิปไปตย” หมุดที่สองในประวัติศาสตร์อังกฤษเกิดขึ้นอีก400ปีถัดมาหลังจาก “กฏบัตรแม็กนาคาตาร์” เมื่อนายพลทหารชื่อดังที่โลกรู้จักดี โอลิเวอร์ ครอมเวล (Oliver Cromwell) ทำรัฐประหารล้มระบบกษัตริย์และล้มระบบรัฐสภา แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “ผู้พิทักษ์”(Lord protector) จะเรียกว่าเป็นการปกครองแบบสาธารณรัฐก็เห็นจะได้โดยมีไอร์แลนด์ และสก็อตแลนด์ อยู่ในอาณัติ
โอลิเวอร์ ครอมเวล เกิดในตระกูลผู้ดีตกยากใกล้เมืองเครมบริดจ์ หลังจากพ่อเสียเขาก็รับภาระทางครอบครัวอันหนักอึ้ง เขาเป็นคนเคร่งศาสนาและนั่นช่วยให้เขาได้โยงใยเข้าสู่การเมือง เริ่มจากการเมืองท้องถิ่นบ้านเกิด แล้วเข้าสู่รัฐสภาเวสมินเตอร์กลางใจกรุงลอนดอน แต่เขาได้เป็นผู้แทนในรัฐสภาไม่กี่สัปดาห์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งก็ใช้พระราชอำนาจล้มเลิกระบบรัฐสภา แล้วนำทัพอังกฤษทำสงครามกับสก็อตแลนด์ ทำให้อังกฤษไม่มีระบบรัฐสภาไปถึง11ปี ก็ต่อเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ตระหนักถึงความสำคัญและอำนาจของรัฐสภาในการออกกฏหมายหรืออนุมัติในบางเรื่อง พระองค์จึงจำใจให้มีการนำระบบรัฐสภาเข้ามาอีก และโอลิเวอร์ ก็ได้กลับมาเป็นผู้แทนอีก ตอนนี้ “รอยปริ” ระหว่างรัฐสภากับราชสำนักเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมือง โอลิเวอร์ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้เป็นทหาร(ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการรบเลย)
สถานะทางทหารของโอลิเวอร์ยามนั้นโดดเด่นกว่าสถานะผู้แทน และสุดท้ายวันหนึ่งขณะที่เขานั่งฟังการอภิปรายอยู่ เขาตัดสินใจนำกำลังทหารกรูเข้ารัฐสภาและยึดอำนาจในรัฐสภาทันที ด้วยว่าเขาเป็นคนเครื่องศาสนามาก ทีแรกเขาตั้งใจจะให้เหล่าบาทหลวงทำหน้าที่เป็นสส. แทนเรียกว่า Saint Parliaments แต่ก็ไปไม่รอด เขาจึงรวบอำนาจมาไว้ในมือเองประกาศตนเป็น “ผู้พิทักษ์”(Lord Protector) ซึ่งเป็นสามัญชนคนแรกและคนเดียวที่ก้าวขึ้นอำนาจสูงในระบบการปกครองที่ยาวนานของอังกฤษ
แน่นอนว่า ก่อนการประกาศตนเป็นผู้พิทักษ์....เขาและผุ้สนับสนุนได้นำพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งซึ่งตอนนั้นเสด็จลี้ภัยไปอยู่ทีเกาะไอร์อ๊อฟไวท์ทางตอนใต้ของอังกฤษมาพิพากษาที่ลอนดอน คณะลูกขุนซึ่งมีโอลิเวอร์รวมอยู่ด้วยได้ตัดสินประหารชีวิตพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งโดยไม่มีฏีกาไม่มีอุธรณ์ ด้วยขัติยะมานะกษัตริย์ พระเจ้าชาร์ลส์ทรงตรัสบริภาษคณะลูกขุนเหล่านั้นว่าไม่มีอำนาจอะไรจะทำเช่นนั้น แล้วทรงใช้ไม้กระทุ้งใส่หน้าอกลูกขุนคนหนึ่งอย่างแรง จนโลหะที่ติดอยู่หัวไม้เท้านั้นหล่นลงพื้น ทุกคนรวมทั้งข้าราชบริพารในที่นั้น มองหัวโลหะนั้นกลิ้งลงพื้นอย่างไม่แยแส.....ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ใครต่อใครก็ต้องกุลีกุจอก้มลงไปเก็บทูลถวายให้พระองค์ ณ นาทีนั้น พระองค์ตระหนักว่าอำนาจของพระองค์สิ้นสุดลงไปแล้ว จึงยอมรับชะตากรรม.......และพระองค์ถูกนำมาลานประหารในสองสัปดาห์ต่อมาคือวันที่ 30 /01/1649 ซึ่งน่าจะตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ของอุยธยา
เรื่องยังไม่จบแค่นี้!! ในระหว่างที่ความวุ่นวายเกิดขึ้นนั้น พระราชโอรสของพระเจ้าชาร์ล์ส์ที่หนึ่งก็ได้เสด็จหนีภัยไปเนเธอแลนด์ หลังจากโอลิเวอร์ตายไป(โรคไตและพิษไข้มาลาเรีย) ศพของโอลิเวอร์ถูกฝังในไว้ในบริเวณตึกรัฐสภาเวสมินเตอร์ ลูกชายของเขาสืบอำนาจเป็น “ผู้พิทักษ์” ต่อ แต่ก็อ่อนแอ ทำให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่สองราชโอรสของพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งกลับมาปราบและรื้อฟื้นระบบกษัตริย์ขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ และด้วยความแค้นที่มีต่อโอลิเวอร์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่สองสั่งให้ทหารไปขุดร่างของโอลิเวอร์ขึ้นมาพิพากษาประหารชีวิต โดยนำศพนั้นไปแขวน แล้วนำลงมาตัดประจาน!!
หมุดที่ชี้จุดที่ฝังศพของศพของโอลิเวอร์ ครอมเวล
credit: http://www.traveldarkly.com/oliver-cromwell-charles-i-london-execution-sites/
หากเอ่ยถึงนักรบ นักการเมืองระดับโลกชื่อของโอลิเวอร์ ครอมเวล ย่อมจะปรากฏอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน จากสามัญชนคนธรรมดาที่เป็นชาวนา(Farmer) แล้วก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยาก เขาจะไม่ยิ่งใหญ่เท่า “จูหยวนจาง” ที่ไต่เต้าจากสามัญชนขึ้นสถาปนาเป็นปฐมจักรพรรดิ์แห่งราชวงหมิงก็ตาม แต่เขาคือหนึ่งผู้ที่สร้างสีสันและจุดประกายให้กับระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษ
หัวนี้เชื่อว่าเป็นหัวจริงของโอลิเวอร์ ครอมเวล
credit: http://www.traveldarkly.com/oliver-cromwell-charles-i-london-execution-sites/