สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
หมอเจอแค่นี้ถือว่ายังเบาๆครับ เจอพวกเก่งกว่าหมอรู้ดีกว่าหมอ วินิจฉัยตัวเองมาจากบ้าน
พอเจอหมอตรวจวินิจฉัยให้ ไม่ตรงกับที่คนไข้เปิดดูในเน็ตมา ดันไม่พอใจ
น้องสาวผมเป็นหมอเหมือนกัน โดนร้องเรียนเพราะเรื่องแบบนี้แหละครับ
คือคนไข้ปวดท้อง ถ่ายท้อง อาเจียน น้องผมวินิจฉัยอาหารเป็นพิษ
คนไข้กับญาติเถียงบอกว่าเป็นกระเพาะ ทำอาหารกินเองจะไม่สะอาดอาหารเป็นพิษได้ไง
เปิดเน็ตให้น้องผมอ่านในมือถือเป็นหน้าๆ แล้วว่าเป็นหมอได้ไงมั่วไม่รู้เรื่อง
สุดท้ายปฏิเสธไม่รับนอนให้น้ำเกลือ ไปโรงพยาบาลเอกชนแถมก่อนไปมีโวยไว้ด้วยนะ
หลังจากนั้นวันถัดมาตอนบ่ายๆ คนไข้กลับมาครับ แต่นอนมาเลยนะส่งตัวมาจาก
รพ.เอกชนแห่งนึง สรุปว่าท้องร่วงติดเชื้ออาหารเป็นพิษน่ะแหละ เสียน้ำมากเกือบช๊อค
ที่ย้ายกลับมาเพราะจ่ายเอกชนอีกคืนนึงไม่ไหว เอากับเค้าสิ
น้องผมก็เจอคนไข้ตรรกะแปลกๆเยอะครับ เหมือนเป็นปกติของคนสมัยนี้ไปแล้ว
พอเจอหมอตรวจวินิจฉัยให้ ไม่ตรงกับที่คนไข้เปิดดูในเน็ตมา ดันไม่พอใจ
น้องสาวผมเป็นหมอเหมือนกัน โดนร้องเรียนเพราะเรื่องแบบนี้แหละครับ
คือคนไข้ปวดท้อง ถ่ายท้อง อาเจียน น้องผมวินิจฉัยอาหารเป็นพิษ
คนไข้กับญาติเถียงบอกว่าเป็นกระเพาะ ทำอาหารกินเองจะไม่สะอาดอาหารเป็นพิษได้ไง
เปิดเน็ตให้น้องผมอ่านในมือถือเป็นหน้าๆ แล้วว่าเป็นหมอได้ไงมั่วไม่รู้เรื่อง
สุดท้ายปฏิเสธไม่รับนอนให้น้ำเกลือ ไปโรงพยาบาลเอกชนแถมก่อนไปมีโวยไว้ด้วยนะ
หลังจากนั้นวันถัดมาตอนบ่ายๆ คนไข้กลับมาครับ แต่นอนมาเลยนะส่งตัวมาจาก
รพ.เอกชนแห่งนึง สรุปว่าท้องร่วงติดเชื้ออาหารเป็นพิษน่ะแหละ เสียน้ำมากเกือบช๊อค
ที่ย้ายกลับมาเพราะจ่ายเอกชนอีกคืนนึงไม่ไหว เอากับเค้าสิ
น้องผมก็เจอคนไข้ตรรกะแปลกๆเยอะครับ เหมือนเป็นปกติของคนสมัยนี้ไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 2
อย่าเสียความรู้สึกและกำลังใจทำงานเลยค่ะ
ความโกรธที่มีต่อผู้รักษา มันเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเพียง anger stage of grief เมื่อได้รับข่าวในทางไม่ดีในการรักษา หรือ วินิจฉัยว่าเป็นโรค ยังไงมนุษย์ก็มีธรรมชาติของ defense mechanism อยู่
เมื่อก่อนก็เจอบ่อยค่ะ เพราะต้องแจ้งข่าวร้ายประจำ ความโกรธที่ลงมาก็แค่ปล่อยผ่านและช่วยเขารับมือกับภาวะต่อไป เพื่อให้เขาไม่ loss ไปจากระบบน่ะ
หลายครั้งต้องรื้อตำราเทคนิคการสื่อสารข่าวร้ายมาอ่านเหมือนกัน ยากกว่าแจ้งคนป่วย ก็แจ้งญาติคนป่วย โดยเฉพาะเมื่อคนป่วยเป็นเด็กนี่ล่ะ defense มาเต็มเลย เพราะผู้ปกครองเขาจะ grief & guilt มาก และรู้สึกว่า เขาบกพร่องในการดูแลประมาณนั้น ถ้าโกรธหรือปฏิเสธมากๆ ก็ไป ก็ shopping doctor อีก กว่าจะวนกลับมาหาอีกที ก็เสียโอกาสบำบัดไปมาก
ของคุณหมอยังดีค่ะ โรคทางกายประจักษ์หลักฐานบ่งชี้ค่อนข้างชัด ของเราอยู่ฝ่ายใจ การทำให้ใครซักคนตระหนักในความเจ็บป่วยหรือปัญหาของตน เวลาทำสำเร็จแทบจะจุดพลุฉลองเลยค่ะ... success คุ้มค่าแล้ว
ความโกรธที่มีต่อผู้รักษา มันเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเพียง anger stage of grief เมื่อได้รับข่าวในทางไม่ดีในการรักษา หรือ วินิจฉัยว่าเป็นโรค ยังไงมนุษย์ก็มีธรรมชาติของ defense mechanism อยู่
เมื่อก่อนก็เจอบ่อยค่ะ เพราะต้องแจ้งข่าวร้ายประจำ ความโกรธที่ลงมาก็แค่ปล่อยผ่านและช่วยเขารับมือกับภาวะต่อไป เพื่อให้เขาไม่ loss ไปจากระบบน่ะ
หลายครั้งต้องรื้อตำราเทคนิคการสื่อสารข่าวร้ายมาอ่านเหมือนกัน ยากกว่าแจ้งคนป่วย ก็แจ้งญาติคนป่วย โดยเฉพาะเมื่อคนป่วยเป็นเด็กนี่ล่ะ defense มาเต็มเลย เพราะผู้ปกครองเขาจะ grief & guilt มาก และรู้สึกว่า เขาบกพร่องในการดูแลประมาณนั้น ถ้าโกรธหรือปฏิเสธมากๆ ก็ไป ก็ shopping doctor อีก กว่าจะวนกลับมาหาอีกที ก็เสียโอกาสบำบัดไปมาก
ของคุณหมอยังดีค่ะ โรคทางกายประจักษ์หลักฐานบ่งชี้ค่อนข้างชัด ของเราอยู่ฝ่ายใจ การทำให้ใครซักคนตระหนักในความเจ็บป่วยหรือปัญหาของตน เวลาทำสำเร็จแทบจะจุดพลุฉลองเลยค่ะ... success คุ้มค่าแล้ว
ความคิดเห็นที่ 1
อยากให้เด็กหลายคนที่อยากเป็นหมอ เพราะต้องการร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะอุดมการณ์ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้เสียจริง ๆ อยากให้พวกเขาเหล่านั้นได้รับรู้ว่า แพทย์เป็นงานที่หนักและเหนื่อย ต้องเสียสละอย่างมากทั้งเวลาและพลังงานชีวิต ถ้าไม่นับว่าต้องทนอยู่เพราะใช้ทุน ผมนี่นับถือน้ำใจของอาจารย์หมอหลายท่านมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ (ที่สบายแล้ว) ได้ นอกจากใจจะต้องแข็งแกร่งมากแล้วอุดมการณ์ยังต้องแน่วแน่มากอีกด้วย สุดท้ายแล้ว แพทย์ก็ คือ ผู้ให้บริการรูปแบบหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะคุณหมออยู่ในโรงพยาบาลเอกชนด้วย ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐเรื่องอาจอกเป็นอีกทาง
อยากแนะนำให้คุณหมอเอาธรรมะเข้าช่วยดับทุกข์ ว่าคนไข้อาจจะหุนหันพลันแล่น เพราะอาการเจ็บป่วยของเขาที่ทรมานสังจารอยู่ การที่เขาเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ก็นับว่าเขาไปเสวยทุกข์มากขึ้นไปอีกจากจิตที่ไม่สงบ แต่ให้ความไม่สงบของคนไข้นั้น มาบั่นทอนกำลังใจของท่านเลย เพราะตอนนี้ สิ่งที่คุณหมอทุกข์ ไม่ใช่คำพูดของคนไข้ แต่เป็นตัวคุณหมอเองที่เก็บเอาคำพูดเหล่านั้น มาทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ตอนนี้
ขอให้กำลังใจ
อยากแนะนำให้คุณหมอเอาธรรมะเข้าช่วยดับทุกข์ ว่าคนไข้อาจจะหุนหันพลันแล่น เพราะอาการเจ็บป่วยของเขาที่ทรมานสังจารอยู่ การที่เขาเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ก็นับว่าเขาไปเสวยทุกข์มากขึ้นไปอีกจากจิตที่ไม่สงบ แต่ให้ความไม่สงบของคนไข้นั้น มาบั่นทอนกำลังใจของท่านเลย เพราะตอนนี้ สิ่งที่คุณหมอทุกข์ ไม่ใช่คำพูดของคนไข้ แต่เป็นตัวคุณหมอเองที่เก็บเอาคำพูดเหล่านั้น มาทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ตอนนี้
ขอให้กำลังใจ
แสดงความคิดเห็น
อยากบอกคนไข้ทุกคนว่าหมอก็เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเหมือนกัน ไม่ได้วิเศษกว่าใคร
เนื่องจากวันนี้คนไข้รายหนึ่ง มีอาการแน่นท้องจุกเสียดเหมือนมีลมอยู่ในท้องตลอดเวลา ประกอบกับสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
ผมได้ทำการวินิจฉัยแล้วพบว่ากระเพราะอาหารอักเสบ แต่ตามความเป็นจริงแล้วนั้นแพทย์สามารถให้ยากลับไปลองรับประทานดูได้
เพื่อดูว่าอาการนั้นเป็นไปอย่างที่วินิจไว้หรือไม่ แต่ตอนนั้นผมเห็นว่าคนไข้ไม่ไหวแล้ว
ผมจึงถามว่าคนไข้ทำประกันอะไรไว้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ไหม ค่ารักษาที่นี่มันแพงไม่เหมือนของโรงพยาบาลรัฐ
คนไข้ก็บอกว่าผมทำประกันไว้สามารถเบิกข้างนอกได้ (ผู้ป่วยนอก) อ่ะประเด็นนี้ก็ผ่านไป ผมจะถามแบบนี้กับคนไข้ทุกคนอยู่แล้ว
หลังจากพูดคุยเสร็จ ผมก็จะตรวจร่างกายคนไข้คนนี้ด้วยวิธีการส่องกล่องเพื่อดูความผิดปกติของกระเพาะอาหารส่วนต้น
จึงได้ข้อสรุปว่า คนไข้ติดเชื้อ h.pylori ในกระเพาะอาหารแต่ไม่รุนแรงนัก ผมจึงเขียนใบสั่งยาแล้วให้พยาบาลนำไปให้แผนกเภสัชจัดยาให้
ขั้นตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อย....
แต่หลังจากนั้นคนไข้ก็ถามว่าโรคที่เป็นอยู่มันเกิดจากอะไร สาเหตุมาจากไหน ทำไมจึงเกิด
ผมก็ยินดีที่จะตอบทุกอย่าง ก็เลยอธิบายคนไข้ไปยินดีให้คนไข้ถามเพื่อคลายความสงสัย แล้วเสริมตอนท้ายผมจึงแนะนำว่าเวลาจะทานอะไรควรระมัดระวังด้วย เนื่องจากคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินกระเพาะอาหาร ท้องใส้จะไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ต้องเลือกทานสักนิดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก แนะนำเรื่องการปฎิบัติตัวอะไรก็ว่ากันไป ให้คนไข้รู้สึกว่าการมารับการตรวจการรักษาครั้งนี้มันคุ้มค่าที่สุดแล้ว เหมาะสมแล้วกับค่าใช้จ่าย
แต่คนไข้กลับไม่พอใจแล้วพูดว่า "คุณหมอ ผมดูแลตัวเองได้ พูดแบบนี้เหมือนคุณหมอจะบอกว่าผมเป็นคนไม่รู้จักดูแลตัวเองใช่มั้ยครับ"
ผมนี่....หน้าชาไปแปบนึง แล้วผมก็พูดว่า "อ่อเปล่าครับ ผมแค่แนะนำคนไข้ว่าควรจะปฎิบัติตัวอย่างไรเท่านั้นเอง"
แล้วหลังจากนั้นเหมือนระเบิดลงกลางห้อง โดยคนไข้พูดว่า
"ปกติดูแลตัวเองดีมากแต่มันพลาดนิดหน่อยแค่นั้นเอง ปกติก็ไม่เคยเป็นอะไรไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย เป็นคนชอบออกกำลังกาย คุณเป็นหมอ คุณหมอไม่เคยป่วยจะไปรู้อะไรครับว่าเวลาป่วยควรดูแลตัวเองยังไง เป็นหมอไม่เคยเป็นอะไรอยู่แล้วเพราะพอเป็นก็รักษาตัวเองได้ ฉะนั้นก็ควรจะแนะนำผมเรื่องอาการของโรคก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องมาบอกว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไร ผมรู้ดี"
อ้าวเฮ้ย ใช่เหรอ คือจะบอกว่าโรคกระเพาะอาหารเนี่ยมันไม่ได้อยู่ที่ว่าแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง
มันอยู่ที่อาหารการกินของเรา เราไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่เรากำลังจะหยิบใส่ปากมันมีเชื้อโรคอะไรบ้าง
แล้วเขาก็เดินพรวดออกไป ผมกับพยาบาลนี่คือมองหน้ากันเลย พยาบาลแอบเดินมาถามว่าคนไข้หงุดหงิดอะไรมา
เข้าใจว่าเขาอาจจะไม่พอใจ แต่ผมก็แค่ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดแค่นั้น ส่วนเขาอาจจะหงุดหงิดกับอาการที่เป็นอยู่ ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรหรอก
แต่มาเสียความรู้สึกตรงที่มาบอกว่าหมอไม่เคยป่วย หมอที่ไหนไม่เคยป่วยไม่เคยเจ็บ
หมอก็คนนะครับ ต้องกินต้องนอนเหมือนกัน ไม่ใช่หุ่นยนต์โรบอท รู้มั้ยว่าในขณะที่คุณนอนพักดูทีวีอยู่บ้าน
หมอบางท่านยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ตรวจคนไข้เป็นร้อยอยู่เลยนะครับ
ไม่เคยจะได้กินข้าวตรงเวลากันหรอกนอกจากพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่จะจัดคิวให้
แนะนำคนอื่นว่าให้ปฎิบัติตัวยังไงๆ แต่ตัวหมอๆเองไม่เคยจะทำได้เลยเพราะมันสวนทางกับหน้าที่การงานที่ทำอยู่
ทำงานหนักมากบางวันกินข้าวสามทุ่มสี่ทุ่มนะครับ ไม่ได้จะสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปหรอกครับ ดีไม่ดีแย่กว่าด้วยซ้ำ
คุณอย่าพูดว่าหมอดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่จริงเลยครับ มีเพื่อนเป็นแพทย์หรือเปล่า ถ้ามีคุณลองไปถามเพื่อนคุณว่าเคยป่วยเคยนอนซมอยู่บ้านมั้ย ทุกคนเคยหมดครับ หมอก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนนึงที่ยอมเสียสละเวลาส่วนตัวมากกว่าปกติแค่นั้น เส้นทางหมอก็ไม่ใช่สวยหรูนะครับ ลองมาเรียนแล้วจะรู้ว่ากว่าจะเรียนจบ กว่าจะได้มาทำงานตรงนี้มันเหนื่อยมากแค่ไหน แล้วมันคุ้มไหมที่จะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ มันบั่นทอนความรู้สึกครับ
ไปถามเพื่อนที่กำลังขึ้นวอร์ด กำลังเป็นนศ.แพทย์ชั้นพรีคลินิกก็ได้ว่าเหนื่อยมั้ย มีเวลาไปเฮฮาปาร์ตี้มั้ย ขึ้นวอร์ด7โมงเช้าลงวอร์ดที2ทุ่ม
ทุกคนจะรู้ว่าการขึ้นวอร์ดครั้งแรกนั้นกดดันแค่ไหน ต้องคอยทำหน้าที่เป็นแพทย์เสมือนจริง
ปวดหัวกันทั้งอาจารย์แพทย์ที่ต้องตรวจเคส ปวดหัวทั้งนศ.แพทย์ และคนไข้เช่นกัน ทุกคนมีแต่จะอยากให้ทุกอย่างดีขึ้นอยู่แล้ว
โปรดเห็นใจพวกเขาเหล่านี้เถอะครับ บางท่านนอนไม่ครบ 8 ชมด้วยซ้ำ
ขอบคุณทุกท่านที่ไม่เข้าใจ เห็นต่าง และเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ