บาปรัก 2018 (กึ่งวิพากษ์) : เวอร์ชั่นแรก เวอร์ชั่นปัจจุบัน สิ่งที่คิด สิ่งที่เห็น จากวันแรกถึงตอนนี้

ถ้าถามว่าเข้าใจ "บาปรัก" ว่ายังไง บาปรัก หรือ รักที่เป็นบาป จากละครเวอร์ชั่นแรกที่ถือว่าแรงตามสมควรด้ดวยการโปรโหมตว่า ผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งมีสามีแล้วมีสัมพันธ์กับหนุ่มรุ่นน้องซึ่งเป็นผู้ชายขายน้ำ ความรักที่คนพร้อมจะตัดสินว่าไม่ดีจากสิ่งที่เห็น แต่ไม่ได้มองว่าเหตุทั้งหมดเกิดขึ้นและตั้งอยู่ด้วยเหตุอะไร เราเห็นคุณกิรนันท์ในเสื้อผ้าเรียบ ๆ สีสันเจือจาง ซึ่งเหมาะเจาะเหลือเกินกับความไร้ตัวตนของเธอในบ้าน เค้าความสวยสะยังมีให้เห็น แต่ร่องรอยอมทุกข์นั้นเด่นชัดกว่า จากบทสนทนาของกิรนันท์กับพัชเพื่อนสนิทในตอนแรก ทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้อับจนหนทางเหลือเกิน ถึงจะถูกทำร้าย โขกสับ ทั้งกายและใจ เป็นคนโง่งมเป็นที่ระบายอารมณ์

แต่เจ้าตัวก็อยู่ตรงนั้นมานานเกินไป นานจนกระทั่งกลัว และ คิดไม่ออกเลย ว่าถ้าหากจะต้องอยู่คนเดียวจะเป็นอย่างไร แม้เพื่อนจะคอยปลอบใจ คอยกระตุ้นให้หย่าอยู่เนือง ๆ ความไม่มั่นใจกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นก็ทำให้กิรนันท์หยุดชีวิตอยู่ที่เดิม แล้วใครจะไปว่าอะไรได้ เมื่อเจ้าตัวไม่ขยับ บอกไปก็เท่านั้น พัชเองก็เข้าใจเพื่อนในระดับหนึ่ง ลูกคุณหนู สุขภาพไม่แข็งแรง เป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ ที่ก้าวเข้าสู่ชีวิตแต่งงานด้วยความหวังที่บุพการีจะฝากฝังเธอไว้ในมือที่เข้มแข็งของใครซักคน เมื่อมันกลับกลายมาเป็นอย่างนี้ คนที่เกิดและเติบโตมาอย่างสงบเรียบง่าย แถมตัวคนเดียวไร้ญาติมิตร จึงไม่มีไฟ ไม่มีกำลังที่จะคิดต่อกร

ในวันที่คิดว่าตัวเองต้อยต่ำและไร้ค่าถึงขีดสุด ..... เวลานั้นเองที่มนุชญ์ก้าวเข้ามา ภายใต้ความนุ่มนวลอ่อนหวาน อย่างคนที่มีอาชีพบริการอย่างพนักงานขาย มีร่องรอยความหมองหม่นอยู่บ้างจากความลับและความจำเป็นที่กลายเป็นตราบาปติดตัว ด้วยการก้าวเข้าสู่วังวนที่ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกตีราคาเป็นเงิน อาจเป็นเพราะว่าคนทุกข์หนักมักมองเห็นร่องรอยความทุกข์ของคนที่เป็นเช่นเดียวกัน ความใกล้ชิดจึงเกิดขึ้น กลายเป็นการแบ่งปันทุกข์สุขอย่างลึกซึ้ง แบบมี deep talking และ กลายเป็นความรัก ภายในเวลาไม่กี่เดือน

วันนั้นเองที่กิรนันท์ได้รู้ว่ายังมีใครที่มองเห็นว่าเธอมีค่า เขาทะนุถนอมเธอราวกับเป็นสิ่งบอบบาง แตกหักง่าย และความรักที่เกิดขึ้นนี้เองเป็นกำลังใจให้ต่างฝ่ายต่างเข้าเผชิญหน้ากับความทุกข์ เป็นคนทุกข์หนักสองคนที่พยายามจะแบกมันไปด้วยกัน กิรนันท์ตอบแทนความรักความห่วงของมนุชญ์ด้วยการยืนหยัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยการต่อสู้ปลดแอกตัวเองสู่ความเป็นอิสระด้วยการฟ้องหย่า ส่วนมนุชญ์ก็พยายามอย่างหนักที่จะถีบตัวให้พ้นมุมมืดด้วยการยึดเอาความรักที่คุณกิมีให้เขาและเขามีให้คุณกิเป็นสิ่งนำทาง

ส่วนในเวอร์ชั่นปัจจุบัน สิ่งที่เห็นคือความสวยไม่สร่างของคุณกิรนันท์ เงื่อนไขชีวิตต่างกันมาก คุณกิในเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้จืดเจื่อนเหมือนเวอร์ชั่นที่แล้ว ที่ทนอยู่ไม่ใช่ไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน ไม่กลัวด้วย เธอมีทางไป มีเครือข่าย มีกำลังที่จะต่อสู้ฟาดฟัน แต่ที่อดทนก็เพื่อเอิร์ธ ถึงสิ่งที่เลอยศทำจะร้ายกาจสาหัสแต่ความรักที่เขามีต่อลูกไม่ใช่ของปลอม การอยู่เป็นครอบครัวน่าจะเป็นผลดีกับลูก แต่เมื่อเอิร์ธจากไป ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายหลุดลอยลับตา ยิ่งได้รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เหตุผลที่จะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีอีกแล้ว เธอทนเห็นหน้าเขาไม่ได้ แต่ที่ยังไม่ลุกขึ้นมาทำอะไร เพราะ จิตใจมันบอบช้ำเกินทนกับการเสียลูก สำทับด้วยการโดนโบยตีจากคนที่เคยเชื่อว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดมานานหลายปี จนกระทั่งที่เธอดีขึ้นเพราะจิตแพทย์ นี่ล่ะ .... เธอถึงได้ลุกขึ้นมาเพื่อคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี

แน่นอนว่า "ตะวัน" มีส่วนอยู่บ้างในเรื่องนี้ คนทุกคนสมควรจะมีความสุขตะวันว่าไว้ แต่เหตุผลและเงื่อนไข มันก็ยังไม่แน่นหนาพอที่จะทำให้คนดูคิดเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะก่อเกิดเป็นความรัก มันเป็นแค่การจุดประกายจากการได้ยินได้ฟังคนพูด .... แล้วเหมือนกิรนันท์ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า เออ ใช่ไง ฉันสมควรมีความสุข เธอควรจะมีชีวิตใหม่ กิรนันท์ไม่ได้คิดว่าตัวเองไร้ค่าจึงถูกเหยียบย่ำ กลับกันด้วยซ้ำ พวกนั้นมาพรากสิ่งสำคัญไปจากชีวิต แถมยังใช้เล่ห์กลหลอกลวงทางกฎหมายอีกด้วย ทำไมกิรนันท์คนนี้ต้องยอม เธออาจกลัว อาจหวั่นไหวบ้าง แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้อยต่ำ และ ไม่ใช่คนขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาทำก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นคงไม่จัดการหาทนาย และ ดำเนินการตามแผน ลงทุนให้เขาลงไม้ลงมือ การวางคาแร็คเตอร์แบบนี้ ทำให้ความสำคัญของตะวันที่ควรจะมีมันน้อยลงไป คือ ตะวันไม่จำเป็นในตอนนี้เลย แต่จะไม่มีบทบาทเลยก็ไม่ได้ ก็เห็นนะว่ามีความพยายามที่จะให้ตะวันมีบทบาทสอดแทรกเข้ามาในชีวิตของคุณกิ

แต่ทว่า .... การแทรกเข้ามานั้น กลายเป็นความวอแวลำไยยกสวนไปเสียแบบนั้น เหมือนมาผิดที่ และ ผิดเวลา ก็วิเคราะห์ไปว่าบทพยายามฉีกว่าผู้หญิงเรากล้าหาญเข้มแข็ง สามารถสู้กับปัญหาได้เหมือนที่กิฟาดกับเลอยศตอนนี้ แล้วก็พยายามบอกต่อไปอีกว่าความเข้มแข็งมันไม่ได้มีกันตลอดเวลานะ มันก็มีบางทีที่เรากลัว มีบางทีที่เราต้องการใครซักคน และ ตรงนี้ก็เป็นความพยายามที่จะให้ตะวันเข้ามา น่าจะกะให้ฟินแหละ เข้าใจ แต่มันอิหลักอิเหลื่อพิกล เพราะ มันอยู่ระหว่างการฟ้องหย่า ในขณะที่เรื่องราวเข้มข้นไปกับการฟ้องหย่ามาก ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างตะวันและกิรนันท์ที่ผ่านเข้ามาจึงกลายเป็นความผิดที่ผิดทาง น้ำหนักที่ปูพื้นความสัมพันธ์ก็จางเหลือเกิน แถมยังให้กิรนันท์บอกกับตะวันไปอีกว่า ... ตัวเองไม่พร้อม มันก็เหมือนส่งสัญญาณแหละว่า เธออย่าเข้ามาตอนนี้นะ พอตะวันตื๊อปั๊บกลายเป็นความงี่เง่า แล้วโดนชี้หน้าว่าถ้าทุกอย่างมันพังก็แกนั่นแหละ แถมคุณกิพอชักใจอ่อนก็โดนไปด้วย ในข้อหาว่าทำไมไม่รู้จักจัดการอะไรให้มันเสร็จก่อน

ทั้งนี้ในเวอร์ชั่นเดิมมันไม่เกิด เพราะเหตุและผลมันหนักแน่นมาตลอดว่า การที่กิลุกขึ้นยืนเพราะมนุชญ์ และ การที่มนุชญ์พยายมถีบตัวตลอดมาก็เพราะกิรนันท์ แล้วทั้งเรื่อง .... ไม่มีใครเป็นทีมเลย ความสัมพันธ์ก็พยายามหลบซ่อน เพราะรู้ว่ามันไม่งาม แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีกันและกัน คงไม่มีจิตใจจะลุกขึ้นต่อสู้ ถ้าไม่อยู่ด้วยกัน ไม่แสดงความรักต่อกัน คงอยู่กันไม่ไหวด้วยแรงกดดันที่มีรอบด้าน ในวันที่มีกันแค่ 2 คน และ การโดนชี้นิ้วถากถางจากสังคม โดยที่ไม่รู้เลยว่าเหตุผลเบื้องหลังคืออะไร

สิ่งที่คิดจึงเป็นว่าดูเหมือนผู้สร้างพยายามจะหนีภาพเดิม และ ปรับให้ทันสมัย  ในแง่ที่ว่าผู้หญิงสนิมสร้อยอย่างกิในเวอร์ชั่นเดิมไม่น่าจะถูกใจคนดู แต่พอปรับกิให้สู้  สิ่งที่ต้องทำคือบทบาทของตะวัน ผู้สร้างจัดภาพตะวันให้เป็นด้านสดใส แต่กิเองก็ไม่ได้อยู่ในมุมมืดไง ทั้งแซ่บทั้งสู้ใส่ทั้งผัว เมียน้อย แม่ผัว สว่างแดดจ้าเลย ส่วนตัวนี่ว่าถ้าปรับบทตะวันให้เป็นหนุ่มนิ่ง ๆ ที่ไม่ต้องเร้าหรือขนาดนี้ หรือ ให้คุณกิมีมุมหวานอมขมกลืนกว่านี้ มันจะทำให้เหตุผลการสานสัมพันธ์ระหว่างกิกับตะวันมันลื่นไหล และ น่าเอาใจช่วยมากขึ้น กลัวใจว่าถ้ายังมาแนวทางนี้ต่อไป บาปรักที่ตั้งใจจะตั้งคำถามว่า ... ก่อนจะชี้ว่ารักครั้งนี้เป็นบาปมองเห็นสิ่งที่เขาผ่านมากันหรือยังในเวอร์ชั่นก่อน มันจะกลายเป็นบาปจริงในเวอร์ชั่นนี้

ก็ทิ้งท้ายไว้เท่านี้ก่อนสำหรับ 5-6 ตอนแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่