เหตุและผลของพุทธศาสนา

เรื่องเล่าต่อ..ที่ฟังดูแล้วมีความเป็นเหตุ..เป็นผลแห่งพุทธ..อย่างแท้จริง.กล่าวคือ..
..สมัยพุทธกาล
มีคนถามพระพุทธองค์ว่า ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร

พระพุทธองค์ตอบว่า"ไม่ได้อะไรเลย"
ถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร

พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป
                      
นั้นก็คือความโกรธได้หายไป ความหม่นหมองวิตกกังวลก็หายไป ความเศร้าท้อแท้ก็หายไป
              
ความกังวลไม่สบายใจได้หายไป
                      
ความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะพิษร้ายทั้งสามก็หายไป
                      
อวิชาคือความไม่รู้ที่ปิดกั้น ปุถุชนทั้งหลายก็ได้สูญสิ้นไป

พูดเหมือนง่าย แต่เหตุผลมันลึกซึ้ง

คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือเกิดกับตาย

เรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องจะทุกข์ร้อนไปทำไม

มีวาสนาก็มา ไม่มีวาสนาก็ไป สิ่งใดที่สมควรแก่เหตุก็มาเอง

สิ่งใดที่ไม่สมควรแก่เหตุ จะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ

มีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัย

ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น

ผู้มีปัญญาทั้งหลายไม่เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับปาก
และตาของผู้อื่น
                                    
ให้มองเห็นจิตและใจของตนเอง ให้มีสติ รู้จิต ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ดิ้นรนแสวงหาในสิ่งที่หลอกลวงทั้งหลาย

ไม่ดิ้นรนแสวงหา ใจเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง

จะร้อนจะหนาว จะลุกจะนั่ง จิตก็มีสติอยู่เสมอ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม

เกิดเป็นคน อย่าเป็นคนหลอกลวงไร้สัจจะ ถ้าเป็นคนหลอกลวงจะไม่สามารถเปิดใจต่อผู้อื่นได้

ความทุกข์ที่สุดของมนุษย์คือใจที่ไร้ที่พึ่ง

ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม

จิตที่ดีงามย่อมไม่มีเรื่องทุกข์ใจ

จิตที่ประเสริฐ ย่อมไม่มีผู้ที่จะต้องเคียดแค้นชิงชัง

จิตที่เรียบง่าย ย่อมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ

เป็นคนดี กายใจซื่อตรง ย่อมหลับเป็นสุข

ผู้ประกอบกรรมดี ฟ้าดินย่อมมองเห็น ผีสางเทวดาย่อมสรรเสริญ

ความสงบที่แท้จริงมิได้เกิดจากการนั่งนิ่งๆหลายชั่วโมง แต่เกิดจากการมองผู้คนและสิ่งทั้งหลายด้วยใจที่สงบ ได้ยินแม้แต่เสียงดอกไม้บาน

นั่งก็เป็นสมาธิ เดินก็เป็นสมาธิ เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ว่างเปล่า

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้แต่เพียงเกี่ยวข้องแล้วก็ผ่านไป

พวกเราทุกคนเป็นเพียงแขกผู้ผ่านกาลเวลาเท่านั้น

วันหนึ่งเราก็ต้องบอกลาทุกสิ่งไป

ทุกสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าควรจะทะนุถนอม แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ต้องอาลัย สิ่งใดที่ควรจะได้ก็จงรับด้วยความยินดี

ขออวยพรแด่ทุกคนที่มีวาสนาได้เกิดร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน รวมทั้งญาติสนิทมิตรสหาย

มีความสุข เบิกบานใจทุกวันคืน.....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่